สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก
สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก อัยรุมลู (เปอร์เซีย:تاجالملوک, พระราชสมภพ 17 มีนาคม ค.ศ. 1896 ณ บากู จักรวรรดิรัสเซีย - สวรรคต 10 มีนาคม ค.ศ. 1982 ณ อากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก) พระองค์เป็นพระมเหสีพระองค์ที่สองในพระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ปาห์ลาวี และครองราชย์ในช่วงปี ค.ศ. 1925-1941
สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน | |||||
ประสูติ | 17 มีนาคม ค.ศ. 1896 บากู จักรวรรดิรัสเซีย | ||||
สวรรคต | 10 มีนาคม ค.ศ. 1982 (85 ปี) อากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก | ||||
พระราชสวามี | พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี | ||||
พระราชบุตร | เจ้าหญิงชามส์ ปาห์ลาวี ชาห์โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี เจ้าหญิงอัชราฟ ปาห์ลาวี เจ้าชายอาลี เรซา ปาห์ลาวี | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ปาห์ลาวี | ||||
พระบิดา | นายทัดเฟล โมลูก อัยรุมลู |
พระราชประวัติ
แก้สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก พระมเหสีพระองค์ที่สองในพระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1896 ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน มีพระนามเดิมว่า นิมตาจ คานุม เป็นธิดาของนายทัดเฟล โมลูก อัยรุมลู โดยนามสกุลอัยรุมลูซึ่งเป็นนามสกุลเดิมของพระองค์สามารถสะกดเป็น Ayrumlu, Eyrumlu และ Ayromloo และตระกูลนี้เป็นตระกูลของชาวอิหร่านเชื้อสายอาเซอร์ไบจาน พระองค์จึงสืบเชื้อสายชาวอาเซอรีด้วย ภายหลังจากการเสกสมรสกับพระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี พระภัสดา พระองค์จึงเปลี่ยนพระนามใหม่ซึ่งมีความหมายว่า มงกุฎของราชันย์ (Crown of the King)
พระราชกรณียกิจ
แก้พระองค์เป็นพระราชินีอิหร่านพระองค์แรกที่ออกมาปรากฏตัวแก่สายตาของเหล่าพสกนิกร รวมไปถึงการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่อประชาชนภายนอก และพระองค์ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องของการยกเลิกการใช้ผ้าคลุมศีรษะของสตรีมุสลิม (ฮิญาบ) ในช่วงตลอดรัชกาลของพระภัสดาของพระองค์ ในช่วงฤดูหนาวปี ค.ศ. 1934 พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวีทรงต้องการแสดงให้เห็นการแต่งกายของสมเด็จพระราชินี และพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ในงานพระราชทานปริญญาบัตรวิทยาลัยครูเตหะราน โดยแต่งกายในฉลองพระองค์อย่างชาวยุโรปโดยปราศจากผ้าคลุมศีรษะ และถือเป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่านเปิดเผยพระองค์เองสู่สายตาประชาชน ภายหลังพระเจ้าชาห์ได้นำพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระราชินี และพระราชธิดาลงข่าวโดยปราศจากผ้าคลุมศีรษะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการใช้ผ้าคลุมศีรษะจึงได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ[1] และต่อมาภายหลังพระสวามีของพระองค์ พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี ได้สละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1941 พระโอรสของพระองค์จึงได้ครองราชย์สมบัติต่อในนาม ชาห์โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี
พระราชโอรส-ธิดา
แก้สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก และพระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี ทรงมีมีพระราชโอรส-ธิดาร่วมกัน 4 พระองค์ โดยเป็นพระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดาอีก 2 พระองค์ อันได้แก่
- เจ้าหญิงชามส์ ปาห์ลาวี (ประสูติ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1917 - สิ้นพระชนม์ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996)
- ชาห์โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี (พระราชสมภพ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1919 – สวรรคต 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1980)
- เจ้าหญิงอัชราฟ ปาห์ลาวี (ประสูติ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1919 - สิ้นพระชนม์ 7 มกราคม ค.ศ. 2016)
- เจ้าชายอาลี เรซา ปาห์ลาวี (ประสูติ 1 มีนาคม ค.ศ. 1922 - สิ้นพระชนม์ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1954)
สวรรคต
แก้สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1982 เมืองอากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก ด้วยพระอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) โดยพระองค์เสด็จสวรรคตก่อนการครอบรอบวันเสด็จพระราชสมภพปีที่ 86 พรรษาของพระองค์เพียง 7 วัน สิริพระชนมายุได้ 85 พรรษา
อ้างอิง
แก้- Ashraf Pahlavi, Faces in a mirror
- จักรพันธ์ กังวาฬ. เส้นทางประวัติศาสตร์อันยาวไกลจากเปอร์เซียสู่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน. กรุ่นกลิ่นอารยธรรมเปอร์เซียในเมืองสยาม. กรุงเทพฯ : มติชน, 2550. หน้า 18-22
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีฟาเตเมห์ คานุม | สมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน (ค.ศ. 1925-1941) |
สมเด็จพระราชินีเฟาซียะห์ |