พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
พระบาทสมเด็จพระนโรดม (เขมร: ព្រះបាទនរោត្តម, พฺระบาทนโรตฺตม "พระบาทนโรดม") หรือ สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ หรือ นักองค์ราชาวดี (เขมร: អង្គ រាជាវតី, องคฺราชาวดี "องค์ราชาวดี") เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 109 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
พระบาทสมเด็จพระนโรดม | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระบรมฉายาลักษณ์ในปี 2423 | |||||
พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา | |||||
ครองราชย์ | 19 ตุลาคม 2403 – 24 เมษายน 2447 (43 ปี 188 วัน) | ||||
ราชาภิเษก | 3 มิถุนายน 2407 | ||||
ก่อนหน้า | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี | ||||
ถัดไป | พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ | ||||
พระราชสมภพ | 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2377 จังหวัดตาแก้ว อาณาจักรเขมร | ||||
สวรรคต | 24 เมษายน พ.ศ. 2447 (70 พรรษา) พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล ราชธานีพนมเปญ, กัมพูชา | ||||
คู่อภิเษก | พระอัครมเหสี: พระองค์เจ้าดารากร พระมเหสี: หม่อมเจ้าพัชนี พระองค์เจ้าอรรคนารี พระองค์เจ้าสำอางค์ รวม 47 พระองค์[1] | ||||
พระราชบุตร | 61 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ตรอซ็อกผแอม (ราชสกุลนโรดม) | ||||
พระราชบิดา | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี | ||||
พระราชมารดา | สมเด็จพระวรราชินี (แป้น) | ||||
ศาสนา | ศาสนาพุทธ |
พระองค์เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) และเป็นพระเชษฐาร่วมสมเด็จพระราชบิดาของ พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์) กษัตริย์กัมพูชาองค์ต่อมาซึ่งทรงขึ้นครองราชย์เมี่อ พ.ศ. 2447 สืบต่อจากพระองค์
ในรัชสมัยของพระองค์กัมพูชาได้หลุดพ้นการตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยามและกลายมาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้พระองค์ได้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งกัมพูชาองค์แรกที่อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส
เมื่อทรงพระเยาว์
แก้พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชายุคใหม่ | |
---|---|
สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี | |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร | |
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ | |
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ | |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 1) | |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต | |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 2) | |
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี | |
เสด็จพระราชสมภพเมี่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2377 ที่อังกอร์โบเร (จังหวัดตาแก้ว) ขณะที่เอกสารของไทยระบุว่าพระองค์เสด็จพระราชสมภพที่กรุงเทพมหานคร[2][3][4]
เมื่อพำนักในกรุงเทพฯ พระองค์มีสถานะเป็นพระราชบุตรบุญธรรมของกษัตริย์สยาม ผนวชในธรรมยุติกนิกาย 1 พรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เมื่อสมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดีขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชาแล้ว พระองค์ได้ส่งพระราชโอรส คือ นักองค์ราชาวดี เข้ามาทำราชการที่กรุงเทพมหานครในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีมีใบบอกเข้ามายังกรุงเทพมหานครว่า "ตนมีชนมายุเจริญล่วงมากไปแล้ว ขอพระราชทานให้พระเจ้าแผ่นดินสยาม ทรงตั้งนักพระองค์ราชาวดี บุตรผู้ใหญ่เป็นมหาอุปราช นักพระองค์ศรีสวัสดิ์บุตรที่ 2 เป็นพระแก้วฟ้า ออกไปช่วยรักษาเมืองเขมร" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นักพระองค์ราชาวดีมีนามว่า "องค์พระนโรดมพรหมบริรักษ์มหาอุปราช" ตั้งนักพระองค์ศรีสวัสดิ์เป็น "องค์หริราชดะไนไกรแก้วฟ้า" ตามที่พระเจ้ากรุงกัมพูชาทรงขอมา[5] เมื่อ พ.ศ. 2400
ความยุ่งยากก่อนขึ้นครองราชย์
แก้หลังจากสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีเสด็จสวรรคตลง เมื่อ พ.ศ. 2403 ได้เกิดความยุ่งยากในการสืบราชสมบัติของกัมพูชา เมื่อนักองค์วัตถา พระอนุชาของพระนโรดมพรหมบริรักษ์ พระมหาอุปราช ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ขอกลับไปถวายบังคมพระบรมศพ เมื่อมาถึงกัมพูชา นักองค์วัตถาแสดงความต้องการที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์และได้รับการสนับสนุนจากสนองโส (หรือสนองสู) ผู้เป็นลุง ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายของนักองค์ศรีวัตถากับพระนโรดม
ในระหว่างความขัดแย้งนั้น สนองโสได้รวบรวมขุนนางไปตั้งมั่นที่กัมพูชาตะวันออกแล้วยกทัพเข้ามายึดพนมเปญและเมืองอุดงมีไชยได้ พระนโรดมหนีไปพระตะบองซึ่งขณะนั้นอยูในพระราชอาณาเขตสยาม ขุนนางฝ่ายตรงข้ามของสนองโสได้รวบรวมกำลังเข้าต่อต้าน และเป็นฝ่ายชนะ จับตัวสนองโสได้ แต่สนองโสหลบหนีไปสู่อินโดจีนฝรั่งเศสได้ในที่สุด
เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นในกัมพูชา สยามได้เรียกตัวนักองค์วัตถาเข้ากรุงเทพฯ ในขณะเดียวกัน พระนโรดมก็เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ เมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2404 สยามได้ตัดสินใจสนับสนุนให้นักองค์ราชาวดีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงกัมพูชาขึ้นที่กรุงเทพฯ ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร โดยมีขุนนางกัมพูชาในกรุงเทพช่วยกันประกอบพิธี พิธีราชาภิเษกของพระนโรดมได้เป็นไปโดยโดยนิตินัย ก่อนที่จะมีพิธีราชาภิเษกอีกครั้งที่กรุงอุดงมีชัย โดยพฤตินัย จากนั้นพระองค์ได้ถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้าที่พระบรมมหาราชวังเพื่อเป็นการอำลาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ องค์พระรัชทายาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยินดีในพระนโรดมและได้พระราชทานพระปรมาภิไธยแก่พระนโรดมว่า "องค์สมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร คุณสารสุนทรฤทธิ์ มหิศวราธิบดี ศรีสุริโยสุรัตน์นฤพัทธพงศ์ดำรงราช บรมนารถมหากำโพชาธิบดินทร สรรพศิลปสิทธิ์สถิตสถาพร พรหมามรอำนวยไชย เป็นมไหสวริยาธิบดีในปฐพีดล สกลกัมโพชาณาจักร อัครมหาบุรุษรัตนวัฒนาดิเรก เอกอุดมบรมบพิตร พระเจ้ากรุงกัมโพชาธิบดี"[6] ทางการสยามได้จัดทัพทางเรือไปส่งนักองค์ราชาวดีที่เมืองกำปอด และเดินทัพทางบกไปยังเมืองอุดงมีไชย ในระหว่างนี้ เกิดการกบฏอีก ออกญาสุทศ (บา) ได้รวบรวมกองทัพตั้งมั่นที่โพธิสัตว์ สยามจึงส่งทัพจากเสียมราฐและจันทบุรีไปปราบจนราบคาบ และได้อัญเชิญสมเด็จพระนโรดมประกอบพิธีราชาภิเษกที่กรุงอุดงมีชัยและขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2407
ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสและการเข้าเป็นรัฐในอารักขา
แก้หลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ฝรั่งเศสได้เข้ามาขอให้ทำสนธิสัญญาเข้าเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส ซึ่งพระนโรดมยินยอมที่จะเข้าเป็นรัฐในอารักขา ในช่วงแรกของการเข้าเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสค่อนข้างราบรื่น แต่เมื่อฝรั่งเศสเปลี่ยนนโยบายการปกครองให้เข้มงวดขึ้นจึงเกิดปัญหาขัดแย้งกับข้าหลวงฝรั่งเศส พระองค์ถูกบังคับให้ลงนามในการปฏิรูปกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2427 ทำให้เกิดกบฏชาวนาที่ยืดเยื้อตามมา กบฏยุติลงเมื่อ พ.ศ. 2430 เมื่อฝรั่งเศสเจรจากับพระองค์สำเร็จ พระองค์จึงประกาศให้ยุติการกบฏและประกาศนิรโทษกรรม
