สกทาคามี
สกทาคามี (บาลี: Sakadāgāmī; สันสกฤต: Sakṛdāgāmin) หรือ สกิทาคามี แปลว่า ผู้จะมาสู่ (เทวะ) โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว[1] เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลลำดับที่ 2 ใน 4 ประเภท
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินีอธิบายว่าคำว่า "โลกนี้" หมายถึงกามาวจรโลก กล่าวคือ ผู้บรรลุสกทาคามีในมนุษยโลกแล้วไปเกิดในเทวโลก สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ในเทวโลกนั้นได้ หากไม่ได้อรหัตตผล จะมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน ฝ่ายผู้บรรลุสกทาคามีในเทวโลกแล้วมาเกิดในมนุษยโลก สามารถบรรลุอรหัตตผลในมนุษยโลกนั้นได้ หากไม่ได้ จะกลับไปเกิดในเทวโลกแล้วบรรลุอรหัตตผลอย่างแน่นอน[2]
การละสังโยชน์
แก้เมื่อละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ประการ เป็นพระโสดาบันได้แล้ว และทำสังโยชน์เบื้องต่ำอีกสองประการที่เหลือให้เบาบางลงด้วย จึงเป็นพระสกทาคามี ได้แก่
- กามราคะ หมายถึง ความพอใจในกาม คือ การความเพลินในการได้เสพ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่น่าพอใจ
- ปฏิฆะ หมายถึง ความกระทบกระทั่งในใจ คล้ายความพยาบาทอย่างละเอียด
หากสังโยชน์เบื้องต่ำทั้งสองประการนี้หมดไปก็จะเป็นพระอนาคามี
ประเภท
แก้ในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ไม่ได้ระบุประเภทของพระสกทาคามีไว้ มีเพียงคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น[3]
คัมภีร์ปรมัตถโชติกา แบ่งไว้ 3 ประเภท คือ สกทาคามีในกามภพ 1 ในรูปภพ 1 และในอรูปภพ 1
คัมภีร์ปรมัตถมัญชุสา แบ่งไว้ 5 ประเภท คือ ผู้บรรลุใน (มนุษย) โลกนี้แล้วปรินิพพานในโลกนี้เอง 1 ผู้บรรลุในโลกนี้แล้ว ปรินิพพานในเทวโลก 1 ผู้บรรลุในเทวโลกแล้ว ปรินิพพานในเทวโลกนั้นเอง 1 ผู้บรรลุในเทวโลกแล้ว เกิดในโลกนี้จึงปรินิพพาน 1 ผู้บรรลุในโลกนี้แล้ว ไปเกิดในเทวโลกหมดอายุแล้ว กลับมาเกิดในโลกนี้จึงปรินิพพาน 1 ทั้งนี้ พระสกทาคามีที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎกภาษาบาลีหมายเอาประเภทที่ 5 อย่างเดียว
ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุสกทาคามิผลในพุทธกาล
แก้- นางสุมนาเทวี ธิดาของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
อ้างอิง
แก้- เชิงอรรถ
- ↑ มหาลิสูตร, พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
- ↑ นาทิกาคามคมนวณฺณนา, อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
- ↑ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), สกทาคามี, พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
- บรรณานุกรม
- พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง
- อรรถกถาภาษาไทย