ประเทศคาซัคสถาน
คาซัคสถาน (คาซัค: Қазақстан / Qazaqstan, ออกเสียง [qɑzɑqˈstɑn]; รัสเซีย: Казахста́н, ออกเสียง: [kɐzəxˈstɐn]) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคาซัคสถาน (คาซัค: Қазақстан Республикасы / Qazaqstan Respublikasy; รัสเซีย: Респу́блика Казахста́н) เป็นรัฐข้ามทวีปที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลางและกินพื้นที่บางส่วนของยุโรปตะวันออก มีพรมแดนติดต่อกับประเทศรัสเซียทางทิศเหนือและตะวันตก ติดต่อกับประเทศจีนทางทิศตะวันออก ติดต่อกับประเทศคีร์กีซสถานทางตะวันออกเฉียงใต้ ติดต่อกับประเทศอุซเบกิสถานทางทิศใต้ และติดต่อกับเติร์กเมนิสถานทางตะวันตกเฉียงใต้ เมืองหลวงคืออัสตานา (ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "โนร์-โซลตัน" ระหว่าง พ.ศ. 2562–2565) โดยมีอัลมาเตอเป็นเมืองหลวงเก่าจนถึง พ.ศ. 2540 คาซัคสถานเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มโลกอิสลาม และใหญ่เป็นอันดับเก้าของโลก มีประชากรประมาณ 19 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นประชากรต่ำ คือน้อยกว่า 6 คนต่อตารางกิโลเมตร (15 คนต่อตารางไมล์)
สาธารณรัฐคาซัคสถาน Қазақстан Республикасы / Qazaqstan Respublikasy (คาซัค) Респу́блика Казахста́н (รัสเซีย) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศคาซัคสถาน (เขียว) | |
เมืองหลวง | อัสตานา[1] 51°10′N 71°26′E / 51.167°N 71.433°E |
เมืองใหญ่สุด | อัลมาเตอ 43°16′39″N 76°53′45″E / 43.27750°N 76.89583°E |
ภาษาราชการ | คาซัค , รัสเซีย [a] |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2020)[3] | |
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[4] | |
เดมะนิม | ชาวคาซัคสถาน[d][6] |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบประธานาธิบดีและระบบพรรคเด่น |
ฆาเซิม-โฌมาร์ต โตกาเยฟ | |
โวลฌัส เบียกเตียนัฟ | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | Mazhilis |
ก่อตั้ง | |
ค.ศ. 1465 | |
13 ธันวาคม ค.ศ. 1917 | |
26 สิงหาคม ค.ศ. 1920 | |
19 มิถุนายน ค.ศ. 1925 | |
5 ธันวาคม ค.ศ. 1936 | |
• ประกาศเป็นอธิปไตย | 25 ตุลาคม ค.ศ. 1990 |
• เปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐคาซัคสถาน | 10 ธันวาคม ค.ศ. 1991 |
• เป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียต | 16 ธันวาคม ค.ศ. 1991 |
21 ธันวาคม ค.ศ. 1991 | |
26 ธันวาคม ค.ศ. 1991 | |
• ยอมรับเป็นสมาชิกสหประชาชาติ | 2 มีนาคม ค.ศ. 1992 |
30 สิงหาคม ค.ศ. 1995 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 2,724,900 ตารางกิโลเมตร (1,052,100 ตารางไมล์) (อันดับที่ 9) |
1.7 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2020 ประมาณ | 18,711,560[7] (อันดับที่ 64) |
7 ต่อตารางกิโลเมตร (18.1 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 236) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 569.813 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] (อันดับที่ 41) |
• ต่อหัว | 30,178 ดอลลาร์สหรัฐ[8] (อันดับที่ 53) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 179.332 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] (อันดับที่ 55) |
• ต่อหัว | 9,686 ดอลลาร์สหรัฐ[8] (อันดับที่ 69) |
จีนี (ค.ศ. 2017) | 27.5[9] ต่ำ |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.825[10] สูงมาก · อันดับที่ 51 |
สกุลเงิน | เท็งเก (₸) (KZT) |
เขตเวลา | UTC+5 / +6 (ตะวันตก / ตะวันออก) |
รูปแบบวันที่ | ปปปป.วว.ดด (kk) วว.ดด.ปปปป (ru) |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +7-6xx, +7-7xx |
โดเมนบนสุด |
ดินแดนของคาซัคสถานเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าและอาณาจักรเก่าแก่มาตั้งแต่อดีตกาล ชาวซิทเคยปกครองดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่สมัยโบราณก่อนทีจักรวรรดิอะคีเมนิดจะเรืองอำนาจและขยายอาณาเขตจรดดินแดนทางใต้ กลุ่มชนเตอร์กิกซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์เติร์กเข้ามาตั้งรกรากประมาณช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 จักรวรรดิมองโกลภายใต้การปกครองของเจงกิส ข่าน เข้าปราบปรามและยึดครองดินแดนในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ตามด้วยการยึดครองดินแดนส่วนใหญ่โดยรัฐข่านคาซัคในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งได้กลายเป็นอาณาเขตของคาซัคสถานยุคใหม่ในเวลาต่อมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชาวคาซัคซึ่งเป็นหนึ่งในชนกลุ่มย่อยของกลุ่มชนเติร์กเข้ามาตั้งรกราก