รัฐบาลสหราชอาณาจักร
รัฐบาลในสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน (อังกฤษ: His Majesty's Government ย่อ: HM Government) เรียกโดยทั่วไปว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร หรือ รัฐบาลบริเตน เป็นรัฐบาลกลางของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ[1][2]
รัฐบาลในสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน His Majesty's Government | |
---|---|
เวลส์: Llywodraeth ei Fawrhydi ไอริช: Rialtas a Shoilse แกลิกสกอต: Riaghaltas a Mhòrachd | |
ภาพรวม | |
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1707 |
รัฐ | สหราชอาณาจักร |
ผู้นำ | นายกรัฐมนตรี (เคียร์ สตาร์เมอร์) |
แต่งตั้งโดย | พระมหากษัตริย์ (สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3) |
หน่วยงานหลัก | คณะรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร |
กระทรวง | ระดับกระทรวง 23 หน่วยงาน ไม่ใช่ระดับกระทรวง 20 หน่วยงาน |
รับผิดชอบต่อ | รัฐสภาสหราชอาณาจักร |
งบประมาณประจำปี | 1.189 ล้านล้านปอนด์ |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 10 ถนนดาวนิง |
เว็บไซต์ | gov |
นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาลซึ่งแต่งตั้งรัฐมนตรีทุกคน สหราชอาณาจักรมีรัฐบาลนำโดยพรรคอนุรักษนิยมตั้งแต่ ค.ศ. 2010 และมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมเรื่อยมา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอาวุโสอยู่รวมกันเป็นคณะบุคคลมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด เรียกว่าคณะรัฐมนตรี[2]
รัฐมนตรีรับผิดชอบต่อสภาที่รัฐมนตรีผู้นั้นเป็นสมาชิกโดยการกล่าวถ้อยแถลงต่าง ๆ และการตอบคำถามจากสมาชิกสภานั้น ๆ โดยสำหรับรัฐมนตรีอาวุโสส่วนใหญ่นั้นหมายความถึงสภาสามัญชน ไม่ใช่สภาขุนนาง รัฐบาลนั้นต้องพึ่งพารัฐสภาในการออกกฎหมายแม่บท[3] และมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินทุก ๆ 5 ปี เพื่อเลือกตั้งสภาสามัญชนชุดใหม่ ยกเว้นถ้านายกรัฐมนตรีถวายคำแนะนำต่อพระเจ้าแผ่นดินให้ยุบสภา ซึ่งจะทำให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น หลังจากที่การเลือกตั้งสิ้นสุดลง พระเจ้าแผ่นดินจะทรงแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่มีความเป็นไปได้ในการรับความไว้วางใจจากสภาสามัญชนมากที่สุดเป็นนายกรัฐมนตรี โดยส่วนใหญ่ดูจากจำนวนสมาชิกรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง[4]
ภายใต้รัฐธรรมนูญจารีตประเพณีของสหราชอาณาจักร พระเจ้าแผ่นดินทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ในทางปฏิบัติอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินจะใช้ได้ต่อเมื่อได้รับคำแนะนำจากสภาองคมนตรีเท่านั้น[5] สมาชิกสภาองคมนตรีประกอบไปด้วยนายกรัฐมนตรี สภาขุนนาง ผู้นำฝ่ายค้าน ผู้บังคับบัญชาตำรวจและทหารระดับสูง และทำหน้าที่ในการถวายคำแนะนำต่อพระเจ้าแผ่นดิน ในกรณีส่วนใหญ่นั้น คณะรัฐมนตรีใช้อำนาจบริหารโดยตรงในฐานะผู้บริหารกระทรวงและทบวงต่าง ๆ ทั้งนี้ บางตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีถือว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องทำงาน เช่น สมุหดัชชีแห่งแลงคาสเตอร์ หรือ สมุหพระราชลัญจกร
บางครั้งการพูดถึงรัฐบาลจะใช้นามนัยว่า เวสต์มินสเตอร์ หรือ ไวต์ฮอลล์ เพราะอาคารทำการหลายหน่วยงานของรัฐบาลอยู่ในย่านนั้น โดยนามนัยเหล่านี้มักใช้โดยสมาชิกรัฐบาลสกอต รัฐบาลเวลส์ หรือหน่วยงานบริหารไอร์แลนด์เหนือเพื่อไม่ให้สับสนระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น
ประวัติ
แก้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ใช้ระบอบปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ กล่าวคือพระเจ้าแผ่นดินจะไม่ตัดสินพระราชหฤทัยในกิจการทางการเมืองอย่างเปิดเผยหรือชัดเจน และให้อำนาจทางการเมืองตกอยู่กับรัฐบาลและรัฐสภา เนื่องจากจารีตทางรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นมาจากประวัติศาสตร์ของการจำกัดและลดพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินที่ดำเนินมายาวนาน โดยเริ่มจากการออกมหากฎบัตรใน ค.ศ. 1215
ตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ใน ค.ศ. 1901 นั้น โดยธรรมเนียม นายกรัฐมนตรีเป็นสมาชิกรัฐสภา (อังกฤษ: Member of Parliament; MP) จึงทำให้นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อสภาสามัญชน ทั้งนี้มีช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ อเล็ก ดักลัส-ฮิวม์ เป็นสมาชิกสภาขุนนาง และไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาใดเลย ซึ่งธรรมเนียมนี้ใช้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเช่นกัน เนื่องจากในกาลปัจจุบันนั้นจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทางการเมืองหากรัฐมนตรีคลังต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีในสภาขุนนาง ซึ่งจะทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถถามคำถามถึงรัฐมนตรีได้โดยตรง รัฐมนตรีคลังคนสุดท้ายที่เป็นสมาชิกสภาขุนนางคือลอร์ดเดนแมน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 1 เดือนใน ค.ศ. 1834
รัฐบาลในสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินและพระเจ้าแผ่นดิน
แก้พระเจ้าแผ่นดินสหราชอาณาจักร เป็นประมุขแห่งรัฐและองค์อธิปัตย์ แต่ไม่เป็นประมุขรัฐบาล พระเจ้าแผ่นดินมีส่วนร่วมในการบริหารราชการแผ่นดินน้อยมาก และวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ทั้งนี้ อำนาจของรัฐซึ่งสถิตอยู่กับองค์อธิปัตย์ในฐานะสถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงเป็นบ่อเกิดอำนาจรัฐที่ใช้โดยรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
นอกเหนือจากอำนาจที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย องค์รัฏฐาธิปัตย์ยังมีอำนาจในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเรียกโดยรวมว่าพระราชอำนาจ ซึ่งอำนาจเหล่านี้มีตั้งแต่อำนาจในการออกหรือเรียกคืนหนังสือเดินทาง ไปจนถึงอำนาจในการประกาศสงคราม โดยธรรมเนียมนั้น อำนาจเหล่านี้มอบให้รัฐมนตรีต่าง ๆ หรือเจ้าพนักงานในพระองค์ ซึ่งสามารถใช้อำนาจเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินเพื่อถวายรายงานสถานการณ์ของประเทศเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยพระองค์จะ "มีสิทธิ์และหน้าที่ในการออกความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาล ... การเข้าเฝ้า รวมถึงการสื่อสารทุกรูปแบบระหว่างพระเจ้าแผ่นดินและรัฐบาลของพระองค์ จะต้องเป็นความลับเด็ดขาด สุดท้ายแล้วหลังจากที่ทรงออกความเห็น พระเจ้าแผ่นดินจะต้องรับฟังและทำตามคำแนะนำของรัฐมนตรีของพระองค์"[6]
โดยพระเจ้าแผ่นดินจะมีพระราชอำนาจ ซึ่งรวมแต่ไม่จำกัดถึงตัวอย่างเหล่านี้ เช่น
อำนาจภายใน
แก้- พระราชอำนาจในการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง (หรือโดยหลักการ รวมถึงการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง) นายกรัฐมนตรี พระราชอำนาจนี้ พระเจ้าแผ่นดินใช้เป็นการส่วนตัว โดยธรรมเนียม (และความคาดหมาย) พระเจ้าแผ่นดินจะแต่งแต่งบุคคลที่มีความเป็นไปได้ในการคุมเสียงข้างมากในสภาสามัญชนมากที่สุดให้เป็นนายกรัฐมนตรี
- พระราชอำนาจในการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือให้พ้นจากตำแหน่งของรัฐมนตรี โดยคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรี
- พระราชอำนาจในการลงพระปรมาภิไธยและออกกฎหมายต่าง ๆ โดยการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แก่ร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการทำให้กฎหมายบังคับใช้ได้จริง พระราชอำนาจนี้ใช้โดยพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งทรงไว้ซึ่งอำนาจในการไม่พระราชทานพระบรมราชานุญาตเช่นกัน อย่างไรก็ดี ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหนที่ไม่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ร่างพระราชบัญญัติตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์ ใน ค.ศ. 1708
- พระราชอำนาจในการแต่งตั้งทหารสัญญาบัตรในกองทัพ
- พระราชอำนาจในการบังคับบัญชากองทัพ อำนาจนี้ใช้โดยสภากลาโหมในพระปรมาภิไธยในพระเจ้าแผ่นดิน
- พระราชอำนาจในการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาองคมนตรี
- พระราชอำนาจในการออก ระงับ ยกเลิก เรียกคืน หรืออายัดหนังสือเดินทาง และมีพระราชอำนาจทั่วไปในการจัดให้หรือมิให้มีวิธีการที่พลเมืองสามารถขอออกหนังสือเดินทาง อำนาจนี้ใช้ในสหราชอาณาจักร แต่อาจไม่รวมถึงดินแดนโพ้นทะเล โดยรัฐมนตรีมหาดไทย
- พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ
- พระราชอำนาจในการพระราชทาน เรียกคืน และทำให้เป็นโมฆะซึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พระราชอำนาจในการจัดตั้งนิติบุคคล รวมถึงสถานะการเป็นเมืองโดยได้รับการจัดตังในตนเอง โดยการพระราชทานตราตั้ง และแก้ไข ทดแทน หรือยกเลิกตราตั้งที่มีอยู่แล้ว
อำนาจต่างประเทศ
แก้- พระราชอำนาจในการสัตยาบันในสนธิสัญญา
- พระราชอำนาจในการประกาศสงครามหรือประกาศสันติภาพ
- พระราชอำนาจในการส่ง หรือ ถอนกำลังทหารในเขตพ้นทะเล
- พระราชอำนาจในรับรองสถานะทางการทูต
- พระราชอำนาจในการให้อำนาจและรับรองตราตั้งราชทูต
ถึงแม้ว่าสหราชอาณาจักรจะไม่ได้มีการประมวลกฎหมายรัฐธรรมนูญไว้ แต่รัฐบาลได้เผยแพร่รายการพระราชอำนาจข้างต้นเพื่อความโปร่งใสในเดือน ตุลาคม ค.ศ. 2003 เพื่อสร้างความกระจ่าง เพราะพระราชอำนาจบางอย่างเป็นการใช้โดยรัฐบาลในพระปรมาภิไธยพระเจ้าแผ่นดิน[7] อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีการรวบรวมอย่างสมบูรณ์ว่าพระราชอำนาจมีอะไรบ้าง เนื่องจากพระราชอำนาจหลายอย่างเริ่มมาจากขนบธรรมเนียมโบราณและช่วงที่มีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช หรือมีการปรับเปลี่ยนไปตามธรรมเนียมทางรัฐธรรมนูญในเวลาต่อมา
รัฐมนตรีและกระทรวง
แก้ใน ค.ศ. 2019 มีรัฐมนตรีประมาณ 120 คน[8] ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยข้าราชการ 560,000 คน[9] และเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ ที่ปฏิบัติราชการในกระทรวง 25 แห่งและหน่วยงานบริหารที่อยู่ภายใต้กระทรวงเหล่านั้น และกระทรวงที่ไม่ได้บริหารโดยรัฐมนตรี 20 กระทรวง[10] ที่มีความรับผิดชอบอื่น ๆ
โดยหลักการนั้น รัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของสภาใด ๆ ในรัฐสภา แต่โดยธรรมเนียมและการปฏิบัตินั้น รัฐมนตรีจะแต่งตั้งจากสมาชิกสภาขุนนางหรือสมาชิกสภาสามัญชน เพื่อให้รัฐมนตรีรับผิดชอบต่อรัฐสภาได้ บางเวลานายกรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาใด ๆ แต่ในช่วงที้ผ่านมา รัฐมนตรีคนนอกจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาขุนนาง[11]
รัฐบาลในรัฐสภา
แก้รัฐบาลต้องได้รับความไว้วางใจจากสภาสามัญชน ตามธรรมเนียมและเนื่องด้วยเหตุผลในทางปฏิบัติ รัฐบาลต้องอาศัยการสนับสนุนของสภาสามัญชนเพื่อให้ใช้จ่ายงบประมาณได้ (โดยการผ่านงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน) และการออกกฎหมายแม่บท โดยธรรมเนียมนั้น ถ้ารัฐบาลเสียความไว้วางใจ รัฐบาลต้องลาออก หรือต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากสภาขุนนาง ซึ่งถึงแม้ว่ามีประโยชน์ในการทำให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายได้เร็วขึ้น แต่การสนับสนุนนั้นไม่จำเป็นต่อการคงอยู่ของรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่จำเป็นต้องลาออกถึงแม้ว่าจะแพ้การลงมติในกฎหมายสำคัญ หรือเสียความไว้วางใจจากสภานั้น
สภาสามัญชนสามารถตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรีผ่านกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี (อังกฤษ: Prime Minister's Questions; PMQs) ซึ่งเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาจากทุกพรรคการเมืองสามารถถามคำถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องใดก็ได้ นอกเหนือจากนี้ยังมีการตั้งกระทู้ถามถึงกระทรวงซึ่งจะมีรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงนั้น ๆ ทั้งนี้กระทู้ถามรัฐมนตรีต่างจากกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี คือรัฐมนตรีในกระทรวงใด ๆ สามารถมาตอบกระทู้ถามในนามรัฐบาลได้ ขึ้นอยู่กับหัวข้อของกระทู้ถาม
ในระหว่างการอภิปรายร่างกฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาล รัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบในขอบเขตของร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นผู้นำการอภิปรายให้ฝ่ายรัฐบาล และตอบข้อสงสัยจากสมาชิกรัฐสภาหรือขุนนาง
คณะกรรมาธิการ[12]ทั้งสภาสามัญชนและสภาขุนนางทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลโดยการตรวจสอบการทำงานและตรวจสอบรายละเอียดของร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนออย่างละเอียด โดยรัฐมนตรีจะต้องมาให้ข้อมูลหรือตอบข้อซักถามของกรรมาธิการ
โดยธรรมเนียมและการบังคับของประมวลจริยธรรมรัฐมนตรี[13]นั้น เมื่อรัฐสภาอยู่ในสมัยประชุม รัฐมนตรีต้องกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ หรือปัญหาที่มีความสำคัญระดับชาติต่อรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาหรือขุนนางตั้งข้อซักถามต่อรัฐบาลเกี่ยวกับถ้อยแถลงได้ หากรัฐบาลเลือกที่จะกล่าวถ้อยแถลงนอกรัฐสภา รัฐบาลมักจะได้การวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบจากสมาชิกรัฐสภาและประธานสภาสามัญชน[14]
สถานที่
แก้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการในเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ซึ่งตั้งในเมืองเวสต์มินสเตอร์ ลอนดอน การประชุมคณะรัฐมนตรียังจัดขึ้นที่นี่ด้วย กระทรวงส่วนใหญ่มีที่ทำการย่านไวต์ฮอล์
ขีดจำกัดอำนาจรัฐบาล
