พันตำรวจโทนุกูล แสงศิริ (เกิด 23 มีนาคม พ.ศ. 2512) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ 2 สมัย

นุกูล แสงศิริ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ เขต 4
ดำรงตำแหน่ง
3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด23 มีนาคม พ.ศ. 2512 (55 ปี)
พรรคการเมืองมัชฌิมาธิปไตย (2550)
ภูมิใจไทย (2550–2554)
เพื่อไทย (2554–ปัจจุบัน)
คู่สมรสอัญธิกา แสงศิริ

ประวัติ

แก้

นุกูล แสงศิริ เกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2512 เป็นบุตรของนายสง่า และนางแตงอ่อน แสงศิริ มีพี่น้อง 4 คน สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และการศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร สมรสกับนางอัญธิกา มีบุตรธิดา 2 คน

งานการเมือง

แก้

ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 ในนามพรรคมัชฌิมาธิปไตย และได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก หลังจากพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกยุบ พันตำรวจโทนุกูลได้ย้ายไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย

ก่อนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 พันตำรวจโทนุกูลย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย โดยเป็นการย้ายตามพันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 109 ที่ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้[1]

เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้

นุกูล แสงศิริ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 2 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดพรรคเพื่อไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ประจักษ์คาด'จุมพฏ'ซบปชป.เหตุพท.ทับซ้อน[ลิงก์เสีย], สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น
  2. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓๘, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๒ เก็บถาวร 2022-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๗๘, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้