อรพินท์ ไชยกาล
อรพินท์ ไชยกาล (6 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 - 1 มกราคม พ.ศ. 2539) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี เป็นสตรีที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของประเทศไทย เคยรับราชการเป็นครูใหญ่โรงเรียนนารีนุกูล จังหวัดอุบลราชธานี
อรพินท์ ไชยกาล | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี |
เสียชีวิต | 1 มกราคม พ.ศ. 2539 (91 ปี) |
พรรคการเมือง | ประชาธิปัตย์ (?—2539) |
คู่สมรส | เลียง ไชยกาล |
บุตร | 5 คน |
ประวัติ
แก้อรพินท์ ไชยกาล (คุณิตะสิน) เป็นบุตรของนายแก้ว และนางคูณ คุณิตะสิน มีพี่น้อง 6 คน โดยนางอรพินท์เป็นคนที่ 5 สมรสกับเลียง ไชยกาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชน มีบุตรธิดา 5 คน โดยอรพินท์ ไชยกาล ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ พ.ศ. 2491[1] นับเป็นสตรีคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[2][3][4][5]
นางอรพินท์ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2539 สิริอายุ 91 ปี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2528 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
- พ.ศ. 2522 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
- พ.ศ. 2532 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ [6]
อ้างอิง
แก้- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ ๑ เพิ่มแทนประเภทที่ ๒
- ↑ Sopchokchai, Orapin. Female Members of Parliament, Women's Political Participation at the National Level, Women's Political Participation in Thailand, TDRI Quarterly Review, Vol. 13, No. 4, December 1998, pp. 11-20
- ↑ Iwanaga, Kazuki. Women in Politics in Thailand, Working Paper No. 14, Centre for East and South-East Asian Studies, Lund University, Sweden, 2005
- ↑ "สตรีคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-14. สืบค้นเมื่อ 2011-04-21.
- ↑ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ เล่ม ๑๐๖ ตอน ๑๑๘ ง ฉบับพิเศษ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ หน้า ๒