พระยาสัตยานุกูล (นุช มหานีรานนท์)
อำมาตย์เอก พระยาสัตยานุกูล (7 กันยายน พ.ศ. 2401 – 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2466) มีนามเดิมว่า นุช อดีตผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรี ผู้กำกับถือน้ำพิพัฒน์สัตยา กระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล มหานีรานนท์
อำมาตย์เอก พระยาสัตยานุกูล (นุช มหานีรานนท์) | |
---|---|
ภาพถ่ายพระยาประสิทธิสงคราม (นุช มหานีรานนท์) ขณะเป็นผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรี | |
ผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรี กระทรวงมหาดไทย | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2442 – พ.ศ. 2458 | |
กษัตริย์ | |
ก่อนหน้า | พระยาประสิทธิสงคราม (แช่ม แช่มประสิทธิ์) |
ถัดไป | พระยาสุรินทรฤๅชัย (จันทร์ ตุงคสวัสดิ์) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 7 กันยายน พ.ศ. 2401 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 (66 ปี) แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
คู่สมรส | คุณหญิงแปลก สัตยานุกูล |
บุพการี |
|
ญาติ | ขุนปฏิกรบรรณสาร (ผล มหานีรานนท์) (พี่ชาย) |
อาชีพ | ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย |
ประวัติ
แก้พระยาสัตยานุกูล มีนามเดิมว่า นุช (เอกสารบางแหล่งสะกดว่า นุด)[1] เกิดเมื่อวันอังคาร แรม 14 ค่ำเดือนเก้า ปีมะเมียสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๒๐ ตรงกับวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2401[2] สมัยรัชกาลที่ 4 ที่วังหลังย่านบ้านช่างหล่อ บิดาชื่อหลวงศรีเสนา (โพ) มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อขุนปฏิกรบรรณสาร (ผล) เป็นข้าราชการกองบัญชาการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เริ่มเรียนวิชาอักษร ณ นิวาสสถานของตนเอง ต่อมาได้เล่าเรียนกับพระอาจารย์ และบวชอยู่ที่วัดอมรินทรารามวรวิหารจนกระทั่งอายุ 12 ปีบริบูรณ์แล้วจึงเริ่มเรียนฝึกหัดวิชาปกครอง[2]
เมื่อ พ.ศ. 2413 เข้ารับราชการในกระทรวงมหาดไทยจนกระทั่งครบอายุราชการ 2 ปี เจ้าพระยาภูธราภัย (นุช บุณยรัตพันธุ์) สมุหนายกกรมมหาดไทยในขณะนั้นจึงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็น หมื่นชำนิอักษร (นุช) เมื่อ พ.ศ. 2415[2]
เมื่อ พ.ศ. 2432 เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น นายแกว่นคชสาร (นุช) มีตำแหน่งราชการเป็นนายเวรกรมมหาดไทย[2]
เมื่อ พ.ศ. 2436 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงจินดารักษ์ (นุช) กระทรวงมหาดไทย[2]
เมื่อ พ.ศ. 2437 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ย้ายราชการหลวงจินดารักษ์ (นุช) ให้ไปเป็นข้าหลวงมณฑลราชบุรี รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี[2]
เมื่อ พ.ศ. 2441 ได้เป็นผู้รักษาราชการเมืองราชบุรี และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระจินดารักษ์ (นุช)[2]
เมื่อ พ.ศ. 2442 ได้รับโปรดเกล้า ฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ถือศักดินา 3000[3] มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรีคนที่ 12[4] ต่อจากพระยาประสิทธิสงคราม (แช่ม) พระยาศรีสหเทพจึงได้นำพระยาประสิทธิสงคราม (นุช) กราบบังคมทูลลาไปรับราชการสนองพระเดชพระคุณ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2442 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เมื่อ พ.ศ. 2443 พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) เดินทางไปตรวจราชการที่เมืองสังขละบุรีพร้อมกับพระยาวรเดชศักดาวุธ (แย้ม ณ นคร) ผู้ตรวจราชการมณฑลราชบุรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม โดยมีพระศรีสุวรรณคีรี (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์)[5] ผู้ว่าราชการเมืองสังขละบุรีให้การต้อนรับโดยจัดให้มีอาหารคาวหวานของชาวกะเหรี่ยง มีขนมชนิดหนึ่งคือ หมี่ญสิ เป็นที่ติดใจของพระยาทั้งสอง แต่ชนมดังกล่าวไม่มีชื่อภาษาไทย พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) กับพระยาวรเดชศักดาวุธ (แย้ม ณ นคร) จึงตั้งชื่อขนมหมี่ญสิเป็นชื่อภาษาไทยว่า ทองเยอะ โดยใช้มูลเหตุว่าในพื้นที่เมืองสังขละบุรีมีแร่ทองคำมาก และบรรดาศักดิ์ พระศรีสุวรรณคีรี ก็หมายถึง ทอง จึงตั้งชื่อขนมให้สอดคล้องกับชื่อขนมมงคลของไทยที่มักขึ้นชื่อด้วยทอง แต่ด้วยสำเนียงชาวกะเหรี่ยงเรียกผิดเพี้ยน ชื่อ ขนมทองเยอะ จึงกลายเป็น ขนมทองโยะ ถึงทุกวันนี้[6]
