การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุย
การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุย (จีน: 姜維北伐) หมายถึงชุดการทัพ 11 ครั้งที่เป็นการบุกโดยรัฐจ๊กก๊กกระทำต่อรัฐอริวุยก๊กระหว่าง ค.ศ. 240 ถึง ค.ศ. 262 ในยุคสามก๊กของจีน การทัพนำโดยเกียงอุยขุนพลที่มีชื่อเสียงของจ๊กก๊ก ชุดการบุกขึ้นเหนือนี้แตกต่างจากการบุกขึ้นเหนือครั้งก่อน ๆ หน้าที่นำโดยจูกัดเหลียงซึ่งสามารถยึดเมืองปูเต๋าและอิมเป๋งเข้ามาในอาณาเขตของจ๊กก๊กได้ ในขณะที่การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุยไม่เป็นที่ชื่นชอบในทั้งหมู่ทหารและหมู่พลเรือนในจ๊กก๊ก และยังแตกต่างจาการบุกขึ้นเหนือของจูกัดเหลียงซึ่งมักมีกำลังทหารจ๊กก๊ก 60,000 นายหรือบางครั้งถึง 100,000 นาย ในรขณะที่ของเกียงอุยมีมีกจำนวนน้อยกว่าไม่เกิน 30,000 นาย แม้ภายหลังการเสียชีวิตของบิฮุยซึ่งเกียงอุยได้เข้าควบคุมการบัญชาการทหาร ก่อนหน้านี้การบุกขึ้นเหนือของจูกัดเหลียงประสบปัญหาด้านการขนส่งเสบียงสำหรับทัพขนาดใหญ่ เจียวอ้วนที่เป็นผู้สืบทอดอำนาจของจูกัดเหลียงเชื่อว่าภูมิประเทศที่เป็นแถบเทือกเขาของฮันต๋งเองที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้การทัพล้มเหลว จึงพยายามจะเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพเป็นทางแม่น้ำฮั่นซุย บิฮุยซึ่งสิืบทอดอำนาจต่อจากเจียวอ้วนก็เห็นด้วยและไม่เคยยอมให้เปิดศึกใหญ่ที่ยกไปจากทางฮันต๋ง แต่เกียงอุยไม่สนใจข้อกังวลเหล่านี้และยังฮันต๋งเป็นฐานทัพหลักเช่นเดียวกับที่จูกัดเหลียงเคยทำ
การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุย | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
จ๊กก๊ก เผ่าตีและเกี๋ยง | วุยก๊ก | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
เกียงอุย เตียวเอ๊ก อองเป๋ง เลียวฮัว ม้าตง เตียวหงี † แฮหัวป๋า (หลัง ค.ศ. 249) เอาเจ้ |
กุยห้วย แฮหัวป๋า (ก่อน ค.ศ. 249) ต้านท่าย ชิจิด † หลี เจี่ยน เตงงาย อองเก๋ง สุมาหู สุมาปอง |
การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุย | |||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 姜維北伐 | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวย่อ | 姜维北伐 | ||||||
| |||||||
การทัพบุกทุ่งราบกลางเก้าครั้ง | |||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 九伐中原 | ||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 九伐中原 | ||||||
|
ท้ายที่สุดในการทัพแต่ละครั้งก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากเสบียงอาหารไม่เพียงพอ ความสูญเสียอย่างหนักในสนามรบ หรือเหตุผลอื่น ๆ การทัพเหล่านี้เป็นการผลาญทรัพยากรที่มีจำกัดอยู่แล้วในจ๊กก๊ก และนำไปสู่การล่มสลายของจ๊กก๊กในปี ค.ศ. 263
ในวัฒนธรรมประชานิยมและในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กในศตวรรษที่ 14 การทัพเหล่านี้ถูกเรียกถึงอย่างไม่ถูกต้องว่า "การทัพบุกทุ่งราบกลางเก้าครั้ง" (九伐中原 จิ่วฝาจง-ยฺเหวียน) การเรียกนี้ไม่ถูกต้องเพราะแท้จริงแล้วมีการทัพ 11 ครั้งแทนที่จะเป็น 9 ครั้ง และยุทธการเหล่านี้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างไกลจากทุ่งราบกลาง
โหมโรง
แก้ในปี ค.ศ. 227 แผ่นดินจีนถูกแบ่งเป็น 3 รัฐที่สู้รบกัน ได้แก่ รัฐวุยก๊ก จ๊กก๊ก และง่อก๊ก แต่ละรัฐมีความมุ่งหมายจะรวบรวมดินแดนของราชวงศ์ฮั่นที่ล่มสลายไปให้กลับรวมเป็นหนึ่งภายใต้การปกครองของตน ระหว่างปี ค.ศ. 228 และ ค.ศ. 234 จูกัดเหลียงอัครมหาเสนาบดีและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของจ๊กก๊กได้นำการทัพ 5 ครั้งเข้าโจมตีวุยก๊ก แต่ท้ายที่สุดของการทัพแต่ละครั้งจบด้วยความไม่สำเร็จ และผลโดยภาพรวมก็อยู่ในภาวะคุมเชิงกัน จูกัดเหลียงป่วยเสียชีวิตระหว่างการทัพครั้งที่ 5 ในปี ค.ศ. 234 หลังการเสียชีวิตจองจูกัดเหลียง เจียวอ้วนและบิฮุยซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากจูกัดเหลียงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของจ๊กก๊ก ได้ยุตินโยบายแข็งกร้าวต่อวุยก๊กแล้วหันไปมุ่งเน้นนโยบายภายในและการพัฒนาภายในมากขึ้น มีช่วงเวลาแห่งความสงบระหส่างจ๊กก๊กและวุยก๊กยาว 6 ปีจนถึงปี ค.ศ. 240 เมื่อเกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กตัดสินใจสานต่อปณิธานของจูกัดเหลียงและโจมตีวุยก๊กต่อไป
การบุกครั้งแรก (ค.ศ. 240)
แก้ลำดับเหตุการณ์การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุย[1] | ||
---|---|---|
ช่วงเวลาโดยประมาณ | สถานที่ | เหตุการณ์ |
240 | นครติ้งซี มณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งแรก: |
247 | มณฑลกานซู่และมณฑลชิงไห่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่สอง: |
248 | มณฑลกานซู่, มณฑลชิงไห่ และมองโกเลียใน | |
6 ก.พ. – 1 มี.ค. 249 | แฮหัวป๋าแปรพักตร์ไปเข้าด้วยจ๊กก๊กหลังอุบัติการณ์สุสานโกเบงเหลงเมื่อวันที่ 5 ก.พ. | |
ป. ก.ย. – พ.ย. 249 | มณฑลกานซู่, มณฑลฉ่านซี และมณฑลเสฉวน | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่สี่:
|
250 | มณฑลชิงไห่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่ห้า: เกียงอุยโจมตีเมืองเสป๋งและล่าถอยหลังยึดไม่สำเร็จ |
16 ก.พ. – 17 มี.ค. 253 | นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน | บิฮุยถูกลอบสังหารโดยกัว ซิวที่เป็นผู้แปรพักตร์จากวุยก๊ก |
14 มิ.ย. – 9 ก.ย. 253 | นครเหอเฝย์ มณฑลอานฮุย | ยุทธการที่หับป๋า: เตียวเต๊กป้องกันหับป๋าจากการโจมตีของจูกัดเก๊กได้สำเร็จ |
ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่หก: | |
2 – 31 ก.ค. 254 | ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่เจ็ด: |
18 ก.ย. – 11 พ.ย. 255 | ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่แปด: ยุทธการที่เต๊กโตเสีย |
8 ส.ค. – 6 ก.ย. 256 | ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่เก้า: เตงงายขับไล่การรุกรานที่นำโดยเกียงอุย |
ป. มิ.ย. 257 – มี.ค./เม.ย. 258 | อำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย | กบฏจูกัดเอี๋ยน: จูกัดเอี๋ยนเริ่มก่อกบฏต่อวุยก๊กในฉิวฉุนโดยได้รับการสนับสนุนจากง่อก๊ก แต่ในที่สุดกบฏก็ถูกทัพวุยก๊กปราบปราม |
มณฑลกานซู่และมณฑลฉ่านซี | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่สิบ: เกียงอุยโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของวุยก๊กใกล้อำเภอเตียงเสีย สุมาปองและเตงงายนำทหารเข้าล้อมเกียงอุยแต่ไม่ยกเข้ารบ เกียงอุยล่าถอยไปหลังทราบข่าวว่ากบฏจูกัดเอี๋ยนล้มเหลว | |
30 ต.ค. – 28 พ.ย. 262 | ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ | การบุกขึ้นเหนือครั้งที่สิบเอ็ด: เตงงายรบชนะเกียงอุยที่อำเภอโหวเหอ เกียงอุยล่าถอยไปยังท่าจง |
ในปี ค.ศ. 240 เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กเข้าโจมตีเมืองหลงเส (隴西郡 หล่งซี-จฺวิ้น) ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของวุยก๊ก กุยห้วยขุนพลวุยก๊กจึงนำทัพเข้าโจมตีข้าศึกและขับไล่ไปถึงอาณาเขตของชนเผ่าเกี๋ยง (羌 เชียง) เกียงอุยนำกำลังล่าถอยกลับจ๊กก๊ก ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กุยห้วยเข้าโจมตีชนเผ่าเกี๋ยงที่นำโดยปีต๋อง (迷當 หมีตาง) และเอาชนะได้ ตระกูลชนเผ่าตี มากกว่า 3,000 ตระกูลยอมสวามิภักดิ์ต่อกุยห้วย กุยห้วยให้ย้ายทั้งหมดไปอยู่ภูมิภาคกวนต๋ง (關中 กวานจง; ปัจจุบันคือตอนกลางของมณฑลฉ่านซี)[สามก๊กจี่ 1]
การบุกครั้งที่สอง (ค.ศ. 247)
แก้ในปี ค.ศ. 247 ชนเผ่าเกี๋ยงนำโดยโงโห (餓何 เอ้อเหอ), เสียวกั้ว (燒戈 เชาเกอ)[a] ฝาถง (伐同), เอ๋อเจอไซ (蛾遮塞) และคนอื่น ๆ เริ่มก่อกบฏต่อวุยก๊กในสี่เมืองคือหลงเส (隴西 หล่งซี; ปัจจุบันอยู่บริเวณนครติ้งซี มณฑลกานซู่), ลำอั๋น (南安 หนานอาน; ปัจจุบันอยู่บริเวณอำเภออู่ชาน มณฑลกานซู่), กิมเสีย (金城 จินเฉิง; ปัจจุบันอยู่บริเวณนครหลานโจว มณฑลกานซู่) และเสเป๋ง (西平 ซีผิง; ปัจจุบันอยู่บริเวณนครซีนิง มณฑลชิงไห่) เข้าโจมตีหลายเมืองและหลายอำเภอในพื้นที่ และเรียกร้องให้ทัพจ๊กก๊กมาช่วยสนับสนุน[สามก๊กจี่ 2]
ไป๋หู่เหวิน (白虎文) และจื้ออู๋ไต้ (治無戴) ประมุขชนเผ่าที่มีอิทธิพล 2 คนในมณฑลเลียงจิ๋วตอบรับร่วมการก่อกบฏต่อวุยก๊ก เมื่อเกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กไปยังมณฑลเลียงจิ๋วเพื่อสนับสนุนกบฏชาวเกี๋ยง ไป๋หู่เหวินและจื้ออู๋ไต้ก็เข้าด้วยกับเกียงอุย[จือจื้อทงเจี้ยน 1]
ราชสำนักวุยก๊กมีคำสั่งให้แฮหัวป๋านำกองกำลังไปรักษาการณ์ที่ด้านข้าง เมื่อกุยห้วยนำกองทัพมายังเต๊กโตเสีย (狄道 ตี๋เต้า; อยู่บริเวณอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ที่ปรึกษาของกุยห้วยแนะนำว่าควรเข้าโจมตีอำเภอเปาสิว (枹罕縣 ฝูห่านเซี่ยน; ปัจจุบันอยู่ในอำเภอหลินเซี่ย มณฑลกานซู่) และสยบเผ่าเกี๋ยงก่อนที่จะจัดการกับทัพจ๊กก๊กที่รุกเข้ามา กุยห้วยคาดการณ์ว่าเกียงอุยจะโจมตีที่ตั้งของแฮหัวป๋า จึงมุ่งลงใต้ไปเสริมกำลังให้แฮหัวป๋า เกียงอุยเข้าโจมตีแฮหัวป๋าที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าซุย (洮水 เถาฉุ่ย) ตามที่กุยห้วยคาดไว้ แต่เกียงอุยก็ต้องล่าถอยเมื่อกุยห้วยนำกำลังเสริมมาถึง จากนั้นกุยห้วยจึงยกเข้าโจมตีกบฏเผ่าเกี๋ยง สังหารโงโหและเสียวกั้ว และบีบให้ทัพตระกูลชนเผ่าเกี๋ยงหลายพันนายยอมจำนน[สามก๊กจี่ 3][สามก๊กจี่ 4]
การบุกครั้งที่สาม (ค.ศ. 248)
แก้ในปี ค.ศ. 248 เอ๋อเจอไซ (蛾遮塞) และกบฏชนเผ่าเกี๋ยงก่อกบฏยึดป้อมปราการในอำเภอเหอกวาน (河關; ในบริเวณใกล้เคียงกับนครติ้งซี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และอำเภอไป๋ถู่ (白土; ในอำเภอหมินเหอ มณฑลชิงไห่ในปัจจุบัน) และใช้ในการป้องกันทัพวุยก๊กที่ยกข้ามแม่น้ำเจ้าซุย (洮水 เถาฉุ่ย) กุยห้วยแสร้งทำเป็นว่ากำลังจะเข้าโจมตีจากต้นน้ำ แต่แท้จริงแล้วลอบสั่งกองกำลังให้ข้ามแม่น้ำที่ปลายน้ำเพื่อเข้าโจมตีไป๋ถู่ การโจมตีสำเร็จและฝ่ายกบฏถูกตีแตกพ่าย จื้ออู๋ไต้ (治無戴) นำทัพชนเผ่าของตนเข้าโจมตีเมืองอู่เวย์ (武威郡 อู่เวย์จฺวิ้น) โดยให้ครอบครัวยังอยู่ที่เมืองซีไห่ (西海郡 ซีไห่จฺวิ้น; ใกล้กับแอ่งทะเลสาบจฺวีเหยียน มองโกเลียใน) เมื่อกุยห้วยทราบเรื่องนี้จึงนำกองกำลังเข้าโจมตีเมืองซีไห่ แต่ก็พบเข้ากับทัพของจื้ออู๋ไต้ซึ่งกำลังยกกลับจากเมืองอู่เวย์ สองทัพปะทะบนทางเหนือของอำเภอหลงอี๋ (龍夷縣 หลงอี๋เซี่ยน; ทางตะวันตกของอำเภอหฺวาง-ยฺเหวียน มณฑลชิงไห่ในปัจจุบัน) ทัพวุยก๊กได้รับชนะและทัพของจื้ออู่ต้านล่าถอย[สามก๊กจี่ 5]
เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กจากเซ็กเอ๋ง (石營 ฉืออิ๋ง; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอซีเหอ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ไปยังเฉียงชฺวาน (彊川; ทางตะวันตกของอำเภอหลินถาน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เพื่อจะสมทบกับทัพจื้ออู๋ไต้ที่กำลังล่าถอย โดยเกียงอุยให้เลียวฮัวอยู่รักษาเขาเฉิงจ้ง (成重山 เฉิงจ้งชาน; อยู่ทางตะวันตกของอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เพื่อสร้างป้อมปราการ รวบรวมกำลังชาวเกี๋ยงที่เหลืออยู่ และคุมตัวไว้เป็นตัวประกันในป้อม เมื่อกุยห้วยทราบเรื่องที่เกียงอุยนำทัพมา กุยห้วยต้องการจะแบ่งทัพของตนออกเป็น 2 กองเพื่อโจมตีข้าศึก แต่เหล่านายทหารของกุยห้วยมีความเห็นที่แตกต่างออกไป โดยคาดว่าเกียงอุยจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพื่อสมทบกับจื้ออู๋ไต้และรวมกำลังเข้าด้วยกัน ในขณะที่เลียวฮัวยังคงอยู่ป้องกันฐานที่มั่นของจ๊กก๊กที่เขาเฉิงจ้ง หากแบ่งทัพออกเป็น 2 ส่วน พลังโจมตีจะลดลงอย่างมากและอาจจบลงด้วยสถานการณ์ที่ไม่อาจต้านเกียงอุยหรือยึดฐานที่มั่นของเลียวฮัวได้ เหล่านายทหารจึงโน้มน้าวกุยห้วยให้มุ่งเน้นไปทีการบุกไปทางตะวันตกเพื่อโจมตีเกียงอุยและจื้ออู๋ไต้แยกกันก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าสมทบกันได้[สามก๊กจี่ 6]
กุยห้วยยืนกรานจะใช้แผนแรกโดยกล่าวว่า "หากเราโจมตีเลียวฮัว จะทำให้ข้าศึกที่ไม่ทันตั้งตัวได้ เกียงอุยจะต้องหันกลับมาช่วยเลียวฮัวอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่เกียงอุยกลับมาถึง เราก็เอาชนะเลียวฮัวได้แล้ว ทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เกียงอุยและทหารเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไป ๆ มา ๆ หากเกียงอุยไม่พบกับพวกอนารยชนแล้ว พวกอนารยชนก็จะล่าถอยไปเอง นี่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด" กุยห้วยจึงมอบหมายให้แฮหัวป๋านำกองกำลังแยกไล่ตามเกียงอุยไปถึงท่าจง (沓中; ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอโจวชฺวี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ขณะที่ตัวกุยห้วยนำอีกกองกำลังเข้าโจมตีเลียวฮัว เกียงอุยหันกลับมาช่วยเหลือเลียวฮัวจริง ๆ ตามที่กุยห้วยคาดการณ์ไว้ และล้มเหลวในการสมทบกับจื้ออู๋ไต้[สามก๊กจี่ 7]
การบุกครั้งที่สี่ (ค.ศ. 249)
แก้ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 249 โจซองผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของวุยก๊กถูกปลดและถูกประหารชีวิตในเหตุการณ์รัฐประหารที่ก่อขึ้นโดยสุมาอี้ที่เป็นผู้สำเร็จราชการร่วมและเข้ากุมอำนาจของราชสำนักวุยก๊กอย่างสมบูรณ์ ในเวลานั้นแฮหัวป๋าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแฮเฮาเหียนผู้ดำรงตำแหน่งขุนพลโจมตีภาคตะวันตก (征西將軍 เจิงซีเจียงจฺวิน) แฮเฮาเหียนเป็นญาติของทั้งแฮหัวป๋าและโจซอง หลังการเสียชีวิตของโจซอง สุมาอี้เรียกตัวแฮเฮาเหียนกลับมายังนครหลวงลกเอี๋ยง แล้วให้กุยห้วยมาดำรงตำแหน่งแทน กุยห้วยจึงกลายเป็นผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของแฮหัวป๋า แฮหัวป๋าไม่ถูกกันกับกุยห้วยมาโดยตลอดจึงกลัวว่าตนจะมีชะตากรรมเหมือนโจซอง แฮหัวป๋าจึงหนีและแปรพักตร์ไปเข้าด้วยจ๊กก๊ก[สามก๊กจี่ 8][จือจื้อทงเจี้ยน 2]
ในฤดูใบไม้ร่วง เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กโจมตีมณฑลยงจิ๋วในอาณาเขตของวุยก๊ก ให้สร้างป้อมปราการสองแห่งที่เขาก๊กสัน (麴山 ชฺวีชาน; ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอหมิน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และสั่งให้นายทหารกุอั๋น (句安 โกว อาน) และลิหิม (李歆 หลี่ ซิน) อยู่รักษาทั้งสองป้อม เกียงอุยยังให้ติดต่อกับชนเผ่าเกี๋ยงและขอให้ช่วยคุกคามเมืองต่าง ๆ ในมณฑลยงจิ๋ว กุยห้วยปรึกษากับต้านท่ายข้าหลวงมณฑลยงจิ๋วถึงวิธีการรับมือการบุกของจ๊กก๊ก ต้านท่ายกล่าวว่า "ป้อมปราการที่ก๊กสันคงมีการป้องกันเป็นอย่างดี แต่เส้นทางที่นำไปสู่จ๊กนั้นยากแก่การสัญจร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเสบียงที่มีปริมาณเพียงพอ เผ่าเกี๋ยงก็กังวลเรื่องจุดอ่อนนี้ของทัพจ๊ก พวกเขาจึงอาจไม่เต็มใจช่วยจ๊ก หากเราล้อมป้อมปราการและเข้าโจมตี เราจะสามารถเข้ายึดได้โดยง่าย แม้ว่าเมื่อกำลังเสริมของจ๊กมาถึง ภูมิประเทศเทือกเขาอันอันตรายก็จะทำให้พวกเขาหมดแรง"[จือจื้อทงเจี้ยน 3][สามก๊กจี่ 9]
กุยห้วยจึงสั่งให้ต้านท่าย ชิจิด และเตงงายนำทัพวุยก๊กเข้าโจมตีป้อมปราการที่ก๊กสันและตัดทางเสบียงและน้ำ กุอั๋นและลิหิมนำทหารของตนไปยั่วยุเตงงายให้เข้าโจมตีพวกตน แต่เตงงายเพิกเฉย เมื่อเวลาผ่านไป เสบียงของทั้งสองป้อมปราการก็ค่อย ๆ หมด เกียงอุยนำกองกำลังของตนจากเขางิวเทาสัน (牛頭山 หนิวโถวชาน; อยู่ทางตะวันตกของเขตเจาฮฺว่า นครกว่าง-ยฺเหวียน มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน) เพื่อไปเสริมกำลังให้ป้อมปราการ ระหว่างก็พบเข้ากับกองกำลังของต้านท่าย ต้านท่ายกล่าวว่า "พิชัยสงครามซุนจื่อกล่าวว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการชนะศึกคือการชนะโดยไม่ต้องรบ หากเรายึดเขางิวเทาสันได้ ทางถอยของเกียงอุยก็จะถูกปิดผนึก เราก็จะจับตัวได้โดยง่าย" ต้านท่ายจึงสั่งกองกำลังของตนให้สร้างป้อมปราการต้านทัพของเกียงอุยแต่ไม่ออกโจมตีข้าศึก เวลาเดียวกันต้านท่ายยังเขียนหนังสือไปถึงกุยห้วย ขอให้ช่วยโจมตีเขางิวเทาสัน กุยห้วยทำตามนั้นและนำกองกำลังข้ามแม่น้ำเจ้าซุยเตรียมเข้าตีเขางิวเทาสัน[สามก๊กจี่ 10][จือจื้อทงเจี้ยน 4]
หลังจากเกียงอุยล่าถอย กุอั๋นและลิหิมก็ถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยวที่ป้อมปราการที่ก๊กสัน ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนต่อข้าศึก[สามก๊กจี่ 11] จากนั้นกุยห้วยจึงนำกองกำลังไปทางตะวันตกเพื่อโจมตีชนเผ่าเกี๋ยงที่กำลังสับสน และบีบให้ชนเผ่าเกี๋ยงยอมจำนน[จือจื้อทงเจี้ยน 5] เตงงายเตือนกุยห้วยว่า "ข้าศึกไม่ได้ล่าถอยไปไกล พวกเขาอาจจะหันกลับมาโจมตีเราอีก เราควรแบ่งทัพของเราเผื่อพวกเขาโจมตีเราอีกครั้ง"[สามก๊กจี่ 12]
เตงงายยังคงรักษาการณ์อยู่ทางเหนือของไป๋ฉุ่ย (白水; ปัจจุบันคืออำเภอชิงชฺวาน มณฑลเสฉวน) สามวันต่อมา เกียงอุยส่งเลียวฮัวนำทัพเข้าใกล้ค่ายของเตงงายจากทางใต้ของไป๋ฉุ่ย เตงงายบอกกับเหล่านายทหารว่า "เกียงอุยหันกลับมาโจมตีเรา เรามีกำลังน้อย ตามหลักแล้วเราควรข้ามแม่น้ำและไม่สร้างสะพาน ข้าเห็นว่าเกียงอุยจะต้องส่งเลียวฮัวมาขัดขวางเราเพื่อบีบให้เรายังอยู่ที่นี่ ในขณะที่เกียงอุยเข้าโจมตีเถาเฉิง (洮城; อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอหมิน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) จากทางตะวันออก" เถาเฉิงตั้งอยู่ทางเหนือของแม่น้ำและห่างจากที่ตั้งของเตงงายราว 60 ลี้ เตงงายแบ่งกองกำลังให้เดินทัพตลอดคืนไปยังเถาเฉิงเพื่อป้องกันป้อมปราการ เกียงอุยข้ามแม่น้ำมาโจมตีเถาเฉิงตามที่เตงงายคาดการณ์ไว้ แต่ยึดป้อมปราการไม่สำเร็จเพราะเตงงายได้เสริมกำลังป้องกันไว้แล้ว เกียงอุยเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นจึงถอยทัพกลับจ๊กก๊ก[สามก๊กจี่ 13]
การบุกครั้งที่ห้า (ค.ศ. 250)
แก้ในปี ค.ศ. 250 เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กโจมตีเมืองเสเป๋ง (西平郡 ซีผิงจฺวิ้น; ปัจจุบันอยู่บริเวณนครซีหนิง มณฑลชิงไห่) เกียงอุยถอยทัพหลังจากยึดเมืองเสเป๋งไม่สำเร็จ[สามก๊กจี่ 14][จือจื้อทงเจี้ยน 6]
การบุกครั้งที่หก (ค.ศ. 253)
แก้ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 253 ง่อก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรของจ๊กก๊กยกทัพโจมตีชายแดนด้านตะวันออกของวุยก๊ก นำไปสู่ยุทธการที่หับป๋า
เกียงอุยภูมิใจในความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและประเพณีของชนเผ่าเกี๋ยง (羌 เชียง) และชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวจีนฮั่นอื่น ๆ ที่อาศัยทางด้านตะวันตกของจีน เกียงอุยจึงมักคิดจะเกลี้ยกล่อมผู้คนชนเผ่าเหล่านี้ให้มาเป็นพันธมิตรกับจ๊กก๊กและยกทัพโจมตีประสานเข้าบุกอาณาเขตของวุยก๊กซึ่งอยู่ในมณฑลกานซู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม บิฮุยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งจ๊กก๊กไม่เห็นด้วยอย่างมากกับความกระหายสงครามของเกียงอุยที่มีต่อวุยก๊ก และพยายามควบคุมเกียงอุยโดยการจำกัดจำนวนกำลังพลที่เกียงอุยนำไปในแต่ละครั้งที่ออกศึกได้ไม่เกิน 10,000 นาย ครั้งหนึ่งบิฮุยเคยบอกเกียงอุยว่าควรหยุดการโจมตีวุยก๊กและมุ่งเน้นไปที่นโยบายส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองภายในจ๊กก๊ก[จือจื้อทงเจี้ยน 7]
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 253 บิฮุยถูกลอบสังหารโดยกัว ซิว (郭脩) ผู้แปรพักตร์จากวุยก๊กระหว่างงานเลี้ยงในวันแรกของเทศกาลขึ้นปีใหม่ หลังการเสียชีวิตของบิฮุย เกียงอุยได้อำนาจควบคุมทัพจ๊กก๊กมากขึ้นและสามารถทำตามที่ตนต้องการได้ ในฤดูร้อนของปีนั้น หลังทราบข่าวว่าง่อก๊กโจมตีวุยก๊กทางตะวันออก เกียงอุยจึงนำกำลังพลจ๊กก๊กหลายหมื่นนายออกจากเซ็กเอ๋ง (石營 ฉืออิ๋ง; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอซีเหอ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เข้าล้อมเต๊กโตเสีย (狄道 ตี๋เต้า; อยู่บริเวณอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[สามก๊กจี่ 15][จือจื้อทงเจี้ยน 8]
สุมาสูผู้สำเร็จราชการของวุยก๊กเรียกงีสง (虞松 ยฺหวี ซง) มาถามความเห็นเรื่องวิธีจัดการการบุกของง่อก๊กทางตะวันออกและจ๊กก๊กทางตะวันตก งีสงวิเคราะห์สถานการณ์และกล่าวว่าการป้องกันที่หับป๋านั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานการโจมตีของง่อก๊กได้ระยะเวลาหนึ่ง และท้ายที่สุดทัพง่อก๊กก็จะถอนทัพกลับไปเมื่อหมดขวัญกำลังใจ งีสงแนะนำให้เปิดการโจมตีโต้กลับการบุกของจ๊กก๊กอย่างรวดเร็วไม่ให้ทันตั้งตัวและขับไล่ออกไป สุมาสูเห็นด้วยจึงสั่งให้กุยห้วยและต้านท่ายนำทัพวุยก๊กไปตั้งมั่นในภูมิภาคกวนต๋งเพื่อโจมตีทัพจ๊กก๊กและสลายวงล้อมที่เต๊กโตเสีย ต้านท้ายโจมตีทัพจ๊กก๊กแตกพ่ายที่ลั่วเหมิน (洛門; อยู่ในอำเภออู่ชาน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ในที่สุดเกียงอุยจึงถอยทัพทั้งหมดกลับไปจ๊กก๊กเมื่อเสบียงอาหารหมด[จือจื้อทงเจี้ยน 9]
การบุกครั้งที่เจ็ด (ค.ศ. 254)
แก้ในฤดูร้อน ค.ศ. 254 เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กเข้าโจมตีเมืองหลงเสอีกครั้ง หลี เจี่ยน (李簡) ขุนนางของวุยก๊กที่รักษาเต๊กโตเสีย (狄道 ตี๋เต้า; อยู่บริเวณอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ยอมสวามิภักดิ์ต่อเกียงอุย เกียงอุยจึงรุกต่อไปเข้าโจมตีอำเภอซงบู๋ก๋วน (襄武縣 เซียงอู่เซี่ยน; อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอหล่งซี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และเข้ารบกับชิจิดขุนพลวุยก๊ก ชิจิดพ่ายแพ้และถูกสังหาร แต่ทัพจ๊กก๊กก็สูญเสียขุนพลเตียวหงีไปในการรบ ทัพจ๊กก๊กที่ได้ชัยชนะเข้ายึดสามอำเภอคือเต๊กโตเสีย เหอกวาน (河關; ในบริเวณใกล้เคียงกับนครติ้งซี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และหลิมเอีย (臨洮 หลินเถา) และกวาดต้อนราษฎรผู้อาศัยในสามอำเภอให้ย้ายมาอยู่ภายในอาณาเขตของจ๊กก๊ก[สามก๊กจี่ 16][จือจื้อทงเจี้ยน 10][สามก๊กจี่ 17]
การบุกครั้งที่แปด (ค.ศ. 255)
แก้ในปี ค.ศ. 255 เมื่อเกียงอุยเสนอแผนการไปยังราชสำนักจ๊กก๊กขอทำศึกกับวุยก๊กอีกครั้ง เตียวเอ๊กคัดค้านความคิดของเกียงอุยอย่างเปิดเผย และชี้ให้เห็นว่าจ๊กก๊กขาดแคลนทรัพยากรในการทำศึกและราษฎรก็เบื่อหน่ายกับสงคราม เกียงอุยเพิกเฉยต่อคำของเตียวเอ๊ก และนำทัพจ๊กก๊กที่ประกอบด้วยทหารหลายหมื่นนายโดยมีเตียวเอ๊กและแฮหัวป๋าเป็นรองแม่ทัพในการเข้มโจมตีวุยก๊ก ระหว่างวันที่ 18 กันยายนและ 17 ตุลาคม ทัพจ๊กก๊กมาถึงอำเภอเปาสิว (枹罕縣 ฝูห่านเซี่ยน; ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอหลินเซี่ย มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และเตรียมจะโจมตีเต๊กโตเสีย (狄道 ตี้เต้า; ปัจจุบันคืออำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่)[จือจื้อทงเจี้ยน 11][สามก๊กจี่ 18]
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น อองเก๋งข้าหลวงมณฑลยงจิ๋วที่วุยก๊กแต่งตั้ง รายงานเรื่องการบุกของจ๊กก๊กให้กับขุนพลต้านท่าย หลังกุยห้วยเสียชีวิตในปี ค.ศ. 255 ต้านท่ายได้สืบทอดตำแหน่งขุนพลโจมตีภาคตะวันตก (征西將軍 เจิงซีเจียงจฺวิน) ของกุยห้วย และในเวลานั้นได้รับผิดชอบดูแลราชการทหารในมณฑลยงจิ๋วและเลียงจิ๋ว[สามก๊กจี่ 19] อองเก๋งรายงานต้านท่ายว่าทัพจ๊กก๊กแบ่งออกเป็น 3 สายแยกกันโจมตีเข้ากิสาน (祁山 ฉีชาน; พื้นที่ภูเขาบริเวณอำเภอหลี่ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน), เซ็กเอ๋ง (石營 ฉืออิ๋ง; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอซีเหอ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และเมืองกิมเสีย (金城郡 จินเฉิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอยฺหวีจง มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) จากนั้นอองเก๋งจึงขออนุญาตจากต้านท่ายให้ตนได้นำกองกำลังเข้าโจมตีข้าศึกที่อำเภอเปาสิวและเขากิสาน ต้านท่ายวิเคราะห์สถานการณ์และสรุปว่ากำลังของทัพจ๊กก๊กจะอ่อนแอลงหากแบ่งเป็น 3 สายเข้าโจมตีมณฑลเลียงจิ๋ว ต้านท่ายจึงตอบอองเก๋งตามที่วิเคราะห์และบอกอองเก๋งให้รอและสังเกตความเคลื่อนไหวของข้าศึกอย่างใกล้ชิดเสียก่อน จากนั้นจึงจะเปิดฉากการโจมตีข้าศึกอย่างเด็ดขาดจากด้านตะวันออกและตะวันตกในภายหลัง[สามก๊กจี่ 20][จือจื้อทงเจี้ยน 12]
ขณะที่ต้านท่ายและกำลังเสริมยกไปถึงตันฉอง (陳倉 เฉินชาง; ทางตะวันออกของนครเป่าจี มณฑลฉ่านซีในปัจุบบัน) อองเก๋งก็พ่ายแพ้ให้กับเกียงอุยที่ด่านกู้ (故關 กู้กวาน) และล่าถอยข้ามแม่น้ำเจ้าซุย (洮水 เถาฉุ่ย) ต้านท่ายกังวลว่าอองเก๋งอาจไม่สามารถรักษาจุดยุทธศาสตร์ของวุยก๊กที่เต๊กโตเสียได้ จึงนำพลยกไปหนุนช่วยเต๊กโตเสีย ด้านอองเก๋งปะทะกับเกียงอุยที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้่ำเจ้าซุยและพ่ายแพ้ อองเก๋งที่เหลือทหารประมาณ 10,000 นายล่าถอยไปเต๊กโตเสีย ส่วนทหารที่เหลือถูกตีแตกพ่ายกระจัดกระจายหรือถูกสังหาร[จือจื้อทงเจี้ยน 13][สามก๊กจี่ 21]
เกียงอุยถือโอกาสที่กำลังได้เปรียบเข้ากดดันและปิดล้อมเต๊กโตเสีย[สามก๊กจี่ 22] ในเวลานั้นเตียวเอ๊กกล่าวกับเกียงอุยว่า "ถึงเวลาต้องหยุดแล้ว เราไม่ควรรุดหน้าไปมากกว่านี้ มิฉะนั้นก็เสี่ยงที่เสียทุกสิ่งที่เราได้รับมาจนถึงบัดนี้ การรุดหน้าต่อไปก็เหมือนกับการเติมขาให้งู"[b][จือจื้อทงเจี้ยน 14]
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ต้านท่ายซึ่งอยู่ที่อำเภอเซียงเท้ง (上邽縣 ช่างกุยเซี่ยน; อยู่ในนครเทียนฉุ่ย มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) แยกกำลังพลและสั่งให้เดินทัพทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ในพื้นที่[สามก๊กจี่ 23] ราชสำนักวุยก๊กตั้งให้เตงงายเป็นรักษาการขุนพลสงบภาคตะวันตก (安西將軍 อานตงเจียงจฺวิน) และสั่งให้นำกำลังพลมาช่วยต้านท่ายในการต้านการบุกของจ๊กก๊ก หลายวันต่อมา เสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) สุมาหูก็นำกำลังเสริมมาหนุนช่วยต้านท่าย[จือจื้อทงเจี้ยน 15] กำลังเสริมของวุยก๊กนำโดยเตงงาย, เฮาหุน (胡奮 หู เฟิ่น) และหวาง มี่ (王秘) มาถึงอำเภอเซียงเท้งเพื่อเข้าร่วมทัพของต้านท่าย ทั้งหมดแยกทัพเป็น 3 สายและรุดหน้าไปยังเมืองหลงเส (隴西郡 หล่งซีจฺวิ้น)[สามก๊กจี่ 24] ก่อนหน้านี้ ต้านท่ายมีความเห็นไม่ลงรอยกับนายทหารคนอื่น ๆ ในการเรื่องการสลายวงล้อมที่เต๊กโตเสีย เตงงายและนายทหารคนอื่น ๆ กล่าวว่าขวัญกำลังใจของทหารจ๊กก๊กสูงมากหลังเอาชนะอองเก๋ง จึงควรล่าถอยและรักษาจุดยุทธศาสตร์ไว้ในขณะที่รอโอกาสโต้กลับ[สามก๊กจี่ 25] ต้านท่ายแย้งว่าพวกตนควรเปิดฉากการโจมตีอย่างรวดเร็วและเอาชนะทัพจ๊กก๊กให้เด็ดขาดก่อนที่ทัพจ๊กก๊กจะถือโอกาสที่ขวัญกำลังใจทหารสูงในการเข้ายึดอาณาเขตของวุยก๊กไปอีกและได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากชนเผ่าเกี๋ยงและเผ่าตี[สามก๊กจี่ 26][จือจื้อทงเจี้ยน 16]
จากนั้นต้านท่ายจึงนำกำลังพลข้ามเทือกเขาเกาเฉิง (高城嶺 เกาเฉิงหลิง; ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเว่ย์-ยฺเหวียน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เดินทัพอย่างลับ ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วมาถึงกลุ่มเนินเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของเต๊กโตเสีย ต้านท่ายสั่งให้ทหารบนเนินเขาจุดไฟและตีกลองศึกเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณไปยังกองกำลังวุยก๊กในเต๊กโตเสียว่ากำลังเสริมมาถึงแล้ว กำลังทหารที่รักษาเต๊กโตเสียมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นตามที่ต้านท่ายคาดไว้ ในขณะที่ทัพจ๊กก๊กตกใจ เกียงอุยจึงสั่งให้กำลังพลล่าถอย ต้านท่ายยังสั่งทหารให้แพร่ข่าวลวงว่าพวกตนวางแผนจะตัดเส้นทางถอยของทัพจ๊กก๊ก เมื่อเกียงอุยได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกหวั่นเกรง[สามก๊กจี่ 27] จึงถอยทัพในวันที่ 11 พฤศจิกายน[c] การล้อมเต๊กโตเสียจึงถูกยกเลิกไป[จือจื้อทงเจี้ยน 17][สามก๊กจี่ 28][สามก๊กจี่ 29]
เมื่อต้านท่ายถอยทัพกลับมาเมืองหลงเส ต้านท่ายคาดการณ์ว่าเกียงอุยจะพยายามใช้ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาตลอดทางเพื่อวางกำลังซุ่มโจมตี ต้านท่ายจึงใช้เส้นทางอ้อมทางใต้เพื่อกลับไปหลงเส เกียงอุยได้ส่งทหารมาซุ่มจริง ๆ เป็นเวลา 3 วันตามที่ต้านท่ายคาดการณ์ไว้[สามก๊กจี่ 30] อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์เผย์ ซงจือให้ความเห็นว่าการที่เกียงอุยวางกำลังซุ่มโจมตีนั้นไม่สมเหตุสมผล เพราะเกียงอุยไม่รู้ว่ามีกำลังเสริมของวุยก๊กมาถึงขณะที่เกียงอุยกำลังล้อมเต๊กโตเสีย จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องวางกำลังซุ่มโจมตี[อรรถาธิบายสามก๊กจี่ 1]
หลังการปิดล้อมเต๊กโตเสียถูกยกเลิกไป อองเก๋งถอนหายใจอย่างโล่งอกว่า "เสบียงของเราคงอยู่ได้ไม่เกิน 10 วัน หากกำลังเสริมไม่มาถึงเมืองก็จะตกเป็นของข้าศึก และอาจเสียทั้งมณฑลไป" ต้านท่ายจัดกำลังพลและเสริมการป้องกันในพื้นที่ก่อนจะกลับไปกองกำลังรักษาการณ์ที่อำเภอเซียงเท้ง[จือจื้อทงเจี้ยน 18] เกียงอุยล่าถอยกลับไปยังจงถี (鐘堤; ทางใต้ของอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[จือจื้อทงเจี้ยน 19][สามก๊กจี่ 31]
การบุกครั้งที่เก้า (ค.ศ. 256)
แก้ขณะที่เกียงอุยและทัพจ๊กก๊กล่าถอยไปจงถี (鐘堤; ทางใต้ของอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) นายทหารของวุยก๊กหลายคนเชื่อว่าข้าศึกอ่อนล้าแล้วและจะไม่ย้อนกลับมาโจมตีอีก[จือจื้อทงเจี้ยน 20]
เตงงายมีความเห็นที่แตกต่างออกไปโดยกล่าวว่า "ความพ่ายแพ้ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าซุย (洮水 เถาฉุ่ย) ไม่ใช่การพ่ายแพ้เล็กน้อย การสูญเสียกำลังพลและนายทหาร การสูญเสียเสบียงอาหาร และการอพยพของผู้ลี้ภัยเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการทำลายล้างที่กำลังจะเกิดขึ้น ข้าจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง ข้อแรก ข้าศึกถือโอกาสจากชัยชนะ ในขณะที่เราอ่อนแอจริง ๆ ข้อสอง ทัพข้าศึกได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีและเตรียมพร้อมในการทำศึก ส่วนทัพเราเพิ่งเกณฑ์มาใหม่และยังไม่มีอาวุธครบครัน ข้อสาม ข้าศึกอ้อนล้าน้อยกว่าเราเพราะเราเดินทัพทางบกส่วนข้าศึกเดินทัพทางน้ำ ข้อสี่ ข้าศึกมุ่งเข้าโจมตีเพียงเต๊กโตเสีย ส่วนเรากระจายกำลังป้องกันใน 4 แห่งคือเต๊กโตเสีย, หลงเส, ลำอั๋น (南安 หนานอาน; อยู่บริเวณอำเภออู่ชาน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และเขากิสาน (祁山 ฉีชาน; พื้นที่ภูเขาบริเวณอำเภอหลี่ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ข้อห้า ลำอั๋นและหลงเสมีข้าวที่ผลิตโดยชาวเกี๋ยง และยังมีทุ่งข้าวสาลีอยู่เลยเขากิสาน ข้าศึกเจ้าเล่ห์จะต้องมาชิงข้าวสาลีเป็นแน่ "[จือจื้อทงเจี้ยน 21]
ในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 256 เป็นไปตามที่เตงงายคาดการณ์ เกียงอุยยกทัพจากจงถีเข้าโจมตีเขากิสาน แต่ถูกต้านให้ถอยร่นโดยกำลังป้องกันที่เตงงายเตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นเกียงอุยจึงมุ่งหน้าไปตำบลตองเต๋ง (董亭 ต่งถิง; ทางใต้ของอำเภออู่ชาน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ส่วนเตงงายตั้งมั่นอยู่ที่เขาบูเสียงสัน (武城山 อู่เฉิงชาน; อยู่ในเขตเฉินชาง นครเป่าจี มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) เกียงอุยพยายามเข้ายึดพื้นที่ภูเขาจากเตงงายแต่ถูกตีให้ถอยร่น คืนนั้นเกียงอุยพยายามข้ามแม่น้ำอุยโห (渭河 เว่ย์เหอ) เพื่อโจมตีอำเภอเซียงเท้ง (上邽; ปัจจุบันคือนครเทียนฉุ่ย มณฑลกานซู่) เตงงายยกมาสกัดเกียงอุยที่หุบเขาตวนโกะ (段谷 ตฺว้านกู่; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเทียนฉุ่ย มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และเอาชนะเกียงอุยได้[จือจื้อทงเจี้ยน 22]
เตงงายได้เลื่อนยศเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันตก (鎮西將軍 เจิ้นซีเจียงจฺวิน) และรับมอบหมายให้ดูแลราชการทหารในภูมิภาค เหตุผลที่เกียงอุยพ่ายแพ้ที่เซียงเท้งคือการที่เอาเจ้ขุนพลจ๊กก๊กไม่อาจนำกำลังเสริมมาช่วยเกียงอุยได้ทันเวลา ความล้มเหลวของเกียงอุยในการบุกขึ้นเหนือครั้งที่ 9 ทำให้จ๊กก๊กสูญเสียทั้งชีวิตทหารและทรัพยากรอย่างมาก ผู้คนในจ๊กก๊กไม่พอใจและเกลียดเกียงอุยมากขึ้น เกียงอุยจึงเขียนฎีกาถึงราชสำนักจ๊กก๊กขอลดขั้นตนเองเป็นการลงโทษ ราชสำนักอนุมัติและลดยศเกียงอุยลงเป็นขุนพลพิทักษ์ (衞將軍 เว่ย์เจียงจฺวิน) แต่ถึงเกียงอุยจะถูกลดขั้น ก็ยังได้รับอนุญาตให้รักษาการณ์ตำแหน่งมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน)[จือจื้อทงเจี้ยน 23][สามก๊กจี่ 32]
การบุกครั้งที่สิบ (ค.ศ. 257-258)
แก้ในปี ค.ศ. 257 เมื่อจูกัดเอี๋ยนขุนพลวุยก๊กเริ่มก่อกบฏในฉิวฉุน (壽春 โช่วฉุน; อยู่บริเวณอำเภอโช่ว มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ราชสำนักวุยก๊กระดมกำลังทหารจากภูมิภาคกวนต๋ง (關中 กวานจง) เพื่อปราบกบฏ เกียงอุยต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อเตรียมบุกวุยก๊กอีกครั้ง จึงนำทัพจ๊กก๊กผ่านหุบเขาล่อก๊ก (駱谷 ลั่วกู่) และเทือกเขาซินเฉีย (沈嶺 เฉินหลิ่ง) ซึ่งทั้งสองแห่งอยู่ทางใต้ของอำเภอโจวจื้อ มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน เพื่อเข้าโจมตีกองทหารประจำการของวุยก๊กใกล้กับอำเภอเตียงเสีย (長城 ฉางเฉิง) ในช่วงเวลานั้น กองทหารประจำการของวุยก๊กมีเสบียงที่สะสมไว้จำนวนมากแต่มีการป้องกันที่อ่อนแอ ทหารวุยก๊กเริ่มตื่นตระหนกเมื่อได้ยินว่าทัพจ๊กก๊กเข้ามาใกล้[สามก๊กจี่ 33]
สุมาปองขุนพลวุยก๊กนำกำลังทหารไปต้านข้าศึก ในขณะที่เตงงายนำทัพแยกจากหล่งโย่ว (隴右; อยู่บริเวณอำเภหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เพื่อสนับสนุนสุมาปอง เมื่อทัพวุยก๊กมาถึงเตียงเสีย เกียงอุยก็สั่งกำลังทหารให้ล่าถอยไปหมางฉุ่ย (芒水; ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอโจวจื้อ มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) และตั้งค่ายโดยหันหลังอิงเขา สุมาปองและเตงงายสั่งกำลังพลให้ล้อมค่ายของเกียงอุยแต่ไม่เข้าโจมตี เกียงอุยนำทหารไปยั่วยุให้ทัพวุยก๊กเข้าโจมตี แต่สุมาปองและเตงงายออกคำสั่งเคร่งครัดแก่กำลังพลให้เพิกเฉยต่อข้าศึก[สามก๊กจี่ 34][จือจื้อทงเจี้ยน 24]
ในปี ค.ศ. 258 หลังเกียงอุยได้ข่าวว่าทัพวุยก๊กปราบกบฏจูกัดเอี๋ยนได้สำเร็จ เกียงอุยจึงถอนทัพทั้งหมดกลับไปเซงโต๋นครหลวงของจ๊กก๊ก เล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊กตั้งให้เกียงอุยกลับมามีตำแหน่งมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน)[สามก๊กจี่ 35][จือจื้อทงเจี้ยน 25]
ในช่วงเวลานั้น ราาษฎรจ๊กก๊กเห็นการศึกที่รบกับวุยก๊กปีแล้วปีเล่า ก็เริ่มเบื่อหน่ายกับการที่ต้องทนทุกข์จากผลกระทบของสงคราม เจาจิ๋วขุนนางจ๊กก๊กก็เขียน "โฉวกั๋วลุ่น" (仇國論; "วิจารณ์เรื่องรัฐอริ") งานเขียนเสียดสีที่วิพากย์วิจารณ์เรื่องความกระหายสงครามของเกียงอุย[จือจื้อทงเจี้ยน 26]
การบุกครั้งที่สิบเอ็ด (ค.ศ. 262)
แก้ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 262 เมื่อเกียงอุยวางแผนจะเปิดฉากการรบกับวุยก๊กอีกครั้ง เลียวฮัวขุนพลจ๊กก๊กกล่าวว่า "'ผู้ที่ไม่ละเว้นจากการใช้กำลังทางทหารจะต้องจบลงด้วยการเผาตัวเอง' ข้าหมายถึงปั๋วเยฺว (ชื่อรองของเกียงอุย) เขาด้อยกว่าข้าศึกทั้งในด้านสติปัญญาและกำลังทหาร แต่ก็ยังคงโจมตีข้าศึกต่อไป จะคาดหวังชัยชนะได้อย่างไร"[จือจื้อทงเจี้ยน 27]
ในฤดูหนาว เกียงอุยเข้ายึดอำเภอเตียวเจี๋ยง (洮陽縣 เถาหยางเซี่ยน; อยู่ในอำเภอหลินเถา มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และโจมตีเตงงายขุนพลวุยก๊กที่อำเภอเฮาโห (侯和縣 โหวเหอเซี่ยน) แต่พ่ายแพ้ในยุทธการ เกียงอุยถอยทัพไปยังท่าจง (沓中; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอโจวชฺวี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) และตั้งกองกำลังรักษาการณ์อยู่ทีนั่น[สามก๊กจี่ 36][จือจื้อทงเจี้ยน 28]
ผลสืบเนื่อง
แก้ระหว่างที่เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กเข้าโจมตีวุยก๊กอย่างต่อเนื่องแทบทุกปี การทำศึกได้ผลาญทรัพยากรของจ๊กก๊กไปอย่างมาก แต่ไม่สามารถได้ผลตอบแทนที่สำคัญใด ๆ ได้ ในช่วงเวลาหลายปีหลังการเสียชีวิตของอัครมหาเสนาบดีตั๋งอุ๋นในปี ค.ศ. 246 ขันทีฮุยโฮขึ้นมามีอำนาจและควบคุมราชสำนักจ๊กก๊กโดยทางอ้อม ฮุยโฮต้องการปลดเกียงอุยออกจากอำนาจและตั้งเงียมอู (閻宇 เหยียน ยฺหวี่) ที่เป็นคนสนิทขึ้นแทน เมื่อเกียงอุยทราบเรื่องนี้จึงเขียนฎีกาถวายเล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊ก กล่าวโทษฮุยโฮในข้อหาฉ้อโกงและไม่ซื่อสัตย์ ทูลโน้มน้าวให้เล่าเสี้ยนมีรับสั่งให้ประหารชีวิตฮุยโฮ แต่เล่าเสี้ยนตรัสตอบว่า "ฮุยโฮเป็นเพียงข้าราชการผู้น้อย ในอดีตข้าไม่ชอบใจที่ตั๋งอุ๋นขัดแย้งกับเขา เหตุใดท่านจึงระแวงเขาเล่า" เกียงอุยเห็นว่าฮุยโฮมีผู้สนับสนุนจำนวนมากในราชสำนักและตระหนักได้ว่าตนกำลังหาเรื่องเดือนร้อนใส่ตัวเพราะประณามฮุยโฮอย่างเปิดเผย เกียงอุยจึงตัดสินใจถอยกลับไปท่าจงและวางกำลังรักษาการณ์ที่นั่นแทนที่จะกลับไปนครหลวงเซงโต๋[จือจื้อทงเจี้ยน 29][สามก๊กจี่ 37][อรรถาธิบายสามก๊กจี่ 2]
ในปี ค.ศ. 262 สุมาเจียวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งวุยก๊กต้องการจะส่งทัพทำศึกเพื่อพิชิตจ๊กก๊ก ในปี ค.ศ. 263 ทัพวุยก๊ก 3 ทางนำโดยจงโฮย เตงงาย และจูกัดสูบุกจ๊กก๊ก ขณะที่เกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กไปต้านทานทัพของจงโฮยและจูกัดสูที่ด่านเกียมโก๊ะ (劍閣 เจี้ยนเก๋อ; อยู่ในอำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน) ทัพวุยก๊กนำโดยเตงงายเดินทัพผ่านเส้นทางอันตรายผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขา เลี่ยงแนวป้องกันของจ๊กก๊ก แล้วไปปรากฏที่เซงโต๋นครหลวงของจ๊กก๊ก เล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊กที่ไม่ทันตั้งตัวจึงตัดสินพระทัยยอมจำนนต่อเตงงาย นำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐจ๊กก๊ก
ในนิยายสามก๊ก
แก้การบุกขึ้นเหนือของเกียงอุยมีเนื้อหาครอบคลุมตอนที่ 107 และ 109–115[d] ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนและระหว่างยุคสามก๊ก การบุกเหล่านี้ถูกเรียกด้วยคำเรียกว่า "การทัพบุกทุ่งราบกลางเก้าครั้ง" (九伐中原 จิ่วฝาจง-ยฺเหวียน) การเรียกนี้ไม่ถูกต้องเพราะแท้จริงแล้วมีการทัพ 11 ครั้งแทนที่จะเป็น 9 ครั้ง และยุทธการเหล่านี้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างไกลจากทุ่งราบกลาง
หมายเหตุ
แก้- ↑ ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ในศตวรรษที่ 14 โงโหและเสียวกั้วถูกรวมเข้าเป็นตัวละครเดียวกันคือโงโหเสียวกั้ว ซึ่งมีบทบาทในตอนที่ 109 แต่ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตอนที่ 80 เรียกแยกเป็น "โงโห" และ "เสียวกั้ว" สองคนเหมือนกับในสามก๊กจี่
- ↑ วลีว่า "เติมขาให้งู" มาจากสำนวนจีนว่า ฮฺว่าเฉอเทียนจู๋ (畫蛇添足; "วาดงูเติมขา") เรื่องเล่าเกี่ยวกับสำนวนนี้เล่าว่ามีชายคนหนึ่งเข้าร่วมการแข่งขันวาดภาพงูและวาดเสร็จก่อนเวลาหมด แต่แทนที่จะส่งภาพที่ตนวาด ชายผู้นี้กลับตัดสินใจใช้เวลาที่เหลืออยู่ไปกับการวาดขา 4 ขาเพิ่มให้กับงู ในที่สุดจึงแพ้การแข่งขัน สำนวนนี้ใช้กล่าวถึงคนที่ทำเรื่องไม่จำเป็นและลงเอยที่การทำลายสิ่งที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าเกียงอุยล่าถอยในวันเจี่ยเฉิน (甲辰) ในเดือน 9 ของศักราชเจงหงวน (正元 เจิ้ง-ยฺเหวียน) ปีที่ 2 ในรัชสมัยของโจมอ วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 255 ในปฏิทินกริกอเรียน
- ↑ ครอบคลุมเนื้อหาในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตอนที่ 80-81 และ 83-85
อ้างอิง
แก้- อ้างอิงจากสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ)
- ↑ (正始元年,蜀將羌維出隴西。淮遂進軍,追至彊中,維退,遂討羌迷當等,案撫柔氐三千餘落,拔徙以實關中。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (八年,隴西、南安、金城、西平諸羌餓何、燒戈、伐同、蛾遮塞等相結叛亂,攻圍城邑,南招蜀兵,涼州名胡治無戴復叛應之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (討蜀護軍夏侯霸督諸軍屯為翅。淮軍始到狄道,議者僉謂宜先討定枹罕,內平惡羌,外折賊謀。淮策維必來攻霸,遂入渢中,轉南迎霸。維果攻為翅,會淮軍適至,維遁退。進討叛羌,斬餓何、燒戈,降服者萬餘落。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (十年, ... 又出隴西、南安、金城界,與魏大將軍郭淮、夏侯霸等戰於洮西。胡王治無戴等舉部落降,維將還安處之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (九年,遮塞等屯河關、白土故城,據河拒軍。淮見形上流,密於下渡兵據白土城,擊,大破之。治無戴圍武威,家屬留在西海。淮進軍趨西海,欲掩取其累重,會無戴折還,與戰於龍夷之北,破走之。令居惡虜在石頭山之西,當大道止,斷絕王使。淮還過討,大破之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (姜維出石營,從彊川,乃西迎治無戴,留陰平太守廖化於成重山築城,斂破羌保質。淮欲分兵取之。諸將以維衆西接彊胡,化以據險,分軍兩持,兵勢轉弱,進不制維,退不拔化,非計也,不如合而俱西,及胡、蜀未接,絕其內外,此伐交之兵也。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (淮曰:「今往取化,出賊不意,維必狼顧。比維自致,足以定化,且使維疲於奔命。兵不遠西,而胡交自離,此一舉而兩全之策也。」乃別遣夏侯霸等追維於沓中,淮自率諸軍就攻化等。維果馳還救化,皆如淮計。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 26.
- ↑ (十二年春正月,魏誅大將軍曹爽等,右將軍夏侯霸來降。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ (... 泰曰:「麴城雖固,去蜀險遠,當須運糧。羌夷患維勞役,必未肯附。今圍而取之,可不血刃而拔其城;雖其有救,山道阻險,非行兵之地也。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (淮從泰計,使泰率討蜀護軍徐質、南安太守鄧艾等進兵圍之,斷其運道及城外流水。安等挑戰,不許,將士困窘,分糧聚雪以稽日月。維果來救,出自牛頭山,與泰相對。泰曰:「兵法貴在不戰而屈人。今絕牛頭,維無反道,則我之禽也。」勑諸軍各堅壘勿與戰,遣使白淮,欲自南渡白水,循水而東,使淮趣牛頭,截其還路,可并取維,不惟安等而已。淮善其策,進率諸軍軍洮水。維懼,遁走,安等孤縣,遂皆降。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (秋,衞將軍姜維出攻雍州,不克而還。將軍句安、李韶降魏。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ (嘉平元年,與征西將軍郭淮拒蜀偏將軍姜維。維退,淮因西擊羌。艾曰:「賊去未遠,或能復還,宜分諸軍以備不虞。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (於是留艾屯白水北。三日,維遣廖化自白水南向艾結營。艾謂諸將曰:「維今卒還,吾軍人少,法當來渡而不作橋。此維使化持吾,令不得還。維必自東襲取洮城。」洮城在水北,去艾屯六十里。艾即夜潛軍徑到,維果來渡,而艾先至據城,得以不敗。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (十三年,姜維復出西平,不克而還。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ ([十六年]夏,維率將數萬人出石營,經董亭,圍南安,魏雍州刺史陳泰解圍至洛門,維糧盡退還。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (明年,加督中外軍事。復出隴西,守狄道長李簡舉城降。進圍襄武,與魏將徐質交鋒,斬首破敵,魏軍敗退。維乘勝多所降下,拔河間、狄道、臨洮三縣民還, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ ([十七年]夏六月,維復率衆出隴西。冬,拔狄道、河間、臨洮三縣民,居于緜竹、繁縣。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ (時維等將數萬人至枹罕,趣狄道。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (淮薨,泰代為征西將軍,假節都督雍、涼諸軍事。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (後年,雍州刺史王經白泰,云姜維、夏侯霸欲三道向祁山、石營、金城,求進兵為翅,使涼州軍至枹罕,討蜀護軍向祁山。泰量賊勢終不能三道,且兵勢惡分,涼州未宜越境,報經:「審其定問,知所趣向,須東西勢合乃進。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (... 後十八年,復與車騎將軍夏侯霸等俱出狄道,大破魏雍州刺史王經於洮西,經衆死者數萬人。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (泰勑經進屯狄道,須軍到,乃規取之。泰進軍陳倉。會經所統諸軍於故關與賊戰不利,經輒渡洮。泰以經不堅據狄道,必有它變。並遣五營在前,泰率諸軍繼之。經巳與維戰,大敗,以萬餘人還保狄道城,餘皆奔散。維乘勝圍狄道。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (泰軍上邽,分兵守要,晨夜進前。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (鄧艾、胡奮、王秘亦到,即與艾、祕等分為三軍,進到隴西。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (艾等以為「王經精卒破衂於西,賊衆大盛,乘勝之兵旣不可當,而將軍以烏合之卒,繼敗軍之後,將士失氣,隴右傾蕩。古人有言:『蝮蛇螫手,壯士解其腕。』孫子曰:『兵有所不擊,地有所不守。』蓋小有所失而大有所全故也。今隴右之害,過於蝮蛇,狄道之地,非徒不守之謂。姜維之兵,是所辟之鋒。不如割險自保,觀釁待弊,然後進救,此計之得者也。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (泰曰:「姜維提輕兵深入, ... ,君等何言如此?」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (遂進軍度高城嶺,潛行,夜至狄道東南高山上,多舉烽火,鳴鼓角。狄道城中將士見救者至,皆憤踊。維始謂官救兵當須衆集乃發,而卒聞已至,謂有奇變宿謀,上下震懼。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (經退保狄道城,維圍之。魏征西將軍陳泰進兵解圍,維却住鍾題。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (定軍潛行,卒出其南。