และแยกตัวออกเป็นสามกลุ่มย่อยที่เรียกว่า Zhuz การตั้งถิ่นฐานของพวกเขารุกล้ำเขตแดนของรัสเซียตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก่อนที่ชาวรัสเซียจะตอบโต้ด้วยการรุกล้ำบริเวณทุ่งหญ้าคาซัค และยึดครองดินแดนทั้งหมดก่อนผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซียในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 และปลดปล่อยทาสทั้งหมดที่ถูกชาวคาซัคจับตัวมา[11] การปฏิวัติรัสเซียและสงครามกลางเมืองรัสเซียนำไปสู่การจัดระเบียบการปกครองในดินแดนอีกหลายครั้ง ใน พ.ศ. 2479 ดินแดนทั้งหมดกลายเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัคภายใต้สหภาพโซเวียต คาซัคสถานถือเป็นสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตแห่งสุดท้ายที่ประกาศเอกราชระหว่างการล่มสลายของสหภาพโซเวียตระหว่าง พ.ศ. 2531–2534
คาซัคสถานถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคเอเชียกลาง โดยถือครองจีดีพีเฉลี่ยถึงร้อยละ 60 ของทั่วทั้งภูมิภาค รายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมส่งออกน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งมีทรัพยากรแร่ธาตุจำนวนมาก[12] คาซัคสถานเป็นสาธารณรัฐซึ่งปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยนิตินัย อย่างไรก็ตาม องค์กรสิทธิมนุษยชนอธิบายว่ารัฐบาลคาซัคมีการปกครองแบบเผด็จการ และมีสิทธิมนุษยชนในระดับต่ำ คาซัคสถานถือเป็นรัฐเดี่ยวที่เป็นสังคมพหุนิยมทางวัฒนธรรม[13] และได้รับการจัดอันดับทางดัชนีการพัฒนามนุษย์สูงสุดในภูมิภาค คาซัคสถานเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก เครือรัฐเอกราช องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป องค์การความร่วมมืออิสลาม องค์การรัฐเติร์ก และองค์การวัฒนธรรมเติร์กระหว่างประเทศ
ภูมิศาสตร์
แก้ด้วยพื้นที่ 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร (1.56 ล้านตารางไมล์) คาซัคสถานจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 9 ของโลก โดยมีขนาดพอ ๆ กับภูมิภาคยุโรปตะวันตก
เมืองใหญ่ของประเทศได้แก่ อัสตานา (เป็นเมืองหลวงตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541), อัลมาเตอ (อดีตเมืองหลวง เคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อัลมา-อะตา (Alma-Ata) และก่อน พ.ศ. 2460 (1917) ในชื่อเวียร์นืย), คาราฆันเดอ, เชิมเกียนต์, เซียเมียย์ (เซมีปาลาตินสค์) และเตอร์กิสถาน เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ยาซี
ลักษณะภูมิประเทศแผ่ขยายจากตะวันออกจดตะวันตก ตั้งแต่ทะเลสาบแคสเปียนจนถึงแอ่งทาริม (ซินเจียง) และเทือกเขาอัลไต และจากเหนือจดใต้ ตั้งแต่ที่ราบไซบีเรียตะวันตกจนถึงโอเอซิสและทะเลทรายของภูมิภาคเอเชียกลาง
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบภาคพื้นทวีป มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นและฤดูร้อนแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง
ความยาวของพรมแดน: รัสเซีย 6,846 กิโลเมตร, อุซเบกิสถาน 2,203 กิโลเมตร, จีน 1,533 กิโลเมตร, คีร์กีซสถาน 1,051 กิโลเมตร และเติร์กเมนิสถาน 379 กิโลเมตร
- แม่น้ำและทะเลสาบสำคัญได้แก่
ประวัติศาสตร์
แก้ส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
แก้คาซัคสถานเคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของสหภาพโซเวียต เรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัค (KSSR) ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ก็ประกาศเอกราชเป็นรัฐสุดท้ายจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้งประเทศคาซัคสถาน
ดินแดนที่เป็นคาซัคสถานในปัจุบัน มีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อาชีพหลักของคนในยุคโบราณก็คือการเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน โดยเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงม้า
ในยุคศตวรรษที่ 13 ชาวมองโกล ก็เข้ามาในเขตนี้ และก็เริ่มวางระบบการปกครองที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น และมีการเรียกเขตการปกครองของพวกเขาว่า รัฐข่านคาซัค แต่ความเป็นตัวตนของชาวคาซัค เริ่มปรากฏชัดในศตวรรษที่ 16 เมื่อภาษา วัฒนธรรม แบบคาซัคเริ่มมีความแตกต่างจากคนกลุ่มอื่น
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 รัสเซียที่ปกครองดินแดนแถบนี้อยู่ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย ก็เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาอย่างเป็นจริงเป็นจัง และสามารถควบคุมปกครองดินแดนแถบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายอิทธิพลเข้ามาของฝ่ายอังกฤษ
การแบ่งเขตการปกครอง
แก้ประเทศคาซัคสถานแบ่งออกเป็น 14 แคว้น (คาซัค: облыс/oblys; รัสเซีย: область) และ 4 นคร* (คาซัค: қаласы/qalasy; รัสเซีย: Город) ทุกแคว้นมีผู้ว่าการแคว้นที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ส่วนนายกเทศมนตรีได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าการแคว้น รัฐบาลคาซัคสถานย้ายเมืองหลวงจากอัลมาเตอไปอัสตานาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2541
ชื่อหน่วยการปกครอง | เมืองหลัก | เนื้อที่ (ตร.กม.) |
ประชากร (สำมะโน พ.ศ. 2552)[14] |
รหัส ไอเอสโอ 3166-2 |
แผนที่ |
---|---|---|---|---|---|
กุสตาไน | 196,001 | 885,570 | KZ-KUS | ||
โวรัล | 151,339 | 598,880 | KZ-ZAP | ||
วึสเกียเมียน | 283,226 | 1,396,593 | KZ-VOS | ||
เปียโตรปัฟล์ | 97,993 | 596,535 | KZ-SEV | ||
คาราฆันเดอ | 427,982 | 1,341,700 | KZ-KAR | ||
คืยซิลออร์ดา | 226,019 | 678,794 | KZ-KZY | ||
– |
1,170 | 603,499 | KZ-SHY | ||
ตารัซ | 144,264 | 1,022,129 | KZ-ZHA | ||
เตอร์กิสถาน | 117,249 | 2,469,357 | KZ-TUR | ||
– |
710 | 613,006 | KZ-AST | ||
– |
57 | 36,175 | |||
ปัฟโลดาร์ | 124,800 | 742,475 | KZ-PAV | ||
อักเตา | 165,642 | 485,392 | KZ-MAN | ||
อักเตอเบีย | 300,629 | 757,768 | KZ-AKT | ||
เกิกเชียเตา | 146,219 | 737,495 | KZ-AKM | ||
ตัลเดอโกร์ฆัน | 223,924 | 1,807,894 | KZ-ALM | ||
– |
319 | 1,365,632 | KZ-ALA | ||
อาเตอเรา | 118,631 | 510,377 | KZ-ATY |
ใน พ.ศ. 2538 รัฐบาลคาซัคสถานและรัสเซียได้ทำข้อตกลงให้รัสเซียเช่าพื้นที่ 6,000 ตารางกิโลเมตร รอบท่าอวกาศยานบัยโกเงอร์ และเมืองบัยโกเงอร์เป็นเวลา 20 ปี
นโยบายต่างประเทศ
แก้ความสัมพันธ์กับไทย
แก้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานนับได้ว่ามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าและแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการ และวิชาการ เป็นต้น
ไทยได้แต่งตั้งนาย Mirgali Kunayev เป็น กสม. ณ นครอัลมาเตอ และมีอำนาจตรวจลงตรา ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถขอรับการตรวจลงตราเพื่อพำนักในไทยได้เกิน 15 วัน
ผู้นำไทยกับคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น คาซัคสถานได้ให้การสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ซึ่งเป็นกรอบการประชุมเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียที่คาซัคสถานได้ริเริ่มขึ้น โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของ CICA เมื่อเดือนตุลาคม 2547
ฝ่ายคาซัคสถานประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Regional Forum - ARF) และขอรับการสนับสนุนจากประเทศไทย
ไทยได้สนับสนุนคาซัคสถานในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ซึ่งไทยริเริ่ม โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ACD เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชุมฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ในการรับคาซัคสถานเข้าเป็นสมาชิก ACD
กองทัพ
แก้กองทัพบก
แก้ทหารคาซัคสถานส่วนใหญ่ถูกสืบทอดมาจากกองทัพแดงของสหภาพโซเวียต หน่วยงานเหล่านี้กลายเป็นแกนหลักของทหารคาซัคสถานสมัยใหม่ กองทัพบกคาซัคสถานได้มุ่งเน้นที่หน่วยรถหุ้มเกราะในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 หน่วยหุ้มเกราะได้ขยายจาก 500 คัน ถึง 1,613 คัน ใน ค.ศ. 2005
คาซัคสถานได้ส่งทหารวิศวกร 49 คน ไปยังอิรักเพื่อให้ความช่วยเหลือภารกิจของสหรัฐในการบุกรุกอิรัก
เศรษฐกิจ
แก้โครงสร้างทางเศรษฐกิจ
แก้คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต มีทรัพยากรที่สำคัญเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมันดิบ แร่ธาตุ ตลอดจนยังมีขีดความสามารถทางการเกษตรอันเนื่องมาจากพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและทำปศุสัตว์ที่กว้างขวาง
ก่อนปี พ.ศ. 2533 ระบบเศรษฐกิจคาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแบ่งการผลิตของสหภาพโซเวียต โดยถูกกำหนดให้มีความชำนาญด้านเกษตรกรรม ตามโครงการดินแดนบริสุทธิ์ฮรุชชอฟ (Khrushchev Virgin Lands) ส่วนอุตสาหกรรมหลักขึ้นอยู่กับการขุดเจาะน้ำมันและการทำเหมืองแร่ การผสมโลหะ และการสกัดแร่ธาตุ ตลอดจนการผลิตเครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องมือก่อสร้าง รถแทรกเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร
ภายหลังการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ความต้องการสินค้าเครื่องจักรกลหนักซึ่งเป็นสินค้าหลักของคาซัคสถานได้ลดลง ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2537 อัตราเงินเฟ้อสูงและมูลค่า Real GDP ลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2538 - 2540 รัฐบาลคาซัคสถานได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจและแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกสู่ภาคเอกชน อัตราการเจริญเติบโตของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานได้เข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือก่อสร้างท่อส่งน้ำมันในทะเลแคสเปียน ซึ่งส่งผลให้สามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2541 สภาวะการตกต่ำของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของคาซัคสถานตกต่ำลงชั่วขณะ แต่หลังจากปี พ.ศ. 2542 ราคาน้ำมันได้ถีบตัวสูงขึ้น ประกอบกับการลดค่าเงินที่ถูกจังหวะและการเกษตรที่ได้ผลดี ทำให้ภาวะเศรษฐกิจคาซัคสถานเจริญเติบโต
ภาคเกษตรกรรม
แก้เกษตรกรรมเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นหนึ่งในสามของการส่งออก หรือ ร้อยละ 20-25 ของแรงงานภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตหลักได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืช
แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ไม่แน่นอนและการปฏิรูประบบเศรษฐกิจอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์พืชที่เคยสูงสุดในปี พ.ศ. 2535 กลับตกต่ำที่สุดในปี พ.ศ. 2538 และการผลิตภาคการเกษตรซึ่งเคยมีส่วนแบ่งรายได้ประชาชาติร้อยละ 23 ในปี พ.ศ. 2532 กลับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6 ในปี พ.ศ. 2543 ส่วนภาคการบริการที่ถูกละเลยภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ กลับมีการขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับแต่ได้รับเอกราช
ส่วนด้านการค้า ที่อยู่อาศัย และการคมนาคม ก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน สำหรับการลงทุนนั้นมีมูลค่าร้อยละ 19 ของ GDP โดยหนึ่งในสี่ของการลงทุนนั้น มาจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและโลหะ
การครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน
แก้การโอนธุรกิจที่ดินให้เป็นของภาคเอกชนดำเนินไปอย่างช้า ๆ และรัฐบาลอนุญาตให้ชาวคาซัคเท่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเกษตรกรรมได้ ในกรณีที่ชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไปต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอื่น ๆ จะต้องมีบ้านหรือทรัพย์สินอยู่บนที่ดินผืนนั้น ส่วนที่ดินนอกเหนือจากนั้นถูกครอบครองโดยภาครัฐ
การปฏิรูปเศรษฐกิจ
แก้ประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟได้นำความล้มเหลวและข้อผิดพลาดของการปฏิรูปเศรษฐกิจในยุโรปตะวันออกมาเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตก ด้วยการปฏิเสธบทบาทของรัฐในระบบเศรษฐกิจและนำกลไกตลาดมาใช้ทันทีโดยมิได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการพัฒนาของระบบอย่างสอดคล้องกันเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ คาซัคสถานจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินบทบาทของรัฐในการควบคุม การผลิต การหมุนเวียนเงินทุน และการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศต่อไป พร้อมทั้งผสมผสานกลไกของรัฐและกลไกตลาดเข้าด้วยกัน
สภาพเศรษฐกิจของคาซัคสถานกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาไปสู่ระบบการตลาดแบบเสรี ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมีเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคลดลงเหลือเพียงร้อยละ 39.1 ในปี พ.ศ. 2539 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2538 ที่มีอัตราร้อยละ 175 และปี พ.ศ. 2537 ที่มีอัตราถึงร้อยละ 1,900 ส่วนอัตราการว่างงานนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังมีความเปราะบางอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหมืองแร่ยังตกต่ำอยู่ เพราะขาดแคลนเงินทุนและปัจจัยในการผลิต ทำให้มีส่วนเกินของแรงงานและประสิทธิภาพ ส่วนทางภาคเกษตรกรรมนั้น ผลผลิตก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดหมายกันไว้ การลงทุนขุดเจาะน้ำมันที่บ่อน้ำมัน Tengiz ของคาซัคสถาน ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานลงทุนร่วมกับบริษัท Chevron ของสหรัฐ ฯ ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัสเซียที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตน โดยล่าสุด บ่อน้ำมัน Tengiz สามารถส่งออกน้ำมันได้เพียง 880,000 บาร์เรลต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่เป้าหมายการผลิตในปี พ.ศ. 2540 คือ 30,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม คาซัคสถาน รัสเซีย ตุรกี อาเซอร์ไบจาน และสหรัฐอเมริกา ก็ได้ร่วมกันหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันผ่านท่อของประเทศต่าง ๆ ของคาซัคสถานแล้ว เนื่องจากคาซัคสถานมีโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันและแก๊สผ่านรัสเซีย ไปยังชายฝั่งทะเลดำ โดยได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2541 และจะสิ้นสุดโครงการภายในสิ้นปี พ.ศ. 2543 แต่เส้นทางที่ท่อส่งน้ำมันและก๊าซผ่านนั้น เป็นประเทศคู่แข่งทางด้านนี้กับคาซัคสถานทั้งสิ้น เช่น อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน และรัสเซีย และต้นทุนของการสร้างท่อก็มีราคาแพง ซึ่งในระยะยาวแล้ว คาซัคสถานจะต้องให้ความคุ้มครองแก่เส้นทางของท่อส่งออกน้ำมันและแก๊สทั้งด้านการค้าและการเมือง
เท่าที่ผ่านมา ประเทศที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจน้ำมันกับคาซัคสถาน ได้แก่ ตุรกี ซึ่งบรรลุข้อตกลงกับคาซัคสถานที่จะร่วมกันพัฒนาบ่อน้ำมันและแก๊สธรรมชาติในคาซัคสถานถึง 7 แห่ง โดยตุรกีจะได้รับส่วนแบ่งเป็นน้ำมันจำนวน 2.1 พันล้านบาร์เรลและแก๊สธรรมชาติจำนวน 208.9 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาซัคสถานมีน้ำมันสำรองถึง 2.5% ของปริมาณน้ำมันโลก และคาดว่าภายในปี 2560 จะติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้ส่งออกน้ำมัน [15]
สำหรับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ คาซัคสถานจะต้องแก้ปัญหาการทุจริตและปัญหาความไม่โปร่งใสของการลงทุน ซึ่งพบอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะการครอบครองด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มผู้จัดการน้ำมันที่มีอำนาจทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีน้อยลง
สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
แก้ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจของรัสเซีย คาซัคสถานได้รับการกล่าวถึงจากนานาชาติค่อนข้างดี ในแง่ของความพยายามและผลของการพัฒนาประเทศ แต่โดยที่รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าหลักของคาซัคสถาน จึงทำให้คาซัคสถานได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2542 รัฐบาลและธนาคารชาติคาซัคสถานได้ประกาศจะยุติการแทรกแซงเพื่อพยุงอัตราการแลกเปลี่ยนของเงินเต็งเก (Tenge) และปล่อยค่าเงินลอยตัว เพื่อให้สินค้าของคาซัคสถานสามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ได้ลดค่าเงินในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ ค่าเงินเต็งเกอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 88 เต็งเก ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 จนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 146.37 เต็งเก
อย่างไรก็ดี คาซัคสถานได้พัฒนาระบบการเงินการธนาคารเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเงิน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2543 คาซัคสถานเป็นประเทศแรกของอดีตสหภาพโซเวียตที่สามารถจ่ายชำระหนี้คืนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ล่วงหน้าก่อนกำหนดถึง 7 ปี และในปี พ.ศ. 2545 ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในด้านการวางแผนระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีและระบบการคลังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
น้ำมันและแก๊สธรรมชาติยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ มีการพิสูจน์แล้วว่าคาซัคสถานเป็นแหล่งสำรองน้ำมันของโลกร้อยละ 2.5 และจะสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 3 ล้านบาร์เรลภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งจะทำให้คาซัคสถานอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันของโลก
การท่องเที่ยว
แก้แม้ว่าภูเขาและทะเลสาบเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเติบโตช้ามากเพราะได้รับการลงทุนน้อย[16] ในช่วงทศวรรษ 2000 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละ 450,000 คน ส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย ทะเลสาบ Issyk-Kul และภูเขาเทียนฉานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างนิยม
โครงสร้างพื้นฐาน
แก้การศึกษา
แก้การศึกษาเป็นสากลและบังคับไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาและอัตราการรู้หนังสือของผู้ใหญ่เป็น 99.5% การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาหลัสามขั้นตอนคือ: ระดับประถมศึกษา (1-4 รูปแบบ), การศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วไป (5-9 ฟอร์ม) และการศึกษาระดับอาวุโส (แบบฟอร์ม 10-11 หรือ 12) แบ่งเป็นหมวดวิชาศึกษาทั่วไปอย่างต่อเนื่องและการศึกษามืออาชีพ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยโรงเรียนและสถาบันการดนตรีโรงเรียนที่สูงขึ้นและสูงขึ้นอยู่ที่วิทยาลัย
ประชากร
แก้เชื้อชาติ
แก้- ชาวคาซัค 53.4%
- ชาวรัสเซีย 30%
- ชาวยูเครน 3.7%
- ชาวเยอรมัน 2.4%
- ชาวอุซเบก 2.5%
- ชาวตาตาร์ 1.7%
- ชาวอุยกูร์ 1.4%
- ชาวเกาหลี 0.7%
- อื่น ๆ 4.2%
ศาสนา
แก้จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2009 พบว่าชาวคาซัคสถานร้อยละ 70.2 นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมาคือศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ร้อยละ 26.6 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.50 , ศาสนาอื่นๆ (โดยเฉพาะศาสนายูดาห์) ร้อยละ 0.2, มีร้อยละ 2.8 ระบุว่าตนเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา และร้อยละ 0.5 ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาใด[17]
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีจำนวนศาสนิกมากที่สุดในประเทศ ตามมาด้วยศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ หลังจากการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานมีการแสดงออกถึงการนับถือศาสนา เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการปฏิบัติศาสนกิจที่แพร่หลายขึ้น ศาสนสถานกว่าร้อยแห่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาคมทางศาสนาเพิ่มขึ้นจาก 670 แห่งในปี ค.ศ. 1990 เป็น 4,170 แห่งในปัจจุบัน[18]
ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนีย์มัซฮับฮานาฟี ศาสนิกชนส่วนใหญ่คือกลุ่มเชื้อสายคาซัคกว่าร้อยละ 60 และในกลุ่มชาวอุซเบก, อุยกูร์ และตาตาร์[19] มีชาวซุนนีย์น้อยกว่าร้อยละ 1 ศึกษามัซฮับซาฟิอี (โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสายเชเชน) มีมัสยิดทั้งหมด 2,300 แห่ง[18] ซึ่งทุกแห่งได้เข้าร่วมกับสมาคมจิตวิญญาณมุสลิมคาซัคสถาน (Spiritual Association of Muslims of Kazakhstan) โดยขึ้นตรงต่อศาลมัฟติ (Mufti)[20] และมีวันอีดิลอัฎฮาเป็นวันหยุดราชการ[18]
หนึ่งในสี่ของประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ ในกลุ่มประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซีย, ยูเครน และเบลารุสเซีย[21] นอกจากนี้ยังมีนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์[19] มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ 3,258 แห่ง, โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก 93 แห่ง และโบสถ์ของนิกายโปรเตสแตนต์กว่า 500 แห่ง ทั้งนี้วันคริสต์มาสของนิกายออร์ทอดอกซ์ได้เป็นวันหยุดราชการของประเทศเช่นกัน[18] นอกจากนี้ยังมีศาสนาอื่น ๆ เช่น ยูดาห์, บาไฮ, ฮินดู, พุทธ เป็นอาทิ[19]
ตามข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2009 มีคริสต์ศาสนิกชนน้อยมากที่มิใช่กลุ่มชาวสลาฟและเยอรมัน ตามตาราง[22]
ชาติพันธุ์ | อิสลาม | คริสต์ | ยูดาห์ | พุทธ | อื่น ๆ | ไม่มีศาสนา | ไม่ระบุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
คาซัค | 98.34% | 0.39% | 0.02% | 0.01% | 0.02% | 0.98% | 0.26% |
รัสเซีย | 1.43% | 91.64% | 0.04% | 0.02% | 0.03% | 6.09% | 0.75% |
อุซเบก | 99.05% | 0.39% | 0.01% | 0.01% | 0.02% | 0.37% | 0.16% |
ยูเครน | 0.94% | 90.74% | 0.03% | 0.01% | 0.02% | 7.31% | 0.94% |
อุยกูร์ | 98.35% | 0.51% | 0.02% | 0.01% | 0.03% | 0.61% | 0.47% |
ตาตาร์ | 79.57% | 10.24% | 0.02% | 0.03% | 0.06% | 8.11% | 1.97% |
เยอรมัน | 1.58% | 81.59% | 0.05% | 0.04% | 0.11% | 13.96% | 2.68% |
เกาหลี | 5.24% | 49.35% | 0.21% | 11.40% | 0.14% | 28.51% | 5.16% |
ตุรกี | 99.13% | 0.30% | 0.01% | 0.01% | 0.02% | 0.33% | 0.21% |
อาเซอรี | 94.81% | 2.51% | 0.02% | 0.02% | 0.03% | 1.86% | 0.76% |
เบลารุสเซีย | 0.79% | 90.16% | 0.04% | 0.01% | 0.03% | 7.82% | 1.15% |
ดันกัน | 98.93% | 0.37% | 0.01% | 0.03% | 0.04% | 0.34% | 0.28% |
เคิร์ด | 98.28% | 0.53% | 0.03% | 0.02% | 0.02% | 0.74% | 0.38% |
ทาจิก | 97.78% | 0.91% | 0.01% | 0.02% | 0.08% | 0.85% | 0.35% |
โปแลนด์ | 0.69% | 90.07% | 0.04% | 0.01% | 0.13% | 7.30% | 1.76% |
เชเชน | 93.69% | 2.99% | 0.02% | 0.01% | 0.05% | 2.08% | 1.16% |
คีร์กีซ | 96.67% | 0.89% | 0.03% | 0.03% | 0.02% | 1.51% | 0.86% |
อื่น ๆ | 34.69% | 52.32% | 0.82% | 0.91% | 0.13% | 8.44% | 2.69% |
รวม | 70.20% | 26.32% | 0.03% | 0.09% | 0.02% | 2.82% | 0.51% |
ภาษา
แก้หมายเหตุ
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Қазақстан Республикасының елордасы – Нұр-Сұлтан қаласының атауын Қазақстан Республикасының елордасы – Астана қаласы деп өзгерту туралы". Akorda (ภาษาคาซัค). 17 September 2022. สืบค้นเมื่อ 17 September 2022.
- ↑ "Constitution of the Republic of Kazakhstan" เก็บถาวร 14 กรกฎาคม 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. zan.kz.
- ↑ "Численность населения Республики Казахстан по отдельным этносам на начало 2020 года". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-27. สืบค้นเมื่อ 6 August 2020.
- ↑ "Religion in Kazakhstan; GRF". www.globalreligiousfutures.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-13. สืบค้นเมื่อ 2021-10-26.
- ↑ Schneider, Johann F.; Larsen, Knud S.; Krumov, Krum; Vazow, Grigorii (2013). Advances in International Psychology: Research Approaches and Personal Dispositions, Socialization Processes and Organizational Behavior (ภาษาอังกฤษ). Kassel university press GmbH. p. 164. ISBN 978-3-86219-454-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 February 2018.
- ↑ Kazakhstan . CIA World Factbook.
- ↑ "Негізгі". stat.gov.kz. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 May 2019. สืบค้นเมื่อ 30 May 2019.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 "World Economic Outlook Database, October 2019". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 29 January 2020.
- ↑ "GINI index (World Bank estimate)". data.worldbank.org. World Bank. สืบค้นเมื่อ 7 May 2019.
- ↑ "Human Development Report 2020" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. 15 December 2020. สืบค้นเมื่อ 15 December 2020.
- ↑ "Traditional Institutions in Modern Kazakhstan". src-h.slav.hokudai.ac.jp.
- ↑ ASTANA, YURI ZARAKHOVICH | (2006-09-27). "Breaking News, Analysis, Politics, Blogs, News Photos, Video, Tech Reviews". Time (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0040-781X. สืบค้นเมื่อ 2022-10-12.
- ↑ "Parliament of the Republic of Kazakhstan". www.parlam.kz.
- ↑ "Analytical report" (PDF). www.liportal.de. 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-11-27. สืบค้นเมื่อ 2021-03-07.
- ↑ ท่องไปกับใจตน - คาซัคสถาน สวรรค์แห่งเอเชียกลาง
- ↑ Kyrgyzstan country profile. Library of Congress Federal Research Division (January 2007). This article incorporates text from this source, which is in the public domain.
- ↑ "The results of the national population census in 2009". Agency of Statistics of the Republic of Kazakhstan. 12 November 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-22. สืบค้นเมื่อ 21 January 2010.
- ↑ 18.0 18.1 18.2 18.3 Religious Situation Review in Kazakhstan เก็บถาวร 2017-10-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Congress of World Religions. Retrieved on 2009-09-07.
- ↑ 19.0 19.1 19.2 Kazakhstan – International Religious Freedom Report 2008 U.S. Department of State. Retrieved on 2009-09-07.
- ↑ Islam in Kazakhstan เก็บถาวร 2009-09-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved on 2009-09-07.
- ↑ "Kazakhstan". United States Commission on International Religious Freedom. United States Department of State. 2009-10-26. สืบค้นเมื่อ 2010-06-03.
- ↑ "Нац состав.rar". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-11. สืบค้นเมื่อ 2011-07-24.
บทความนี้รวมข้อความจากงานที่มีเนื้อหาเสรี (free content) ข้อความนำมาจาก UNESCO Science Report: towards 2030, 365–387, UNESCO, UNESCO Publishing.
ดูเพิ่ม
แก้- Alexandrov, Mikhail (1999). Uneasy Alliance: Relations Between Russia and Kazakhstan in the Post-Soviet Era, 1992–1997. Westport, CT: Greenwood Press. ISBN 0-313-30965-5.
- Cameron, Sarah. (2018) The Hungry Steppe: Famine, Violence, and the Making of Soviet Kazakhstan (Cornell University Press, 2018) online review
- Clammer, Paul; Kohn, Michael & Mayhew, Bradley (2004). Lonely Planet Guide: Central Asia. Oakland, CA: Lonely Planet. ISBN 1-86450-296-7.
- Cummings, Sally (2002). Kazakhstan: Power and the Elite. London: Tauris. ISBN 1-86064-854-1.
- Demko, George (1997). The Russian Colonization of Kazakhstan. New York: Routledge. ISBN 0-7007-0380-2.
- Fergus, Michael & Jandosova, Janar (2003). Kazakhstan: Coming of Age. London: Stacey International. ISBN 1-900988-61-5.
- George, Alexandra (2001). Journey into Kazakhstan: The True Face of the Nazarbayev Regime. Lanham: University Press of America. ISBN 0-7618-1964-9.
- Martin, Virginia (2000). Law and Custom in the Steppe. Richmond: Curzon. ISBN 0-7007-1405-7.
- Nahaylo, Bohdan and Victor Swoboda. Soviet Disunion: A History of the Nationalities problem in the USSR (1990) excerpt
- Nazarbayev, Nursultan (2001). Epicenter of Peace. Hollis, NH: Puritan Press. ISBN 1-884186-13-0.
- Nazpary, Joma (2002). Post-Soviet Chaos: Violence and Dispossession in Kazakhstan. London: Pluto Press. ISBN 0-7453-1503-8.
- Olcott, Martha Brill (2002). Kazakhstan: Unfulfilled Promise. Washington, DC: Brookings Institution Press. ISBN 0-87003-189-9.
- Rall, Ted (2006). Silk Road to Ruin: Is Central Asia the New Middle East?. New York: NBM. ISBN 1-56163-454-9.
- Rashid, Ahmed. The Resurgence of Central Asia: Islam or Nationalism? (2017)
- Robbins, Christopher (2007). In Search of Kazakhstan: The Land That Disappeared. London: Profile Books. ISBN 978-1-86197-868-4.
- Rosten, Keith (2005). Once in Kazakhstan: The Snow Leopard Emerges. New York: iUniverse. ISBN 0-595-32782-6.
- Smith, Graham, ed. The Nationalities Question in the Soviet Union (2nd ed. 1995)
- Thubron, Colin (1994). The Lost Heart of Asia. New York: HarperCollins. ISBN 0-06-018226-1.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้ทั่วไป
- Caspian Pipeline Controversy from the Dean Peter Krogh Foreign Affairs Digital Archives
- Country Profile from BBC News.
- Kazakhstan. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- Kazakhstan information from the United States Department of State
- Portals to the World from the United States Library of Congress.
- Kazakhstan at UCB Libraries GovPubs.
- Ministry of Foreign Affairs of the Republic of Kazakhstan เก็บถาวร 29 กันยายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- World Bank Data & Statistics for Kazakhstan
- Kazakhstan Internet Encyclopedia
- Kazakhstan at 20 years of independence, The Economist, 17 December 2011
- "Blowing the lid off" – Unrest in Kazakhstan, The Economist, 20 December 2011
- The Region Initiative (TRI)
- ประเทศคาซัคสถาน ที่เว็บไซต์ Curlie
- Wikimedia Atlas of Kazakhstan
- ดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศคาซัคสถาน ที่โอเพินสตรีตแมป
- Country Facts from Kazakhstan Discovery
- 2008 Human Rights Report: Kazakhstan. Department of State; Bureau of Democracy, Human Rights and Labor
- Key Development Forecasts for Kazakhstan from International Futures.
รัฐบาล
- Ministry of Foreign Affairs of the Republic of Kazakhstan เก็บถาวร 29 กันยายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- E-Government of the Republic of Kazakhstan
- Government of Kazakhstan เก็บถาวร 2019-08-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Chief of State and Cabinet Members
การค้า