แก้อำนาจของรัฐบาลนั้นรวมถึงอำนาจบริหารโดยทั่วไป อำนาจทางบทกฎหมาย อำนาจที่กฎหมายบัญญัติว่าให้รัฐบาลมีได้ และอำนาจอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งและการอุปถัมภ์ แต่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐบางประเภทที่มีอำนาจมาก เช่น ผู้พิพากษา ราชการส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการการกุศล ได้รับสถานะทางกฎหมายที่ทำให้ถือได้ว่าอิสระจากการสั่งการและควบคุมของรัฐบาล และอำนาจรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในส่วนนั้นจะถูกจำกัดให้ใช้ได้แค่อำนาจที่พระเจ้าแผ่นดินสงวนไว้ หรืออำนาจที่รัฐสภามอบให้ ทั้งนี้ ข้อจำกัดทั้งทางกฎหมายสารบัญญัติและกฎหมายวิธีพิจารณาความสามารถบังคับใช้กับรัฐบาลได้ผ่านการพิจารณาทบทวนโดยศาล
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลแขวงและนายกเทศมนตรียังสามารถถูกจับกุมและนำไปขึ้นศาลด้วยเหตุที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ และรัฐบาลมีอำนาจแต่งตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบการทำงานของราชการส่วนท้องถิ่นได้ และออกคำสั่งเพื่อให้ปฏิบัติหากราชการส่วนท้องถิ่นหากไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ทางกฎหมายของตนเอง[15]
เปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่เจ้าหน้าที่ของสหภาพไม่ต้องรับโทษทางอาญาหากการกระทำอยู่ในกรอบของภาระมอบหมายของเจ้าหน้าที่คนนั้น[16] และทูตต่างประเทศ (แต่ไม่รวมถึงพนักงานของทูต) กับสมาชิกสภายุโรปได้รับความคุ้มครองจากการดำเนินคดีอาญาแบบไร้เงื่อนไข เพราะเหตุนี้ หน่วยงานของสหภาพยุโรปและทูตจึงไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะไม่สามารถฟ้องร้องฐานหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีได้ ตัวอย่างของเรื่องนี้คือเมื่อตอนที่สหราชอาณาจักรยังเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหราชอาณาจักรอ้างว่าตนไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเขตการจราจรหนาแน่น เพราะถือว่าเป็นภาษีและไม่ใช่ค่าธรรมเนียม (แม้ในชื่อจะระบุว่าเป็นค่าธรรมเนียมก็ตาม) จึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระ ซึ่งสำนักบริหารมหานครลอนดอนได้โต้แย้งการอ้างของเอกอัครราชทูตในเรื่องนี้
ในลักษณะที่คล้ายกันนั้น พระเจ้าแผ่นดินยังได้รับความคุ้มครองจากการถูกฟ้องร้องคดีอาญาทั้งปวง และสามารถฟ้องร้องพระองค์ได้ต่อเมื่อรับพระบรมราชานุญาตเท่านั้น เรียกว่าความคุ้มกันองค์รัฏฐาธิปัตย์ ตามกฎหมายนั้น องค์รัฏฐาธิปัตย์ไม่ต้องชำระภาษีเงินได้ แต่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ทรงเลือกที่จะชำระภาษีเงินได้ตั้งแต่ ค.ศ. 1993 จนพระองค์เสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 2022 รวมถึงเลือกที่ชำระภาษีท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้ สถาบันพระเจ้าแผ่นดินได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเรียกว่าเงินปีส่วนพระเจ้าแผ่นดินและมรดกที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับจากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนียังได้รับการยกเว้นภาษีมรดกอีกด้วย
นอกเหนือจากอำนาจทางกฎหมาย รัฐบาลในสมเด็จฯยังมีอิทธิพลอย่างมากเหนือส่วนราชการท้องถิ่น รวมไปถึงหน่วยงานที่สังกัดราชการท้องถิ่นด้วยผ่านการจัดสรรงบประมาณและมอบเงินอุดหนุน เนื่องจากมีผลผูกพันกับหน้าที่หลายอย่างของราชการท้องถิ่น เช่น สวัสดิการภาษีท้องถิ่น หรือสวัสดิการบ้านที่อยู่อาศัย ที่รัฐบาลกลางต้องจัดสรรงบประมาณให้เกือบทั้งหมดหรือทั้งหมด
ทั้งรัฐบาลกลางและส่วนราชการท้องถิ่นไม่สามารถฟ้องร้องผู้ใดในข้อหาหมิ่นประมาทได้ แต่นักการเมืองสามารถฟ้องร้องประชาชนเป็นการส่วนตัวได้โดยไม่ใช้ทรัพยากรทางราชการ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีการฟ้องร้องแบบนี้น้อยมาก ทั้งนี้การกล่าวถ้อยแถลงเท็จเกี่ยวกับผู้ลงสมัครเลือกตั้งระหว่างช่วงหาเสียงเลือกตั้งด้วยเจตนาให้ผู้ลงสมัครเลือกตั้งรายนั้นได้รับคะแนนเสียงน้อยลงเป็นความผิดอาญา (การแสดงความเห็นถือว่าไม่เข้าเงื่อนไข เช่นเดียวกับการพิจารณาความผิดหมิ่นประมาท)
หมายเหตุ
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ His Majesty's Government เก็บถาวร 17 พฤศจิกายน 2019 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved 28 June 2010
- ↑ 2.0 2.1 Overview of the UK system of government : Directgov – Government, citizens and rights. Archived direct.gov.uk webpage. Retrieved on 29 August 2014.
- ↑ "Legislation". UK Parliament. 2013. สืบค้นเมื่อ 27 January 2013.
- ↑ House of Commons – Justice Committee – Written Evidence เก็บถาวร 1 ธันวาคม 2020 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Publications.parliament.uk. Retrieved on 19 October 2010.
- ↑ The monarchy : Directgov – Government, citizens and rights. Archived direct.gov.uk webpage. Retrieved on 29 August 2014.
- ↑ "Queen and Prime Minister". The British Monarchy. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2010. สืบค้นเมื่อ 27 January 2013.
- ↑ Mystery lifted on Queen's powers | Politics. The Guardian. Retrieved on 12 October 2011.
- ↑ Maer, Lucinda; Kelly, Richard (31 March 2021). "Limitations on the number of Ministers". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 May 2021. สืบค้นเมื่อ 31 March 2021 – โดยทาง commonslibrary.parliament.uk.
- ↑ Civil Service Statistics เก็บถาวร 10 พฤศจิกายน 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. civilservant.org.uk. September 2011
- ↑ LIST OF MINISTERIAL RESPONSIBILITIES Including Executive Agencies and NonMinisterial Departments. Cabinet Office 2009
- ↑ Maer, Lucinda (2017-09-04). "Ministers in the House of Lords".
- ↑ Committees – UK Parliament เก็บถาวร 7 ธันวาคม 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Parliament.uk (21 April 2010). Retrieved on 12 October 2011.
- ↑ Ministerial Code. Cabinet Office 2010
- ↑ "Speakers' statements on ministerial policy announcements made outside the House" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 16 กรกฎาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2010.. Parliamentary Information List. Department of Information Services. www.parliament.uk. 16 July 2010
- ↑ "Secretary of State sends in commissioners to Tower Hamlets". Gov.uk. 17 December 2014. สืบค้นเมื่อ 10 April 2015.
- ↑ "The Immunity of Members of the European Parliament" (PDF). European Union. October 2014. สืบค้นเมื่อ 10 April 2015.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Official website of 10 Downing Street
- Directgov เก็บถาวร 2007-01-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, the UK government public services website, produced by the Central Office of Information
- Her Majesty's Government เก็บถาวร 2004-01-05 ที่ UK Government Web Archive, a directory compiled by the House of Commons Information Office