維乃緣山突至,泰與交戰,維退還。涼州軍從金城南至沃于阪。泰與經共密期,當共向其還路,維等聞之,遂遁,城中將士得出。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (自軍之發隴西也,以山道深險,賊必設伏。泰詭從南道,維果三日施伏。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (經歎曰:「糧不至旬,向不應機,舉城屠裂,覆喪一州矣。」泰慰勞將士,前後遣還,更差軍守,並治城壘,還屯上邽。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (十九年春,就遷維為大將軍。更整勒戎馬,與鎮西大將軍胡濟期會上邽,濟失誓不至,故維為魏大將鄧艾所破於段谷,星散流離,死者甚衆。衆庶由是怨讟,而隴已西亦騷動不寧,維謝過引負,求自貶削。為後將軍,行大將軍事。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (二十年,魏征東大將軍諸葛誕反於淮南,分關中兵東下。維欲乘虛向秦川,復率數萬人出駱谷,徑至沈嶺。時長城積穀甚多而守兵乃少,聞維方到,衆皆惶懼。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (魏大將軍司馬望拒之,鄧艾亦自隴右,皆軍于長城。維前住芒水,皆倚山為營。望、艾傍渭堅圍,維數下挑戰,望、艾不應。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (景耀元年,維聞誕破敗,乃還成都。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- ↑ (五年春正月, ... 是歲,姜維復率衆出侯和,為鄧艾所破,還住沓中。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ (五年,維率衆出漢、侯和,為鄧艾所破,還住沓中。維本羈旅託國,累年攻戰,功績不立,而宦臣黃皓等弄權於內,右大將軍閻宇與皓恊比,而皓陰欲廢維樹宇。維亦疑之。故自危懼,不復還成都。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
- อ้างอิงจากอรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้)
- อ้างอิงจากจือจื้อทงเจี้ยน
- ↑ (是歲,雍、涼羌胡叛降漢,漢姜維將兵出隴右以應之,與雍州刺史郭淮、討蜀護軍夏侯霸戰于洮西。胡王白虎文、治無戴等率部落降維,維徙之入蜀。淮進擊羌胡餘黨,皆平之。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (初,右將軍夏侯霸為曹爽所厚,以其父淵死於蜀,常切齒有報仇之志,為討蜀護軍,屯於隴西,統屬征西。征西將軍夏侯玄,霸之從子,爽之外弟也。爽旣誅,司馬懿召玄詣京師,以雍州刺史郭淮代之。霸素與淮不叶,以為禍必相及,大懼,遂奔漢。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (秋,漢衞將軍姜維寇雍州,依麴山築二城,使牙門將句安、李歆等守之,聚羌胡質任,侵偪諸郡;征西將軍郭淮與雍州刺史陳泰禦之。泰曰:「麴城雖固,去蜀險遠,當須運糧;羌夷患維勞役,必未肯附。今圍而取之,可不血刃而拔其城;雖其有救,山道阻險,非行兵之地也。」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (淮乃使泰率討蜀護軍徐質、南安太守鄧艾進兵圍麴城,斷其運道及城外流水。安等挑戰,不許,將士困窘,分糧聚雪以引日月。維引兵救之,出自牛頭山,與泰相對。泰曰:「兵法貴在不戰而屈人。今絕牛頭,維無反道,則我之禽也。」敕諸軍各堅壘勿與戰,遣使白淮,使淮趣牛頭截其還路。淮從之,進軍洮水。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (維懼,遁走,安等孤絕,遂降。淮因西擊諸羌。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (漢姜維復寇西平,不克。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75.
- ↑ (漢姜維自以練西方風俗,兼負其才武,欲誘諸羌、胡以為羽翼,謂自隴以西,可斷而有。每欲興軍大舉,費禕常裁制不從,與其兵不過萬人,曰:「吾等不如丞相亦已遠矣;丞相猶不能定中夏,況吾等乎!不如且保國治民,謹守社稷,如其功業,以俟能者,無為希冀徼倖,決成敗於一舉;若不如志,悔之無及。」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (及禕死,維得行其志,乃將數萬人出石營,圍狄道。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (大將軍師問於虞松曰:「今東西有事,二方皆急,而諸將意沮,若之何?」松曰:「昔周亞夫堅壁昌邑而吳、楚自敗,事有似弱而強,不可不察也。今恪悉其銳衆,足以肆暴,而坐守新城,欲以致一戰耳。若攻城不拔,請戰不可,師老衆疲,勢將自走,諸將之不徑進,乃公之利也。姜維有重兵而縣軍應恪,投食我麥,非深根之寇也。且謂我幷力於東,西方必虛,是以徑進。今若使關中諸軍倍道急赴,出其不意,殆將走矣。」師曰:「善!」乃使郭淮、陳泰悉關中之衆,解狄道之圍;敕毌丘儉按兵自守,以新城委吳。陳泰進至洛門,姜維糧盡,退還。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (狄道長李簡密書請降於漢。六月,姜維寇隴西。 ... 漢姜維自狄道進拔河間、臨洮。將軍徐質與戰,殺其盪寇將軍張嶷,漢兵乃還。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (漢姜維復議出軍,征西大將軍張翼廷爭,以為:「國小民勞,不宜黷武。」維不聽,率車騎將軍夏侯霸及翼同進。八月,維將數萬人至枹罕,趨狄道。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (征西將軍陳泰敕雍州刺史王經進屯狄道,須泰軍到,東西合勢乃進。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (泰軍陳倉,經所統諸軍於故關與漢人戰不利,經輒渡洮水。泰以經不堅據狄道,必有他變,率諸軍以繼之。經已與維戰於洮西,大敗,以萬餘人還保狄道城,餘皆奔散,死者萬計。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (張翼謂維曰:「可以止矣,不宜復進,或毀此大功,為蛇畫足。」維大怒,遂進圍狄道。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (辛未,詔長水校尉鄧艾行安西將軍,與陳泰幷力拒維,戊辰,復以太尉孚為後繼。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (泰進軍隴西,諸將皆曰:「王經新敗, ... 此計之得者也。」泰曰:「姜維提輕兵深入, ... 君等何言如是!」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (遂進軍度高城嶺,潛行,夜至狄道東南高山上,多舉烽火,鳴鼓角。狄道城中將士見救至,皆憤踊。維不意救兵卒至,緣山急來攻之,泰與交戰,維退。泰引兵揚言欲向其還路,維懼,九月,甲辰,維遁走,城中將士乃得出。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (王經歎曰:「糧不至旬,向非救兵速至,舉城屠裂,覆喪一州矣!」泰慰勞將士,前後遣還,更差軍守,幷治城壘,還屯上邽。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (姜維退駐鍾提。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 76.
- ↑ (姜維在鍾提,議者多以為維力已竭,未能更出。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (安西將軍鄧艾曰:「洮西之敗,非小失也,士卒凋殘,倉廩空虛,百姓流離。今以策言之,彼有乘勝之勢,我有虛弱之實,一也。彼上下相習,五兵犀利,我將易兵新,器仗未復,二也。彼以船行,吾以陸軍,勞逸不同,三也。狄道、隴西、南安、祁山各當有守,彼專為一,我分為四,四也。從南安、隴西因食羌穀,若趣祁山,熟麥千頃,為之外倉。賊有黠計,其來必矣。」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (秋,七月,姜維復率衆出祁山,聞鄧艾已有備,乃回,從董亭趣南安;艾據武城山以拒之。維與艾爭險不克,其夜,渡渭東行,緣山趣上邽,艾與戰於段谷,大破之。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (以艾為鎮西將軍,都督隴右諸軍事。維與其鎮西大將軍胡濟期會上邽,濟失期不至,故敗,士卒星散,死者甚衆,蜀人由是怨維。維上書謝,求自貶黜,乃以衞將軍行大將軍事。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (漢姜維聞魏分關中兵以赴淮南,欲乘虛向秦川,率數萬人出駱谷,至沈嶺。時長城積穀甚多,而守兵少,征西將軍都督雍、涼諸軍事司馬望及安西將軍鄧艾進兵據之,以拒維。維壁於芒水,數挑戰,望、艾不應。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (漢姜維聞諸葛誕死,復還成都,復拜大將軍。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (是時,維數出兵,蜀人愁苦,中散大夫譙周作仇國論以諷之曰:「或問往古能以弱勝強者,其術如何? ... 如遂極武黷征,土崩勢生,不幸遇難,雖有智者將不能謀之矣。」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 77.
- ↑ (漢大將軍姜維將出軍,右車騎將軍廖化曰:「兵不戢,必自焚,伯約之謂也。智不出敵而力小於寇,用之無厭,將何以存!」) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78.
- ↑ (冬,十月,維入寇洮陽,鄧艾與戰於侯和,破之,維退住沓中。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78.
- ↑ (初,維以羈旅依漢,身受重任,興兵累年,功績不立。黃皓用事於中,與右大將軍閻宇親善,陰欲廢維樹宇。維知之,言於漢主曰:「皓姦巧專恣,將敗國家,請殺之!」漢主曰:「皓趨走小臣耳,往董允每切齒,吾常恨之,君何足介意!」維見皓枝附葉連,懼於失言,遜辭而出。漢主敕皓詣維陳謝。維由是自疑懼,返自洮陽,因求種麥沓中,不敢歸成都。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78.
- อ้างอิงอื่น ๆ
- ↑ สามก๊กจี่ เล่มที่ 26, 33 และ 44 และจือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 75–78.
บรรณานุกรม
แก้- ตันซิ่ว (ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ซือหม่า กวาง (1084). จือจื้อทงเจี้ยน.
- ล่อกวนตง (ศตวรรษที่ 14). สามก๊ก (ซันกั๋วเหยี่ยนอี้).