ประวัติศาสตร์รัสเซีย (ค.ศ. 1991–ปัจจุบัน)

ประวัติศาสตร์รัสเซียสมัยใหม่ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสาธารณรัฐรัสเซียแห่งสหภาพโซเวียตเริ่มได้รับความเป็นอิสระทางการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้นท่ามกลางการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในช่วงปี 1988–1991 โดยประกาศอำนาจอธิปไตยภายในสหภาพในเดือนมิถุนายน 1990 และได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ บอริส เยลต์ซิน ในช่วงหนึ่งปีหลังจากนั้น โดยสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียเป็นสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียต แต่ไม่เคยมีความเป็นอิสระอย่างมีนัยสำคัญมาก่อน โดยเป็นสาธารณรัฐโซเวียตเพียงแห่งเดียวที่ไม่มีสาขาของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นของตนเอง

สหพันธรัฐรัสเซีย

Российская Федерация
1991–ปัจจุบัน
เพลงชาติ
Патриотическая песня
Patrioticheskaya pesnya
"เพลงรักชาติ"
(1991–2000)

Государственный гимн Российской Федерации
Gosudarstvennyy gimn Rossiyskoy Federatsii
"เพลงชาติรัสเซีย"
(2000–ปัจจุบัน)
ที่ตั้งของประเทศรัสเซียบนลูกโลก โดยมีดินแดนที่อ้างว่าผนวกจากยูเครนและไครเมียแสดงเป็นสีเขียวอ่อน[a]
ที่ตั้งของประเทศรัสเซียบนลูกโลก โดยมีดินแดนที่อ้างว่าผนวกจากยูเครนและไครเมียแสดงเป็นสีเขียวอ่อน[a]
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
มอสโก
55°45′N 37°37′E / 55.750°N 37.617°E / 55.750; 37.617
ภาษาราชการ
และภาษาประจำชาติ
รัสเซีย[2]
ภาษาประจำชาติ
ที่ถูกรับรอง
ดูที่: ภาษาของประเทศรัสเซีย
กลุ่มชาติพันธุ์
(2010)[3]
ศาสนา
(2017)[4]
เดมะนิมชาวรัสเซีย
การปกครองสหพันธ์ สาธารณรัฐระบบกึ่งประธานาธิบดี (1991-2012)
สหพันธ์กึ่งประธานาธิบดี ภายใต้ ระบอบอำนาจนิยมแบบรวมศูนย์ (2012-ปัจจุบัน)[5][6][7][8][9]
ประธานาธิบดี 
• 1991–1999
บอริส เยลต์ซิน
• 2000–2008
วลาดิมีร์ ปูติน
• 2008–2012
ดมีตรี เมดเวเดฟ
• 2012–ปัจจุบัน
วลาดิมีร์ ปูติน
นายกรัฐมนตรี 
• 1991–1992
บอริส เยลต์ซิน
• 2020–ปัจจุบัน
มีฮาอิล มีชุสติน
สภานิติบัญญัติสภาโซเวียตสูงสุด
(1991–1993)
สภารัฐธรรมนูญ
(ต.ค-ธ.ค 1993)
สภาสหพันธ์
(1993–ปัจจุบัน)
สภาโซเวียตสูงสุดของรัสเซีย
(1991–1993)
สภาสหพันธ์
(1993–ปัจจุบัน)
สภาสาธารณรัฐแห่งโซเวียต
(1991–1993)
สภาดูมา
(1993–ปัจจุบัน)
เอกราช 
12 มิถุนายน 1990
12 ธันวาคม 1991
• เปลี่ยนชื่อ
25 ธันวาคม 1991
26 ธันวาคม 1991
12 ธันวาคม 1993
8 ธันวาคม 1999
18 มีนาคม 2014
4 กรกฎาคม 2020
24 มีนาคม 2022
พื้นที่
• รวม
17,098,246 ตารางกิโลเมตร (6,601,670 ตารางไมล์)[10] 17,125,191 ตารางกิโลเมตร (รวมถึงไครเมีย)[11] (อันดับที่ 1)
13[12]  (รวมถึงหนองน้ำ)
ประชากร
• 2022 ประมาณ
(อันดับที่ 9)
8.4 ต่อตารางกิโลเมตร (21.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 181)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2021 (ประมาณ)
• รวม
เพิ่มขึ้น 4.328 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[14] (อันดับที่ 6)
เพิ่มขึ้น 29,485 ดอลลาร์สหรัฐ[14] (อันดับที่ 55)
จีดีพี (ราคาตลาด) 2021 (ประมาณ)
• รวม
เพิ่มขึ้น 1.710 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[14] (อันดับที่ 11)
เพิ่มขึ้น 11,654 ดอลลาร์สหรัฐ[14] (อันดับที่ 64)
จีนี (2018)positive decrease 36.0[15]
ปานกลาง · อันดับที่ 98
เอชดีไอ (2019)เพิ่มขึ้น 0.824[16]
สูงมาก · 52nd
สกุลเงินรูเบิลรัสเซีย () (RUB)
เขตเวลาUTC+2 to +12
ขับรถด้านขวา
รหัสโทรศัพท์+7
โดเมนบนสุด
ก่อนหน้า
สหภาพโซเวียต
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

รัสเซียโซเวียตเป็นสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดในหมู่สิบห้าสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต โดยมีส่วนแบ่งมากกว่า 60% ของจีดีพีและมากกว่า 50% ของประชากรของสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ชาวรัสเซียยังมีอิทธิพลต่อกองทัพโซเวียตและพรรคคอมมิวนิสต์เป็นอย่างมาก ดังนั้น รัสเซียจึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นรัฐผู้สืบทอดของสหภาพโซเวียตในเรื่องกิจการทางการทูตระหว่างประเทศ และได้สืบทอดสมาชิกภาพถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ก่อนการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เยลต์ซินได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของรัสเซียโซเวียตในเดือนมิถุนายน 1991 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัสเซีย ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้นำทางการเมืองของรัสเซียซึ่งรัฐผู้สืบทอดของสหภาพโซเวียต แต่สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง และนำไปสู่ความพยายามรัฐประหารในเดือนสิงหาคม 1991 ที่ทหารของโซเวียตพยายามโค่นล้มมีฮาอิล กอร์บาชอฟ แม้ว่าการรัฐประหารจะล้มเหลวในที่สุด แต่สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความไม่มั่นคงเพิ่มขึ้นในสหภาพโซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตใกล้จะล่มสลายในเดือนตุลาคม 1991 เยลต์ซินประกาศว่ารัสเซียจะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยระดับจีดีพีต่อหัวได้กลับไปถึงระดับในปี 1991 ได้ในช่วงกลางทศวรรษ 2000 หลังจากการลาออกของเยลต์ซินในปี 1999 การเมืองของรัสเซียได้ถูกครอบงำโดยวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและดำรงตำแหนงนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจของรัสเซียดีขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่รัสเซียอยู่ภายใต้การนำของปูตินหลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสมัยเยลต์ซิน แต่ปูตินยังถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางเรื่องการทุจริต การเป็นผู้นำแบบเผด็จการ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

หนึ่งปีหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต กองทัพรัสเซียได้อยู่ในสภาพที่เกือบยุ่งเหยิงและระส่ำระสาย โดยความสามารถในด้านการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่เสื่อมถอยลงนี้ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนในสงครามเชชเนียครั้งที่หนึ่งในปี 1994 และในระหว่างนั้นได้ก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญต่อความมั่นคงในระดับโลกและการควบคุมอาวุธโดยรัสเซีย โดยพิธีสารลิสบอน ได้กำหนดเอาไว้ว่าประเทศที่เป็นอดีตสาธารณรัฐในสหภาพโซเวียตจะต้องทำการปลดอาวุธนิวเคลียร์ทำให้ส่งผลกระทบอย่างยิ่งโดยเฉพาะคาซัคสถาน เนื่องจากเป็นเจ้าภาพเก็บอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต[17] อย่างไรก็ตาม ประเทศที่เป็นอดีตสาธารณรัฐในสหภาพโซเวียตยังคงสามารถรักษาความร่วมมือข้ามชาติในด้านการทหาร เช่น ความรับผิดชอบร่วมกันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านจรวดและอวกาศ เช่น ไบโครนูร์คอสโมโดรม

อ้างอิง

แก้
  1. Taylor & Francis (2020). "Republic of Crimea". The Territories of the Russian Federation 2020. Routledge. ISBN 978-1-003-00706-7. Note: The territories of the Crimean peninsula, comprising Sevastopol City and the Republic of Crimea, remained internationally recognised as constituting part of Ukraine, following their annexation by Russia in March 2014.
  2. "Chapter 3. The Federal Structure". Constitution of Russia. สืบค้นเมื่อ 22 April 2015. 1. The Russian language shall be a state language on the whole territory of the Russian Federation.
  3. "ВПН-2010". perepis-2010.ru. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 January 2012.
  4. "Religious Belief and National Belonging in Central and Eastern Europe". Pew Research Center. 10 May 2017. สืบค้นเมื่อ 9 September 2017.
  5. Håvard Bækken (21 November 2018). Law and Power in Russia: Making Sense of Quasi-Legal Practices. Routledge. pp. 64–. ISBN 978-1-351-33535-5.
  6. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ cia
  7. Central Intelligence Agency (25 May 2021). The CIA World Factbook 2021-2022. Simon and Schuster. ISBN 978-1-5107-6382-1.
  8. Shinichiro Tabata, บ.ก. (17 December 2014). Eurasia's Regional Powers Compared - China, India, Russia. Routledge. p. 74. ISBN 978-1-317-66787-2.
  9. Saul Bernard Cohen (2014). Geopolitics: The Geography of International Relations (3 ed.). Rowman & Littlefield. p. 217. ISBN 978-1-4422-2351-6. OCLC 1020486977.
  10. "World Statistics Pocketbook 2016 edition" (PDF). United Nations Department of Economic and Social Affairs. Statistics Division. สืบค้นเมื่อ 24 April 2018.
  11. "Information about availability and distribution of land in the Russian Federation as of 1 January 2017 (by federal subjects of Russia)" Сведения о наличии и распределении земель в Российской Федерации на 1 January 2017 (в разрезе субъектов Российской Федерации). Rosreestr. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-23. สืบค้นเมื่อ 2022-03-17.
  12. "The Russian federation: general characteristics". Federal State Statistics Service. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 July 2011. สืบค้นเมื่อ 5 April 2008.
  13. 13.0 13.1 Оценка численности постоянного населения на 1 января 2021 г. и в среднем за 2020 г. [Estimated population as of 1 January 2021 and on the average for 2020] (XLS). Russian Federal State Statistics Service (ภาษารัสเซีย). สืบค้นเมื่อ 6 April 2021.
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 "World Economic Outlook Database, April 2021". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 17 April 2020.
  15. "GINI index (World Bank estimate) – Russian Federation". World Bank. สืบค้นเมื่อ 22 March 2020.
  16. "Human Development Report 2020" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. 15 December 2020. สืบค้นเมื่อ 15 October 2022.
  17. Kucera, Joshua (2013-05-15). "Why Did Kazakhstan Give Up Its Nukes?". EurasiaNet. สืบค้นเมื่อ 2016-06-23.


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน