พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์)
มหาอำมาตย์ตรี[1]พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (20 มิถุนายน พ.ศ. 2422 - 20 กันยายน พ.ศ. 2487) อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนแรกและคนสุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้เป็นต้นสกุล "ณ ป้อมเพชร์"
พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์) | |
---|---|
เกิด | 20 มิถุนายน พ.ศ. 2422 พระนครศรีอยุธยา |
เสียชีวิต | 20 กันยายน พ.ศ. 2487 (65 ปี) |
สัญชาติ | ไทย |
นายจ้าง | กระทรวงยุติธรรม |
คู่สมรส | คุณหญิงเพ็ง ณ ป้อมเพชร์ (สุวรรณศร) |
บุตร | 12 คน |
บิดามารดา | พระยาไชยวิชิตสิทธิสาตรา (นาค) หม่อมราชวงศ์ลำเจียก ภุมรินทร์ |
ญาติ | เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) |
ประวัติ
แก้พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา มีนามเดิมว่า "ขำ" เป็นบุตรของพระยาไชยวิชิตสิทธิสาตรา (นาค) อดีตผู้รักษากรุงเก่า กับหม่อมราชวงศ์ลำเจียก (สกุลเดิม: ภุมรินทร์) เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่เกาะบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในขณะที่บิดารับราชการอยู่ ณ พระราชวังบางปะอิน
นายขำได้ศึกษาวิชาสามัญที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ สอบไล่ได้ประโยค 2 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดตามหลักสูตรวิชาสามัญในขณะนั้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ. ศ. 2438 และได้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่สำเหร่บอยส์คริสเตียนไฮสกูล (โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย) โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนราชวิทยาลัย (ปัจจุบัน คือ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์) จากนั้นก็สมัครเข้าเป็นนักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งเวลานั้นเรียกว่าโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และรับราชการเป็นเสมียนสามัญในกระทรวงมหาดไทย
เมื่อสำเร็จการศึกษาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ได้รับประกาศนียบัตรของกระทรวงมหาดไทย (ภายหลังโรงเรียนแห่งนี้ได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนมหาดเล็ก โรงเรียนข้าราชการพลเรือน และคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ใน พ.ศ. 2443 ก็เริ่มรับราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
พ.ศ. 2445 ได้รับแต่งตั้งเป็นนายอำเภอปากพนัง เมืองนครศรีธรรมราช ครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับที่อำเภอปากพนังเมื่อ พ.ศ. 2447 ทอดพระเนตรเห็นการปฏิบัติงานของนายอำเภอเป็นที่พอพระราชหฤทัย โดยเฉพาะในส่วนการเรือนจำ ทรงชมเชยการทำอิฐของเรือนจำอำเภอปากพนัง ว่าเป็นอิฐที่ทนทาน แข็งแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งอิฐไปร่วมพระราชกุศลในการสร้างวัดเบญจมบพิตร ก่อนเสด็จกลับได้พระราชทานซองบุหรี่เงินลงยา มีพระปรมาภิไธยสยามินทร์ แก่นายขำ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ปีเดียวกันนายขำก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงวิชิตสรไกร" ถือศักดินา ๘๐๐ [2] จากนั้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2449 โปรดเกล้าฯ ให้ หลวงวิชิตสรไกร พ้นจากตำแหน่งนายอำเภอปากพนัง และมารับตำแหน่งปลัดกรมพลัมภังแทนตำแหน่งที่ว่าง[3]
ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงมหาดไทย มณฑลราชบุรี[4] ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสพระแท่นดงรัง หลวงวิชิตสรไกร (ขำ) ได้มีหน้าที่จัดการรับเสด็จ จัดการปรุงแต่งทางที่จะเสด็จไปสู่พระแท่น และจัดสร้างพลับพลาที่ประทับจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย ก่อนเสด็จกลับได้พระราชทานซองบุหรี่เงินรูปหีบไฟ มีพระปรมาภิไธย จ.ป.ร. แกะเป็นรัศมีล้อม ต่อมาหลวงวิชิตสรไกรได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดมณฑลอิสาน ประจำจังหวัดสุรินทร์ แทนพระกรุงศรีบริรักษ์ที่ขอลาออกจากหน้าที่ราชการเนื่องจากมีอาการป่วยเรื้อรัง เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 [5]
พ.ศ. 2454 หลวงวิชิตสรไกรได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสมุทรปราการ[6] และได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น อำมาตย์เอก "พระสมุทบุรานุรักษ์" ถือศักดินา 3,000[7]
จังหวัดสมุทรปราการในเวลานั้น มีปัญหาอาชญากรรม โจรผู้ร้ายชุกชุม พระสมุทบุรานุรักษ์ได้จัดการปราบปรามและป้องกันให้การอาชญากรรมลดน้อยลง ในส่วนที่เกี่ยวกับการบำรุงก่อสร้าง เวลานั้นงบประมาณแผ่นดินมีไม่มากพอ ท่านจึงได้ใช้แรงงานนักโทษจัดสร้างและปรับปรุงถนนในจังหวัดสมุทรปราการหลายสาย ทั้งได้เริ่มทำถนนเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ โดยสร้างถนนต่อจากถนนในเมืองขนานกับทางรถไฟสายปากน้ำ
เนื่องจากจังหวัดสมุทรปราการเป็นสถานที่พักตากอากาศชายทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นสถานที่ที่ใกล้ที่สุด ท่านเจ้าเมืองได้จัดการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เป็นที่นิยมของชาวกรุงเทพฯ และผู้ที่ประสงค์จะเที่ยวพักผ่อน พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในได้เสด็จไปเป็นจำนวนมาก บางพระองค์ประทับเป็นแรมเดือน
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จมาประทับใน พ.ศ. 2456 พระสมุทบุรานุรักษ์ (ขำ) ได้จัดการรับเสด็จเป็นที่พอพระราชหฤทัย ในการปฏิบัติราชการครั้งนี้ถือเป็นความชอบพิเศษจึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอสิริยาภรณ์ตริตาภรณ์ช้างเผือกเป็นกรณีพิเศษ ข้ามลำดับชั้นจากจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ซึ่งได้รับพระราชทานเมื่อ พ. ศ. 2454
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับแรมที่อ่างศิลา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 ได้พระราชทานนามสกุล “ณ ป้อมเพชร์” แก่พระสมุทรบุรานุรักษ์ (ขำ) เป็นอันดับที่ 150 ดังปรากฏในราชกิจจานุเบกษาว่าด้วยการพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2456[8]
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับแรม ณ เมืองสมุทรปราการ ใน พ.ศ. 2457 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์แก่พระสมุทรบุรานุรักษ์ (ขำ) ให้เป็น "พระยาวรุณฤทธีศรีสมุทรปราการ" ถือศักดินา 3,000[9] ซึ่งการพระราชทานบรรดาศักดิ์ครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษเพราะไม่ปรากฏอยู่ในทำเนียบบรรดาศักดิ์มาแต่เดิม (บรรดาศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองสมุทรปราการจะมีปรากฏว่า "พระสมุทบุรานุรักษ์") เนื่องจากได้ทรงพระราชดำริให้สมกับเหตุการณ์ที่ประจักษ์แก่พระองค์ โดยขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ ณ พลับพลาที่ประทับ ได้เกิดพายุพัดแรงจัดและฝนตกหนักผิดปกติ ทำให้เครื่องกันฝนที่พลับพลาชำรุด พระสมุทรบุรานุรักษ์ (ขำ) ได้อำนวยการซ่อมแซมเครื่องกันฝนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันมิให้พายุฝนทำความเสียหายแก่พลับพลาที่ประทับ วันรุ่งขึ้นได้มีพระบรมราชโองการให้เข้าไปเฝ้าที่พลับพลาและพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระยาวรุณฤทธีศรีสมุทรปราการ ซึ่งหมายความว่า "มีอำนาจเหนือฝน" อันเป็นศิริแก่จังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. 2458 ได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น มหาอำมาตย์ตรี "พระยาเพชร์ชฎา"[10] อันเป็นนามบรรดาศักดิ์ที่พระยาไชยวิชิตสิทธิสาตรา (นาค ณ ป้อมเพชร์) ผู้เป็นบิดาเคยได้รับพระราชทานเมื่อครั้งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำมหันตโทษ (เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร) ต่อมาในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุลเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตรา “พระราชบัญญัติจัดตั้งกรมราชทัณฑ์” ขึ้น[11] และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ มหาอำมาตย์ตรี พระยาเพชร์ชฎา (ขำ ณ ป้อมเพชร์) ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนแรก[12]
เมื่อเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ท่านได้จัดวางรูปแบบราชการให้มีความเป็นระบบระเบียบ เช่น ได้จัดรวบรวมพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ข้อบังคับ คำสั่ง เข้าเป็นเล่มเดียวกันทำนองประมวลการราชทัณฑ์ นอกจากนี้ได้วางระเบียบเรื่องการใช้แรงงานนักโทษ การโบยนักโทษ โดยกำหนดอำนาจผู้สั่งโบยและให้มีแพทย์ตรวจก่อนโบย ในส่วนการคลังนั้น ได้ประสานงานกับกระทรวงการคลัง โดยขอข้าราชการกระทรวงการคลังมาเป็นหัวหน้ากองคลัง โดยข้าราชการผู้นั้นยังอยู่ในกระทรวงการคลัง การประสานงานวิธีนี้เป็นมาโดยเรียบร้อย นอกจากการจัดระบบงานดังได้กล่าวมาแล้ว พระยาเพชร์ชฎาได้จัดอบรมนักโทษเช่นเดียวกับการฝึกวิชาชีพ และการใช้แรงงานนักโทษทำงานสาธารณะ หารายได้นำส่งกระทรวงการคลัง จัดการก่อสร้างเรือนจำถาวรและชั่วคราวขึ้นหลายแห่ง
25 สิงหาคม พ. ศ. 2467 พระยาเพชร์ชฎาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมดา"[13] และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย และทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ใน พ.ศ. 2468
ใน พ.ศ. 2468 ได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าให้ยุบเลิกกรมราชทัณฑ์[14] โดยมีความปรากฏตามประกาศยุบเลิกกรมราชทัณฑ์ ว่า
....ทรงพระราชดำริเห็นว่า บัดนี้ราชการในกรมราชทัณฑ์ได้จัดวางระเบียบข้อบังคับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะยุบเลิกกรมราชทัณฑ์ กิจการทั้งปวงในกรมนี้ให้ยกมารวมอยู่ในกรมบัญชาการ กระทรวงยุติธรรม จะเป็นทางประหยัดพระราชทรัพย์ลงได้ส่วนหนึ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยุบเลิกกรมราชทัณฑ์…
ต่อมาเมื่อได้มีการประกาศพระบรมราชโองการยกเลิกบรรดาศักดิ์ใน พ. ศ. 2485 พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมดาจึงได้กลับไปใช้นามและนามสกุลเดิม คือ ขำ ณ ป้อมเพชร์ และได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคความดันโลหิตสูง เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2487 รวมอายุได้ 65 ปี
ชีวิตครอบครัว
แก้พระยาชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์) ได้สมรสกับคุณหญิงเพ็ง ณ ป้อมเพชร์ (สกุลเดิม: สุวรรณศร) บุตรีของหลวงแก้วสัสดี (ดี สุวรรณศร) กับนางนิล สุวรรณศร (สกุลเดิม: สุขุม) มีบุตร-ธิดาด้วยกันทั้งหมด 12 คน ดังนี้
- นางพิศ บุนนาค สมรสกับ พันตำรวจเอก พระอดิศักดิ์อภิรัตน์ (เต็มสุริยวงศ์ บุนนาค) บุตรชายของ พลโท เจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์
- หลวงวิชิตอัคนีนิภา (ขาว ณ ป้อมเพชร์)
- นายเข็ม ณ ป้อมเพชร์
- นางสารี ปุณศรี สมรสกับ หลวงศรีราชบุรุษ (แปลง ปุณศรี)
- ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ สมรสกับ ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของประเทศไทย
- นางอัมพา สุวรรณศร (เป็นยายของ ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย) สมรสกับ ศาสตราจารย์ประมูล สุวรรณศร
- นางเพียงแข สุนทร-วิจารณ์(2458 - 2531:73 ปี) สมรสกับ ศาสตราจารย์เย็น สุนทร-วิจารณ์
- นางสาวนวลจันทร์ ณ ป้อมเพชร์
- เด็กหญิงเภา ณ ป้อมเพชร์
- นางอุษา สุนทรวิภาต สมรสกับ นายประสงค์ สุนทรวิภาต
- นายอานนท์ ณ ป้อมเพชร์
- นายชาญชัย ณ ป้อมเพชร์
ยศ
แก้ยศเสือป่า
แก้ตำแหน่ง
แก้- 4 เมษายน 2462 – องคมนตรี[18]
ลำดับสาแหรก
แก้ลำดับสาแหรกของพระยาชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2467 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[19]
- พ.ศ. 2468 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)[20]
- พ.ศ. 2456 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)[21]
- พ.ศ. 2478 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[22]
- พ.ศ. 2464 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3)[23]
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2454 – เข็มอัยราพต
- พ.ศ. 2455 – เข็มอักษรพระบรมนามาภิธัยย่อ ว.ป.ร. ชั้นที่ 2
อ้างอิง
แก้- ↑ พระราชทานยศ
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงมหาดไทย, เล่ม ๒๔, ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๐, หน้า ๓๕๕
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้หลวงวิชิตสรไกรมาเป็นผู้ว่าราชการเมืองสมุทรปราการ , เล่ม ๒๘, ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๖๓๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์, เล่ม ๒๘, ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๘๐๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงมุรธาธร เรื่อง ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๓, เล่ม ๓๐, ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๘๓๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์, เล่ม ๓๑, ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๗, หน้า ๒๐๐๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์, เล่ม ๓๒, ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๑๓๗๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ ตั้งกรมราชทัณฑ์, เล่ม ๓๒, ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๓๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ ตั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์, เล่ม ๓๒, ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๓๕๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์, เล่ม ๔๑, ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗, หน้า ๑๖๔๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง ยุบเลิกกรมราชทัณฑ์ , เล่ม ๔๒, ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๘, หน้า ๔๑๔
- ↑ เลื่อนและตั้งยศนายกองนายหมู่เสือป่า
- ↑ พระราชทานยศเสือป่า
- ↑ "พระราชทานยศนายเสือป่า" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 2548. 7 พฤศจิกายน 1920.
- ↑ บัญชีรายพระนามและนามผู้ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นองคมนตรี
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๔๕๕, ๑ มกราคม ๒๔๖๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๕๕๑, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๖๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๘, ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๕๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความ ส่งเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลาไปพระราชทาน, เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๔๙๔, ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๓๘๗, ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๔
- “คำนำ” (อุทิศแด่ท่านขำ ณ ป้อมเพชร์) ในหนังสืออธิบายอาชญาวิทยา (ตอนที่ว่าด้วยทัณฑวิทยาทั่วไป) พระนคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยวิชาธัมสาตรและการเมือง, 2487 (ปรีดีเขียนลงวันที่ 22 ตุลาคม 2487)