ปลายรัชกาล
แก้ในช่วงนี้ ฝรั่งเศสพยายามจะลิดรอนอำนาจของกษัตริย์กัมพูชาและเพิ่มอำนาจให้ผู้ว่าการสูงสุดของฝรั่งเศส แต่พระองค์ไม่ยินยอม พระโอรสของพระองค์คือพระยุคนธรได้เดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อคัดค้านนโยบายนี้จนถูกถอดจากบรรดาศักดิ์และต้องลี้ภัยไปสยาม ฝ่ายฝรั่งเศสก็ได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากกรุงอุดงไปที่พนมเปญซึ่งพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่ทางการฝรั่งเศสก็ได้ทำใบแจ้งเรื่องย้ายเมืองหลวงและบังคับให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยจนสำเร็จ ในช่วงระยะเวลานี้ฝรั่งเศสได้มอบรางวัลเล็กน้อยให้แก่กัมพูชาโดยการเสนอสร้าง พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคลที่คล้ายกับพระบรมมหาราชวังของสยามในกรุงเทพมหานคร ถวายพระนโรดม
เมื่อพระองค์ได้เริ่มต่อต้านฝรั่งเศสมากขึ้นทางการฝรั่งเศสจึงลดพระราชอำนาจของพระนโรดมลง จนสถานะพระมหากษัตริย์กัมพูชากลายเป็นเพียงหุ่นเชิดของฝรั่งเศสเท่านั้นและได้ให้พระสีสุวัตถิ์พระอนุชาของพระองค์ที่นิยมฝรั่งเศสขึ้นสืบสมบัติต่อ ส่วนพระนโรดมได้เสด็จสวรรคตอย่างในปี พ.ศ. 2447 ที่พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นที่กรุงพนมเปญ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2449 ปัจจุบันมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าของพระองค์อยู่ในวัดอุดง
หลังการสวรรคต พระบาทสมเด็จพระนโรดม ทรงได้รับการถวายพระนามว่า "พระกรุณาพระสุวรรณโกศ"
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้ฝรั่งเศส | พ.ศ. 2415 | เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นประถมาภรณ์ | |
สยาม | ไม่ทราบปี | เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ | |
สยาม | ไม่ทราบปี | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาวราภรณ์ |
พระราชตระกูล
แก้พงศาวลีของพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ The Varman Dynasty Genealogy
- ↑ จาก สกุลไทย ฉบับที่ 2605 ปีที่ 50 21 กันยายน 2547 เก็บถาวร 2011-07-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ระบุว่าพระราชสมภพที่กรุงเทพ
- ↑ เติม สิงหัษฐิต. ฝั่งขวาแม่น้ำโขง. พระนคร : คลังวิทยา, 2490, หน้า 301
- ↑ ธำรงศักดิ์,2552 ระบุว่าพระราชสมภพที่กรุงเทพฯ เช่นกัน
- ↑ ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗๑, สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โปรดเกล้า ฯ ให้ตีพิมพ์ ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๑, กรุงเทพบรรณาการ, สี่กั๊กพระยาศรี, พระนคร
- ↑ พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ – ๒๔๑๑ ฉะบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ตอนที่ ๑๔๓. ราชาภิเศกองค์พระนโรดมขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินกรุงกัมพูชา
- ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์. สยามประเทศไทยกับดินแดนในกัมพูชาและลาว. กทม. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์. 2552 หน้า 31-38
ก่อนหน้า | พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี | พระมหากษัตริย์กัมพูชา (ราชสกุลนโรดม) (19 ตุลาคม พ.ศ. 2403 – 24 เมษายน พ.ศ. 2447) |
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ |