ภาษาอังกฤษเก่า (Englisċ, แม่แบบ:IPA-ang; อังกฤษ: Old English ย่อว่า OE) หรือ ภาษาแองโกล-แซกซัน (อังกฤษ: Anglo-Saxon)[1] เป็นภาษาอังกฤษยุคแรกที่พูดกันในบริเวณที่ปัจจุบันคืออังกฤษและตอนใต้ของสกอตแลนด์ ในระหว่างกลางคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 นับเป็นภาษาเจอร์แมนิกตะวันตก ด้วยเหตุนี้ จึงมีความคล้ายคลึงกับภาษาฟรีเชียเก่า (Old Frisian) และภาษาแซกซันเก่า (Old Saxon) แต่มีความแตกต่างจากภาษาอังกฤษและสกอตสมัยมาก และผู้พูดภาษาอังกฤษและสกอตสมัยใหม่ที่ไม่ได้ศึกษาภาษานี้ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเข้าใจได้[2]

ภาษาอังกฤษเก่า
Englisċ
รายละเอียดหน้าแรกของต้นฉบับเบวูล์ฟแสดงคำว่า "ofer hron rade" แปลว่า "ข้ามถนนปลาวาฬ (ทะเล)" เป็นตัวอย่างของรูปแบบโวหารภาษาอังกฤษแบบเคนนิง
ออกเสียงแม่แบบ:IPA-ang
ภูมิภาคประเทศอังกฤษ (ยกเว้นบริเวณตะวันตกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ), ประเทศสกอตแลนด์ตอนใต้และตะวันออก และชายแดนตะวันออกของประเทศเวลส์
ชาติพันธุ์ชาวแองโกล-แซกซัน
ยุคส่วนใหญ่พัฒนาเป็นภาษาอังกฤษสมัยกลางและภาษาสกอตตอนต้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13
ตระกูลภาษา
รูปแบบก่อนหน้า
ภาษาถิ่น
ระบบการเขียนรูน ภายหลังเป็นละติน (อักษรอังกฤษเก่า)
รหัสภาษา
ISO 639-2ang
ISO 639-3ang
ISO 639-6ango
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากล หากระบบของคุณไม่รองรับการแสดงผลที่ถูกต้อง คุณอาจเห็นปรัศนี กล่อง หรือสัญลักษณ์อย่างอื่นแทนที่อักขระยูนิโคด

ไวยกรณ์ของภาษาอังกฤษเก่ามีความใกล้เคียงกับไวยกรณ์ของภาษาเยอรมันสมัยใหม่ กล่าวคือ คำนาม คำวิเศษณ์ คำสรรพนาม และคำกริยา มีการผันเปลี่ยนรูปข้างท้ายของคำอยู่หลากหลายแบบ และการลำดับคำในประโยคก็มีอิสระมากกว่า[3] ตัวอักษรของภาษาอังกฤษเก่าแค่เดิมเป็นระบบอักษรรูน (runic system) แต่ถูกแทนที่ด้วยอักษรละตินนับแต่ศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา

ภาษาอังกฤษเก่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีการใช้งานตลอดระยะเวลาประมาณ 700 ปี นับตั้งแต่ชนแองโกล-แซกซันอพยพเข้ามายังเกาะบริเตน สร้างอังกฤษขึ้น ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 จนถึงระยะเวลาหลังพวกนอร์มันบุกรุกเข้าไปเมื่อ ค.ศ. 1066 หลังจากนั้นภาษาอังกฤษก็เคลื่อนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สำคัญ ในยุคแรก ๆ นี้ ภาษาอังกฤษเก่าได้ผสมกลมกลืนเข้ากับภาษาอื่นๆ ที่มีการติดต่อด้วย เช่น ภาษาเคลติก (Celtic) และภาษาถิ่นสองภาษาของภาษานอร์สเก่า (บรรพบุรุษของภาษาเดนมาร์กในปัจจุบัน) จากการบุกรุกของพวกไวกิงจากทางเดนมาร์ก ซึ่งเข้ามาครอบครองและปกครองอาณาเขตในอิงแลนด์ตอนเหนือและตะวันออก หลังจากชาวนอร์แมนยกทัพเข้าชิงอังกฤษจากกษัตริย์แซกซันมาปกครองได้ ในปี ค.ศ. 1066 ภาษาของชาวแองโกล-นอร์มัน ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสตระกูลหนึ่ง ก็เข้ามาแทนที่ภาษาอังกฤษโดยกลายเป็นภาษาที่ชนชั้นปกครองใช้พูดกัน ในระยะนี้ภาษาอังกฤษจึงได้รับอิทธิพลจากภาษาแองโกล-นอร์มันอย่างมหาศาล และเป็นจุดเริ่มไปสู่จุดสิ้นสุดของยุคของภาษาอังกฤษเก่า โดยอิทธิพลของชาวนอร์มันที่มีต่อภาษาอังกฤษเก่า ทำให้เกิดวิวัฒนาการของภาษาอังกฤษสมัยกลางขึ้น

ศัพทมูลวิทยา

แก้

Englisc ซึ่งภายหลังพัฒนาไปเป็น English มีความหมายว่า 'เกี่ยวกับชาวแองเกิล'[4] ในภาษาอังกฤษเก่า คำนี้มีที่มาจาก Angles (หนึ่งในกลุ่มชนเจอร์แมนิกที่ครอบครองบริเตนใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 5)[5] ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ชนเผ่าเจอร์แมนิกผู้รุกรานทั้งหมดถูกเรียกเป็น Englisc มีสันนิษฐานว่าชาวแองเกิลได้ชื่อนี้เพราะว่าดินแดนของพวกเขาที่ชายฝั่งคาบสมุทรจัตแลนด์ (ปัจจุบันคือประเทศเดนมาร์กและรัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์) มีรูปร่างเหมือนเบ็ดตกปลา และภาษาเจอร์แมนิกดั้งเดิม *anguz ก็มีความหมายว่า 'แคบ' ซึ่งสือถึงน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง คำนี้สามารถสืบต้นตอไปถึงภาษาอินโด-ยูโรเปียนดั้งเดิมว่า *h₂enǵʰ- ซึ่งมีความหมายเดียวกัน[6]

อีกทฤษฎีหนึ่งระบุว่ารากศัพท์ของ 'narrow' น่าจะมีความเชื่อมโยงกับ angling (เช่น fishing) ซึ่งมีที่มาจากรากภาษาอินโด-ยูโรเปียนดั้งเดิมที่มีความหมายว่า โค้งงอ, มุม[7] จุดเชื่อมโยงทางอรรถศาสตร์ (semantic link) คือเบ็ดตกปลา ซึ่งโค้งงอหรือโค้งที่มุม[8] ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชาวแองเกิลอาจถูดเรียกแบบนี้เพราะพวกเขาเป็นชาวประมงหรือสืบเชื้อสายมาจากคนกลุ่มนั้น ดังนั้น อังกฤษ (England) อาจมีความหมายเป็น 'ดินแดนของชาวประมง' และภาษาอังกฤษอาจมีความหมายเป็น 'ภาษาของชาวประมง'[9]