ใน สาส์นสมเด็จ เล่ม ๑๗ ยังมีบันทึกว่า พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) เคยกราบทูลทราบฝ่าพระบาทเรื่อง พระเจดีย์สามองค์ แก่สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเกี่ยวกับรูปทรงสัณฐานพระเจดีย์ว่าเป็นแต่กองหินยิ่งกว่าเป็นพระเจดีย์ และที่สร้างพระเจดีย์สามองค์นั้นก็สร้างในแดนไทยห่างเข้ามาจากสันเขาที่ต่อแดนพม่า[7]
เมื่อ พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ครั้นเสด็จออกจากบ้านโป่ง มณฑลราชบุรีไปยังเมืองกาญจนบุรี ระหว่างทรงถูกฝนกลางทาง จึงเสด็จประทับที่พลับพลาท่าเรือพระแท่น พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) จึงนำข่าวลงมากราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่าแม่น้ำแม่กลองกำลังขึ้นด้วยเหตุฝนตกข้างเหนือน้ำ และถวายรายงานระหว่างเสด็จประพาสหัวเมืองกาญจนบุรีปรากฏใน พระราชหัตถเลขา ฉบับที่ ๓ ลงวันที่ 7 กันยายน ร.ศ. 128[8]
ในระหว่างที่พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ว่าราชการเมืองกาญจนบุรีอยู่นั้น สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยทรงมีรับสั่งให้พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ออกสืบหาพระเจดีย์ยุทธหัตถีสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหลังจากทรงชัยชนะเหนือข้าศึกในสงครามยุทธหัตถี เมื่อ พ.ศ. 2135 สมัยอยุธยา ซึ่งมีบันทึกไว้ในพงศาวดารเรื่อง ไทยรบพม่า ว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงชนะยุทธหัตถีแล้วโปรดให้ก่อพระเจดียสถานสวมศพพระมหาอุปราชาไว้ ณ หนองสาหร่าย ตำบลตระพังกรุ (อำเภอพนมทวน) เมืองกาญจนบุรีบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่าดอนพระเจดีย์[9] ซึ่งพงศาวดารเรื่อง ไทยรบพม่า บันทึกไว้ว่า:–
สมเด็จพระนเรศวรจึงโปรดให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นองค์ ๑ [...] พระเจดีย์ยังปรากฏอยู่ วัดฐานได้ด้านละ ๑๐ วา สูงตลอดยอดเดิมเห็นจะยาว ๒๐ วา ราษฎรเรียกที่ตำบลนั้นว่าดอนพระเจดีย์ อยู่ห่างหนองสาหร่ายไปประมาณราว ๑๐๐ เส้น ยังปรากฏจนทุกวันนี้[10]
ครั้งนั้นพระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ออกสำรวจอยู่นานแต่ไม่พบพระเจดีย์ดังกล่าวจึงบอกรายงานกราบทูลทราบฝ่าพระบาทสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า บ้านตระพังกรุนั้นมีมาแต่โบราณ มีบ่อน้ำกรุอิฐข้างในอยู่หลายบ่อ สมัยโบราณเรียกว่า ตระพังกรุ[11] แต่ชาวบ้านว่าไม่มีเห็นพระเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้าง พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) เที่ยวตรวจดูเองก็พบแต่พระเจดีย์องค์เล็ก ๆ ที่ชาวบ้านนิยมสร้างกันตามวัด ไม่มีพระเจดีย์แปลกตาซึ่งเห็นควรว่าจะเป็นของพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง เมื่อสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงทราบก็ทรงจนพระทัยมิรู้จะค้นหาอย่างไรต่อไปจนสิ้นรัชสมัยรัชกาลที่ 5[12]
เมื่อ พ.ศ. 2458 พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ว่าราชการเมืองกาญจนบุรีล่วงมาถึง 18 ปี[2] จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตออกจากตำแหน่งราชการ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) เป็นผู้มีบำเหน็จความชอบ และได้รับราชการมาช้านาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสัตยานุกูล (นุช) เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2461[13] มีตำแหน่งราชการเป็นผู้กำกับถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา กระทรวงมหาดไทย และพระราชทานเบี้ยหวัดตลอดอายุ
นอกจากพระยาสัตยานุกูล (นุช) ยังรับราชการที่กระทรวงมหาดไทยแล้วยังได้อาสาช่วยงานนอกราชการอยู่ ณ หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร (ต่อมาคือ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี) สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมอบหมายให้พระยาสัตยานุกูล (นุช) เป็นผู้ตรวจทำบัญชีหนังสือจดหมายเหตุ[2]
เมื่อ พ.ศ. 2463 ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยร่วมบำเพ็ญการกุศลทักษินานุปทานอุทิศกัลปนาอานิสงส์ในงานปลงศพ พระยาวุรพุฒิโถไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา) พระยาสัตยานุกูล (นุช) จึงได้ประสานงานนำความแจ้งต่อกรรมการหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเลือก ตำรากระบวรเสด็จ แลกระบวรแห่แต่โบราณ ฉบับรัชกาลที่ 1 ออกพิมพ์แจกบำเพ็ญกุศลในงานดังกล่าว[14]
จนกระทั่งงานบัญชีจดหมายเหตุของหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครสำเร็จลุล่วงแล้ว พระยาสัตยานุกูล (นุช) จึงพักราชการเนื่องด้วยทุพพลภาพตามอายุ ต่อมาจึงล้มป่วยด้วยเหตุทุพพลภาพจนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 สิริรวมอายุได้ 66 ปี คุณหญิงแปลก สัตยานุกูล ภริยาจึงได้บำเพ็ญกุศลสนองคุณพระยาสัตยานุกูล (นุช) ที่วัดอมรินทรารามวรวิหารเมื่อปีกุน เดือนมีนาคม พ.ศ. 2467 (นับปีแบบเก่าคือ พ.ศ. 2466)[2]
ครอบครัว
แก้พระยาสัตยานุกูล (นุช) สมรสกับคุณหญิงแปลก สัตยานุกูล (สกุลเดิม: โรจนกุล) นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 6 คน ดังนี้
- ขุนสมานสมุทกรรม (บุนย์หนุน มหานีรานนท์)
- โน้ม มหานีรานนท์
- เนิน มหานีรานนท์
- แนบ มหานีรานนท์
- เนียน มหานีรานนท์
- สำราญ มหานีรานนท์
ยศและบรรดาศักดิ์
แก้บรรดาศักดิ์
แก้- พ.ศ. 2415 หมื่นชำนิอักษร (นุช)
- พ.ศ. 2432 นายแกว่นคชสาร (นุช)
- พ.ศ. 2436 หลวงจินดารักษ์ (นุช) ถือศักดินา 800[15]
- พ.ศ. 2441 พระจินดารักษ์ (นุช)
- พ.ศ. 2442 พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ถือศักดินา 3000
- พ.ศ. 2461 พระยาสัตยานุกูล (นุช)
ยศพลเรือน
แก้- พ.ศ. 2454 อำมาตย์เอก[16]
ตำแหน่งราชการ
แก้- พ.ศ. 2413 เสมียนกรมมหาดไทย
- พ.ศ. 2432 นายเวรกรมมหาดไทย
- พ.ศ. 2437 ข้าหลวงคลัง มณฑลราชบุรี รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี
- พ.ศ. 2441 ผู้รักษาราชการเมืองราชบุรี[17]
- พ.ศ. 2442 ผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรี
- พ.ศ. 2460 ผู้กำกับถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา กระทรวงมหาดไทย และผู้ตรวจทำบัญชีหนังสือจดหมายเหตุ หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร
ต้นสกุลมหานีรานนท์
แก้มหานีรานนท์ (อักษรโรมัน: Mahanirananda) เป็นนามสกุลพระราชทานรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ลำดับที่ 1,062 ใน สมุดทะเบียฬนามสกุลพระราชทาน สำหรับผู้สืบสกุลจากขุนเณร ราชินิกุลบางช้าง[18][19]: 204
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในการตั้งชื่อสกุลโดยนำชื่อ ขุนเณร ทรงแปลงคำว่า "ขุน" เป็นคำว่า "มหา" มีความหมายว่า เป็นใหญ่ และทรงแปลงคำว่า "เณร" แผลงเป็นคำว่า "นีร" แล้วทรงเติมคำว่า "นนท์" ต่อท้ายนามสกุล ฉะนั้นนามสกุล มหานีรานนท์ จึงมีความหมายว่า ปลาบปลื้มอยู่ในขุนเณร[19]: 29–30 แล้วทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามสกุลแก่พระยาประสิทธิสงคราม (นุช) ผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2457[20] และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2457 (ปีปฏิทินแบบเก่าคือ พ.ศ. 2456) ตาม ประกาศพระราชทานนามสกุลครั้งที่ ๑๓[21] โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงมุรธาธรในขณะนั้นรับพระบรมราชโองการ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[2]
- พ.ศ. 2441 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)[22]
- พ.ศ. 2441 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)[22]
- พ.ศ. 2456 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 4 (ว.ป.ร.4)[23]
อ้างอิง
แก้- เชิงอรรถ
- ↑ กรมศิลปากร. (2468). “ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง,” สมุดราชบุรี พ.ศ. ๒๔๖๘. พระยาคทาธรบดีนำมาถวายที่โฮเต็ลหัวหิน เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘. พระนคร: โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย. หน้า 43.
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 ภาณุพันธ์วงศ์วรเดช, สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา. (2466). “ประวัติพระยาสัตยานุกูล,” เรื่องไทรโยคเป็นอย่างไร. พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ อำมาตย์เอก พระยาสัตยานุกูล เมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๖๖. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. หน้า 4–12.
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร. (2442, 16 กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 16. หน้า 201.
- ↑ จำรัส มังคลารัตน์ และคณะ, สมาคมชาวกาญจนบุรี. (2516). เจดีย์ยุทธหัตถีมีมาอย่างไร?. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย. หน้า 162.
- ↑ กรมศิลปากร. (2526). อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย: อักษร ฆ ง จ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 339. ISBN 974-792-228-2
- ↑ อภิลักษณ์ เกษมผลกูล. “นางข้าหลวงชาวกะเหรี่ยงแห่งเมืองทองผาภูมิ,” ศิลปวัฒนธรรม, 44(3)(มกราคม 2566): 123–125. อ้างใน มหานครข่าว. (2562). ทองโยะ ขนมกะเหรี่ยง.
- ↑ นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา และดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2504). สาส์นสมเด็จ เล่ม ๑๗. พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 285.
- ↑ กรมศิลปากร. (2504). พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๒). พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมอาบ ต.จ.ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๔. พระนคร: มหามกุฏราชวิทยาลัย. หน้า 12–18.
- ↑ วรวุธ สุวรรณฤทธิ์. (2543). ประวัติศาสตร์เมืองกาญจนบุรี. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. หน้า 63. ISBN 978-974-2-77729-6
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2506). “พงศาวดารเรื่อง ไทยรบพม่า (สงครามครั้งที่ ๑๐ คราวสมเด็จพระนเรศวรชนช้าง ปีมะโรง พ.ศ. ๒๑๓๕),” ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๕ (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖). พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 158.
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2493). พระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวง วันที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓. พระนคร: กรมศิลปากร. หน้า 168.
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2511). นิทานโบราณคดี. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางเนียร ลพานุกรม ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย. หน้า 228–229.
- ↑ รายวันพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์. (2461, 15 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 35. หน้า 2,289.
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2463). ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ ๑๐ เรื่อง ตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ. ในงานปลงศพพระยาวุรพุฒิโถไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา) เมื่อปีวอก พ.ศ. ๒๔๖๓. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. หน้า คำนำ.
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร. (2436, 22 กันยายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 10. หน้า 314.
- ↑ ประกาศพระราชทานยศแก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย. (2454, 20 สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 38. หน้า 974.
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย. (2441, 28 กันยายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 15. หน้า 298.
- ↑ เทพ สุนทรศารทูล. (2540). พงศาวดารราชินีกุลบางช้าง. กรุงเทพฯ: พระนารายณ์. หน้า 155. ISBN 978-974-8-23975-0
- เทพ สุนทรศาลทูล. (2511). "ราชสกุลบางช้าง," งานฉลองวันพระราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย. พระนคร: โรงพิมพ์ประยูรวงศ์. หน้า 108
- ↑ 19.0 19.1 เทพ สุนทรศาลทูล. (2534). มงคลนามตามตําราโหราศาสตร์. กรุงเทพฯ: พระนารายณ์. หน้า 29–30, 204. ISBN 978-974-5-75190-3
- ↑ นามสกุลพระราชทาน หมวดอักษร ม ลำดับที่ ๑๐๖๒. พระราชวังพญาไท. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2567.
- ↑ ประกาศพระราชทานนามสกุลครั้งที่ ๑๓. (2456, 22 มีนาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 30. หน้า 3,009.
- ↑ 22.0 22.1 กระทรวงมหาดไทย. (2449). ทำเนียบข้าราชการหัวเมือง รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๕. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. หน้า 10.
- ↑ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัตยุบัน. (2456, 15 กุมภาพันธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 30. หน้า 2,677.