ช้างแอฟริกา
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: ไพลสโตซีน-ปัจจุบัน (1.6 ล้านปีก่อน-ปัจจุบัน)
1.6–0Ma
ช้างพุ่มไม้แอฟริกา (L. africana) ที่อุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ไฟลัมย่อย: Vertebrata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Proboscidea
วงศ์: Elephantidae
สกุล: Loxodonta
Anonymous, 1827[1]
ชนิด
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์
ชื่อพ้อง[3]
  • Loxodon Falconer, 1857

ช้างแอฟริกา หรือ ช้างแอฟริกัน (อังกฤษ: African elephant) เป็นช้างสกุลหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา จากหลักฐานฟอสซิลที่ค้นพบทำให้ทราบว่า ช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกามาตั้งแต่ยุคไพลสโตซีน

ช้างแอฟริกา จัดอยู่ในสกุล Loxodonta (/โล-โซ-ดอน-ตา/; เป็นภาษากรีกแปลว่า "ฟันเอียงข้าง"[2]) ซึ่งปัจจุบันหลงเหลือเพียง 2 ชนิด คือ[2]

ซึ่งแต่เดิมนั้นช้างแอฟริกาถูกจัดให้มีเพียงชนิดเดียว คือ Loxodonta africana และที่เหลือก็เป็นชนิดย่อยซึ่งกันและกัน แต่ในปี ค.ศ. 2001 เริ่มมีนักวิทยาศาสตร์บางคนสังเกตเห็นถึงความแตกต่าง จึงมีการถกเถียงกันเป็นระยะเวลานานนับทศวรรษ จนกระทั่งได้ข้อสรุปในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาด้านพันธุกรรมดีเอ็นเอ ในนิวเคลียสของสัตว์ตระกูลช้าง พบว่าเป็นคนละชนิดกันอย่างแน่นอน แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าทั้ง 2 ชนิดนั้นเดิมเคยเป็นชนิดเดียวกันมาก่อน แต่ได้แยกสายวิวัฒนาการมาตั้งแต่เมื่อ 2.6–5.6 ล้านปีที่แล้ว

โดยเชื่อว่า มีการถ่ายทอดยีนระหว่างประชากรกันได้ แต่เมื่อช้างเอเชียวิวัฒนาการเกิดขึ้นมาและแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วทวีปแอฟริกา แต่ต่อมาก็ได้สูญพันธุ์หมด ประชากรช้างแอฟริกาแท้ ๆ ก็ถูกตัดขาดออกจากกัน[4]

ลักษณะ

แก้

ช้างแอฟริกาโดยรวมแล้ว มีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชียมาก ตัวผู้มีความสูงในขณะยืนประมาณ 3.64 เมตร (12 ฟุต) โดยวัดจากหัวไหล่ และมีน้ำหนักประมาณ 5,455 กิโลกรัม (12,000 ปอนด์) ในขณะที่ตัวเมียมีความสูงในขณะยืนประมาณ 3 เมตร (10 ฟุต) และมีน้ำหนักประมาณ 3,636 ถึง 4,545 กิโลกรัม (8,000 ถึง 10,000 ปอนด์) มีใบหูที่ใหญ่กว่าช้างเอเชีย เพื่อใช้โบกระบายความร้อนออกจากเส้นเลือดฝอยที่มีระบบมากมายในแผ่นใบหู รวมทั้งมีงาทั้งตัวผู้และตัวเมีย งาของตัวผู้จะมีความสั้นและหนากว่า ขณะที่งาของตัวเมียจะเรียวยาวและบางกว่า[5] และจะงอยที่ปลายงวงจะมี 2 จะงอย ต่างกับช้างอินเดียที่มีเพียงจะงอยเดียว และมีหน้าผากที่ลาดกว่า จะงอยปากล่างสั้นและกลมกว่าช้างเอเชียที่แคบและยาวกว่า[6] แต่โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุเพียง 50 ปี ซึ่งน้อยกว่าช้างเอเชีย [7][8] แม้ช้างแอฟริกาจะมีขนาดร่างกายใหญ่และส่วนหัวใหญ่โตกว่าช้างเอเชียก็ตาม แต่ทว่ากลับมีขนาดของสมองเล็กกว่า [9]

 
ช้างแอฟริกา จัดแสดง ณ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีช้างแอฟริกา

การกระจายพันธุ์

แก้

ช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ทั้งบนภูเขาและที่ราบต่ำ ทั้งบริเวณที่เป็นแนวหินและป่าทึบ สามารถข้ามลำธาร ว่ายน้ำหรือปืนภูเขาสูงได้ดี ชอบอาบน้ำ คลุกโคลนหรือคลุกดินหรือทราย ชอบใช้งวงพ่นดินหรือทรายไปทั่วตัว ชอบอยู่ในป่าโปร่ง ไม่กลัวแสงแดด มีอุปนิสัยดุร้ายกว่าช้างเอเชีย แต่ปกติจะไม่ทำร้ายมนุษย์ก่อน เว้นหากได้รับบาดเจ็บ พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่ทางตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา หรือในแอฟริกากลาง เช่น แถบทะเลสาบชาด ในสมัยโบราณ ชาวอียิปต์มีความสามารถในการจับช้าง และชาวคาร์เธจ เคยใช้เป็นช้างศึกในสงครามพิวนิค ขณะที่ชาวโรมันเคยซื้อไปใช้ละเล่นในละครสัตว์ แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ช้างเอเชียในที่สุด เพราะฉลาดและฝึกได้ง่ายกว่า [10]

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 จาก itis.gov
  2. 2.0 2.1 2.2 Kalb, Jon E.; Assefa Mebrate (1993). Fossil Elephantoids from the Hominid-Bearing Awash Group, Middle Awash Valley, Afar Depression, Ethiopia. Independence Square, Philadelphia: The American Philosophical Society. pp. 52–59. ISBN 0-87169-831-5.
  3. Wilson, D. E. & Reeder, D. M. (eds.) (2005). Mammal Species of the World. A Taxonomic and Geographic Reference. Third edition. ISBN 0801882214.
  4. "จบการโต้เถียงอันยาวนาน สรุปแล้วช้างแอฟริกามี 2 สปีชีส์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-07. สืบค้นเมื่อ 2012-12-27.
  5. Dina Fine Maron (9 พฤศจิกายน 2018). "Under poaching pressure, elephants are evolving to lose their tusks". National Geographic Society. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2021.
  6. African bush elephant
  7. Burnie, D. (2001). Animal. London: Dorling Kindersley.
  8. หน้า 91–94, สัตว์สวยป่างาม โดย ชมรมนิเวศวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล (สิงหาคม, 2518)
  9. "เรื่องเล่าข้ามโลก: ช้างเอเซีย". NOW26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-22. สืบค้นเมื่อ 2015-01-18.
  10. ช้างแอฟริกา[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
  •   วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Loxodonta

  ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Loxodonta ที่วิกิสปีชีส์