พระยาคำฟั่น
พระยาคำฟั่น[1] หรือ พระญาคำฝั้น[2][3] ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ออกพระนามว่าเจ้ามหาสุภัทรราชะ ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 1 [4] ระหว่างปี พ.ศ. 2357 - พ.ศ. 2358 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 3 ระหว่างปี พ.ศ. 2365 - พ.ศ. 2368 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร
พระยาคำฟั่น | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระยาลำพูนไชย | |||||
ครองราชย์ | 18 กันยายน พ.ศ. 2357 - พ.ศ. 2358 | ||||
ถัดไป | พระเจ้าบุญมา | ||||
รัชสมัย | พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | ||||
พระยานครเชียงใหม่ | |||||
ครองราชย์ | พ.ศ. 2366 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368 | ||||
ก่อนหน้า | พระยาธรรมลังกา | ||||
ถัดไป | พระยาพุทธวงศ์ | ||||
รัชสมัย | พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||
อุปราช | พระยาพุทธวงศ์ | ||||
พระยาอุปราชนครเชียงใหม่ | |||||
ดำรงพระยศ | พ.ศ. 2358 - พ.ศ. 2366 | ||||
ก่อนหน้า | พระยาธรรมลังกา | ||||
ถัดไป | พระยาพุทธวงศ์ | ||||
เจ้าหลวง | พระยาธรรมลังกา | ||||
เกิด | พ.ศ. 2299 | ||||
อสัญกรรม | 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368 (71 ปี) | ||||
ราชเทวี | แม่เจ้าเนตรนารีไวย แม่เจ้าคำแปง | ||||
หม่อม | 14 ท่าน | ||||
| |||||
พระบุตร | 44 องค์ | ||||
ราชสกุล | ณ เชียงใหม่ | ||||
ราชวงศ์ | ทิพย์จักร | ||||
เจ้าบิดา | เจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว | ||||
เจ้ามารดา | แม่เจ้าจันทาราชเทวี |
พระราชประวัติ
แก้พระยาคำฟั่น เป็นราชโอรสลำดับที่ 8 ในเจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว ผู้ครองนครลำปางองค์ที่ 2 กับแม่เจ้าจันทา และเป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) ในพระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง) กับแม่เจ้าพิมพา ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์ทิพย์จักร (เชื้อเจ้าเจ็ดตน)
พระยาคำฟั่น เป็นพระอนุชาของพระเจ้ากาวิละ มีพระเชษฐา พระอนุชาและพระขนิษฐา รวม 10 พระองค์ (หญิง 3 ชาย 7) (เจ้าชายทั้ง 7 พระองค์ได้ทรงช่วยกันต่อสู้อริราชศัตรูขยายขอบขัณฑสีมาล้านนาออกไปอย่างเกรียงไกร เป็นเหตุให้มีพระสมัญญาว่า "เจ้าเจ็ดตน") มีพระนามตามลำดับ ดังนี้
- พระเจ้ากาวิละ พระเจ้านครเชียงใหม่ พระองค์ที่ 1 (นับเป็น "เจ้านครลำปาง องค์ที่ 3" ในราชวงศ์ทิพย์จักร
- พระยาคำโสม พระยานครลำปาง องค์ที่ 4
- พระยาธรรมลังกา พระยานครเชียงใหม่ องค์ที่ 2
- พระเจ้าดวงทิพย์ พระเจ้านครลำปาง องค์ที่ 5
- เจ้าศรีอโนชา พระอัครชายาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
- เจ้าสรีวัณณา (ถึงแก่พิราลัยแต่เยาว์)
- พระยาอุปราชหมูล่า
- พระยาคำฝั้น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3 และ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1
- เจ้าสรีบุญทัน (ถึงแก่กรรมแต่เยาว์)
- พระเจ้าบุญมา พระเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 2
เจ้าคำฝั้นเษกสมรสกับแม่เจ้าตาเวย ราชธิดาในเจ้าฟ้าเมืองยางแดง (หรือเมืองกันตะระวดี) อันเป็นดินแดนกะเหรี่ยงที่รุ่งเรืองและร่ำรวยมากไปด้วยไม้ขอนสักอันล้ำค่า ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้รับพระราชทานพระนามอันเป็นมงคลยิ่งแก่แม่เจ้าตาเวย ว่า "แม่เจ้าเนตรนารีไวย" แม่เจ้าตาเวยได้รับมรดกส่วนพระองค์ ในฐานะธิดาเจ้าฟ้าเมืองยางแดง เป็นที่ดินป่าไม้ขุนยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 400,000 กว่าไร่ ซึ่งปัจจุบันที่ดินดังกล่าวราชสำนักสยามได้ตัดสินให้เป็นป่าไม้ชั้น 2
เจ้าคำฟั่น ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราชวงศ์[5]เมืองเชียงใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมา จ.ศ. 1176 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระดำริให้รื้อฟื้นเมืองลำพูนไชยซึ่งร้างอยู่ให้กลับเป็นเมือง จึงโปรดเกล้าเลื่อนพระยาราชวงศ์คำฟั่นเป็นพระยาลำพูนไชย ครองเมืองลำพูนตั้งแต่วันพฤหัสบดี ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 ศกนั้น[6] ปีต่อมาทรงเลื่อนพระยาลำพูนคำฟั่นเป็นพระยาอุปราชเมืองเชียงใหม่[7] ถึง จ.ศ. 1185 จึงโปรดให้เลื่อนเป็นพระยาเชียงใหม่[8] มีพระนามว่าเจ้ามหาสุภัทรราชะ[9] หรือ เจ้ามหาสุภัทราราช[10]
พระยาคำฝั้น ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันแรม 8 ค่ำ เดือน 8 จ.ศ. 1187 ปีระกา[11] ตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368 แต่ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุว่าเป็นวันแรม 11 ค่ำ เดือน 5 ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368 สิริอายุได้ 71 ปี[12]
ราชโอรส ราชธิดา
แก้พระยาคำฟั่น มีราชโอรสและราชธิดา รวม 44 พระองค์ อยู่ในราชตระกูล ณ เชียงใหม่ และ ณ ลำพูน มีพระนามตามลำดับ ดังนี้[13]
|
|
การครองนครเชียงใหม่
แก้เจ้าหลวงเชียงใหม่แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักร | |
---|---|
พระเจ้ากาวิละ | |
พระยาธรรมลังกา | |
พระยาคำฟั่น | |
พระยาพุทธวงศ์ | |
พระเจ้ามโหตรประเทศ | |
พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ | |
พระเจ้าอินทวิชยานนท์ | |
เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ | |
เจ้าแก้วนวรัฐ | |
เมื่อพระยาคำฟั่น ครองเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกับเจ้าราชวงศ์สุวัณคำมูน ทำให้บรรดาขุนนางได้ไปเชิญเจ้าดวงทิพย์ และเจ้าบุญมา มาประนีประนอมการวิวาทครั้งนี้ โดยแนะนำให้พระยาคำฟั่น เสด็จออกผนวชวัดเชียงมั่น แล้วไปจำพรรษาที่วัดสวนดอก จากนั้นได้มีการปล่อยรถม้าเสี่ยงทายหาเจ้าหลวงองค์ใหม่ แต่รถม้าดังกล่าวกลับมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าวัดสวนดอก ซึ่งเป็นที่ประทับของพระยาคำฝั้น เหลาบรรดาเจ้านาย และขุนนางจึงได้อัญเชิญพระยาคำฝั้น ให้ลาสิกขาบทกลับมาครองนครเชียงใหม่อีกครั้ง[2]
ในช่วงรัชกาลของพระยาคำฟั่น เป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต และกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ใน พ.ศ. 2367 และพระยาหลวงฯ ประชวรในขณะที่ส่งพระยาอุปราชพุทธวงศ์และเจ้านายบางส่วนไปเฝ้ารัชกาลที่ 3 เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ทรงทราบถึงอาการเจ็บป่วย จึงได้จัดส่งแพทย์หลวงมารักษาแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จนถึงวันอาทิตย์ เดือนห้า แรม 11 ค่ำ ในเวลาบ่าย พระยาคำฟั่นก็ถึงแก่พิราลัย ในจุลศักราช 1186 (ตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368) สิริอายุรวม 69 ปี และพระยาอุปราชพุทธวงศ์ ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครองค์ที่ 4 โดยมีเจ้าหนานมหาวงศ์ บุตรพระยาธรรมลังกาเป็นพระยาอุปราช และเจ้าน้อยมหาพรหม บุตรพระยาคำฟั่น เป็นพระยาราชวงศ์เชียงใหม่สืบไป[2]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระยาคำฟั่น | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- เชิงอรรถ
- ↑ วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่, บรรณาธิการ, เจ้าหลวงเชียงใหม่ เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 2539, เชียงใหม่ : คณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "พระญาคำฝั้น เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 3". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-17. สืบค้นเมื่อ 2011-11-04.
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 348
- ↑ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 1[ลิงก์เสีย]
- ↑ วรชาติ มีชูบท (2556) เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมียะ กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊ค หน้า 4
- ↑ พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย, หน้า 95
- ↑ พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย, หน้า 96
- ↑ พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย, หน้า 97
- ↑ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี, หน้า 160
- ↑ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 215
- ↑ พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย, หน้า 98
- ↑ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 219
- ↑ วรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช. เจ้าหลวงลำพูน กรุงเทพฯ : อัมรันทร์พริ้นติ้ง. 2552
- ↑ พิเชษ ตันตินามชัย. "เจ้าหญิงเชียงใหม่" ศิลปวัฒนธรรม 26 : 2 ธันวาคม 2547.
- บรรณานุกรม
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี. เชียงใหม่ : ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่, 2538. 320 หน้า. ISBN 974-8150-62-3
- ประชากิจกรจักร, พระยา. พงศาวดารโยนก. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2557. 496 หน้า. ISBN 978-616-7146-62-1
- มหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ), พระยา. พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, 2505. 35 หน้า. [พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระพิจิตรโอสถ (รอด สุตันตานนท์)]
- อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และเดวิด เค วัยอาจ (ปริวรรต). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : ตรัสวิน, 2543. 220 หน้า. ISBN 9747047683
ก่อนหน้า | พระยาคำฟั่น | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
- | เจ้าผู้ครองนครลำพูน (พ.ศ. 2357 - พ.ศ. 2358) |
พระเจ้าบุญมา | ||
พระยาธรรมลังกา | เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (5 พฤษภาคม พ.ศ. 2365 — 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2368) |
พระยาพุทธวงศ์ |