ประวัติศาสตร์

แก้

วรรณกรรมในภาษาอังกฤษเก่า

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 คำว่า แองโกล-แซกซัน ใช้เรียกทุกสิ่งในอังกฤษสมัยต้น เช่นภาษา, วัฒนธรรม และผู้คน ภาษานี้เริ่มถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษเก่าในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นผลของความเป็นชาตินิยมต่อต้านเยอรมันที่มากขึ้นในสังคมอังกฤษช่วงคริสต์ทศวรรษ 1890 ถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1900 อย่างไรก็ตาม นักเขียนหลายคนยังคงใช้คำว่าแองโกล-แซกซันเพื่อสื่อถึงภาษานี้ต่อไป
    Crystal, David (2003). The Cambridge Encyclopedia of the English Language. Cambridge University Press. ISBN 0-521-53033-4.
  2. "Why is the English spelling system so weird and inconsistent? | Aeon Essays". Aeon (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-08-11.
  3. Baugh, Albert (1951). A History of the English Language. London: Routledge & Kegan Paul. pp. 60–83, 110–130 (Scandinavian influence).
  4. Fennell, Barbara 1998. A history of English. A sociolinguistic approach. Oxford: Blackwell.
  5. Pyles, Thomas and John Algeo 1993. Origins and development of the English language. 4th edition. (New York: Harcourt, Brace, Jovanovich).
  6. Barber, Charles, Joan C. Beal and Philip A. Shaw 2009. The English language. A historical introduction. Second edition of Barber (1993). Cambridge: University Press.
  7. Mugglestone, Lynda (ed.) 2006. The Oxford History of English. Oxford: University Press.
  8. Hogg, Richard M. and David Denison (ed.) 2006. A history of the English language. Cambridge: University Press.
  9. Baugh, Albert C. and Thomas Cable 1993 A history of the English language. 4th edition. (Englewood Cliffs: Prentice Hall).

บรรณานุกรม

แก้
ข้อมูล
ทั่วไป
  • Baker, Peter S (2003). Introduction to Old English. Blackwell Publishing. ISBN 0-631-23454-3.
  • Baugh, Albert C; & Cable, Thomas. (1993). A History of the English Language (4th ed.). London: Routledge.
  • Blake, Norman (1992). The Cambridge History of the English Language: Vol. 2. Cambridge: Cambridge University Press.
  • Campbell, A. (1959). Old English Grammar. Oxford: Clarendon Press.
  • Earle, John (2005). A Book for the Beginner in Anglo-Saxon. Bristol, PA: Evolution Publishing. ISBN 1-889758-69-8. (Reissue of one of 4 eds. 1877–1902)
  • Euler, Wolfram (2013). Das Westgermanische : von der Herausbildung im 3. bis zur Aufgliederung im 7. Jahrhundert; Analyse und Rekonstruktion (West Germanic: from its Emergence in the 3rd up until its Dissolution in the 7th century CE: Analyses and Reconstruction). 244 p., in German with English summary, London/Berlin 2013, ISBN 978-3-9812110-7-8.
  • Hogg, Richard M. (ed.). (1992). The Cambridge History of the English Language: (Vol 1): the Beginnings to 1066. Cambridge: Cambridge University Press.
  • Hogg, Richard; & Denison, David (eds.) (2006) A History of the English Language. Cambridge: Cambridge University Press.
  • Jespersen, Otto (1909–1949) A Modern English Grammar on Historical Principles. 7 vols. Heidelberg: C. Winter & Copenhagen: Ejnar Munksgaard
  • Lass, Roger (1987) The Shape of English: structure and history. London: J. M. Dent & Sons
  • Lass, Roger (1994). Old English: A historical linguistic companion. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 0-521-43087-9.
  • Magennis, Hugh (2011). The Cambridge Introduction to Anglo-Saxon Literature. Cambridge University Press.
  • Millward, Celia (1996). A Biography of the English Language. Harcourt Brace. ISBN 0-15-501645-8.
  • Mitchell, Bruce; Robinson, Fred C (2001). A Guide to Old English (6th ed.). Oxford: Blackwell. ISBN 0-631-22636-2.
  • Quirk, Randolph; & Wrenn, CL (1957). An Old English Grammar (2nd ed.) London: Methuen.
  • Ringe, Donald R and Taylor, Ann (2014). The Development of Old English: A Linguistic History of English, vol. II, ISBN 978-0199207848. Oxford.
  • Strang, Barbara M. H. (1970) A History of English. London: Methuen.
ประวัติศาสตร์เพิ่มเติม
  • Robinson, Orrin W. (1992). Old English and Its Closest Relatives. Stanford University Press. ISBN 0-8047-2221-8.
  • Bremmer Jr, Rolf H. (2009). An Introduction to Old Frisian. History, Grammar, Reader, Glossary. Amsterdam and Philadelphia: John Benjamins.
  • Stenton, FM (1971). Anglo-Saxon England (3rd ed.). Oxford: Clarendon Press.
อักขรวิธี/บรรพชีวินวิทยา
  • Bourcier, Georges. (1978). L'orthographie de l'anglais: Histoire et situation actuelle. Paris: Presses Universitaires de France.
  • Elliott, Ralph WV (1959). Runes: An introduction. Manchester: Manchester University Press.
  • Keller, Wolfgang. (1906). Angelsächsische Paleographie, I: Einleitung. Berlin: Mayer & Müller.
  • Ker, NR (1957). A Catalogue of Manuscripts Containing Anglo-Saxon. Oxford: Clarendon Press.
  • Ker, NR (1957: 1990). A Catalogue of Manuscripts Containing Anglo-Saxon; with supplement prepared by Neil Ker originally published in Anglo-Saxon England; 5, 1957. Oxford: Clarendon Press ISBN 0-19-811251-3
  • Page, RI (1973). An Introduction to English Runes. London: Methuen.
  • Scragg, Donald G (1974). A History of English Spelling. Manchester: Manchester University Press.
  • Shaw, Philip A (2012). "Coins As Evidence". The Oxford Handbook of the History of English, Chapter 3, pp. 50–52. Edited by Terttu Nevalainen and Elizabeth Closs Traugott.
  • Wełna, Jerzy (1986). "The Old English Digraph ⟨cg⟩ Again". Linguistics across Historical and Geographical Boundaries: Vol 1: Linguistic Theory and Historical Linguistics (pp. 753–762). Edited by Dieter Kastovsky and Aleksander Szwedek.
สัทวิทยา
  • Anderson, John M; & Jones, Charles. (1977). Phonological structure and the history of English. North-Holland linguistics series (No. 33). Amsterdam: North-Holland.
  • Brunner, Karl. (1965). Altenglische Grammatik (nach der angelsächsischen Grammatik von Eduard Sievers neubearbeitet) (3rd ed.). Tübingen: Max Niemeyer.
  • Campbell, A. (1959). Old English Grammar. Oxford: Clarendon Press.
  • Cercignani, Fausto (1983). "The Development of */k/ and */sk/ in Old English". Journal of English and Germanic Philology, 82 (3): 313–323.
  • Girvan, Ritchie. (1931). Angelsaksisch Handboek; E. L. Deuschle (transl.). (Oudgermaansche Handboeken; No. 4). Haarlem: Tjeenk Willink.
  • Halle, Morris; & Keyser, Samuel J. (1971). English Stress: its form, its growth, and its role in verse. New York: Harper & Row.
  • Hockett, Charles F (1959). "The stressed syllabics of Old English". Language. 35 (4): 575–597. doi:10.2307/410597. JSTOR 410597.
  • Hogg, Richard M. (1992). A Grammar of Old English, I: Phonology. Oxford: Blackwell.
  • Kuhn, Sherman M (1961). "On the Syllabic Phonemes of Old English". Language. 37 (4): 522–538. doi:10.2307/411354. JSTOR 411354.
  • Kuhn, Sherman M. (1970). "On the consonantal phonemes of Old English". In: J. L. Rosier (ed.) Philological Essays: studies in Old and Middle English language and literature in honour of Herbert Dean Merritt (pp. 16–49). The Hague: Mouton.
  • Lass, Roger; & Anderson, John M. (1975). Old English Phonology. (Cambridge studies in linguistics; No. 14). Cambridge: Cambridge University Press.
  • Luick, Karl. (1914–1940). Historische Grammatik der englischen Sprache. Stuttgart: Bernhard Tauchnitz.
  • Maling, J (1971). "Sentence stress in Old English". Linguistic Inquiry. 2 (3): 379–400. JSTOR 4177642.
  • McCully, CB; Hogg, Richard M (1990). "An account of Old English stress". Journal of Linguistics. 26 (2): 315–339. doi:10.1017/S0022226700014699.
  • Minkova, Donka (2014). A Historical Phonology of English. Edinburgh University Press.
  • Moulton, WG (1972). "The Proto-Germanic non-syllabics (consonants)". In: F van Coetsem & HL Kufner (Eds.), Toward a Grammar of Proto-Germanic (pp. 141–173). Tübingen: Max Niemeyer.
  • Sievers, Eduard (1893). Altgermanische Metrik. Halle: Max Niemeyer.
  • Wagner, Karl Heinz (1969). Generative Grammatical Studies in the Old English language. Heidelberg: Julius Groos.
วิทยาหน่วยคำ
  • Brunner, Karl. (1965). Altenglische Grammatik (nach der angelsächsischen Grammatik von Eduard Sievers neubearbeitet) (3rd ed.). Tübingen: Max Niemeyer.
  • Campbell, A. (1959). Old English grammar. Oxford: Clarendon Press.
  • Wagner, Karl Heinz. (1969). Generative grammatical studies in the Old English language. Heidelberg: Julius Groos.
วากยสัมพันธ์
  • Brunner, Karl. (1962). Die englische Sprache: ihre geschichtliche Entwicklung (Vol. II). Tübingen: Max Niemeyer.
  • Kemenade, Ans van. (1982). Syntactic Case and Morphological Case in the History of English. Dordrecht: Foris.
  • MacLaughlin, John C. (1983). Old English Syntax: a handbook. Tübingen: Max Niemeyer.
  • Mitchell, Bruce. (1985). Old English Syntax (Vols. 1–2). Oxford: Clarendon Press (no more published)
    • Vol.1: Concord, the parts of speech and the sentence
    • Vol.2: Subordination, independent elements, and element order
  • Mitchell, Bruce. (1990) A Critical Bibliography of Old English Syntax to the end of 1984, including addenda and corrigenda to "Old English Syntax" . Oxford: Blackwell
  • Timofeeva, Olga. (2010) Non-finite Constructions in Old English, with Special Reference to Syntactic Borrowing from Latin, PhD dissertation, Mémoires de la Société Néophilologique de Helsinki, vol. LXXX, Helsinki: Société Néophilologique.
  • Traugott, Elizabeth Closs. (1972). A History of English Syntax: a transformational approach to the history of English sentence structure. New York: Holt, Rinehart & Winston.
  • Visser, F. Th. (1963–1973). An Historical Syntax of the English Language (Vols. 1–3). Leiden: E. J. Brill.
ศัพทานุกรม
  • Bosworth, J; & Toller, T. Northcote. (1898). An Anglo-Saxon Dictionary. Oxford: Clarendon Press. (Based on Bosworth's 1838 dictionary, his papers & additions by Toller)
  • Toller, T. Northcote. (1921). An Anglo-Saxon Dictionary: Supplement. Oxford: Clarendon Press.
  • Campbell, A. (1972). An Anglo-Saxon Dictionary: Enlarged addenda and corrigenda. Oxford: Clarendon Press.
  • Clark Hall, J. R.; & Merritt, H. D. (1969). A Concise Anglo-Saxon Dictionary (4th ed.). Cambridge: Cambridge University Press.
  • Cameron, Angus, et al. (ed.) (1983) Dictionary of Old English. Toronto: Published for the Dictionary of Old English Project, Centre for Medieval Studies, University of Toronto by the Pontifical Institute of Medieval Studies, 1983/1994. (Issued on microfiche and subsequently as a CD-ROM and on the World Wide Web.)

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
พจนานุกรม
บทเรียน