ฅนไฟบิน เป็นภาพยนตร์ไทยแนวศิลปะการต่อสู้ตะวันตก ปี 2549 กำกับโดยเฉลิม วงค์พิมพ์ นำแสดงโดยชูพงษ์ ช่างปรุง

ฅนไฟบิน
กำกับเฉลิม วงค์พิมพ์
อำนวยการสร้างปรัชญา ปิ่นแก้ว
นักแสดงนำชูพงษ์ ช่างปรุง
พันนา ฤทธิไกร
ผู้จัดจำหน่ายสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล
แม็กโนเลียพิคเจอร์ส
วันฉาย21 ธันวาคม พ.ศ. 2549
ประเทศไทย
ภาษาไทย

เนื้อเรื่อง

แก้

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1890 ในสยาม เซียงเป็นนักมวยไทยผู้เชี่ยวชาญเรื่องบั้งไฟเติบโตในวัดซึ่งขโมยควายที่ขโมยมาจากชาวนาในภาคอีสานที่ยากจนโดยนายฮ้อยกลับคืนให้เจ้าของ เขากำลังตามหาชายที่มีรอยสักบนหน้าอกซึ่งเป็นคนที่ฆ่าพ่อและแม่ของเขา

ขุนนางท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ พระยาแหว่ง ต้องการสร้างตลาดสำหรับรถแทรกเตอร์ไอน้ำของเขา เขาจึงจ้างนักโทษร่างใหญ่และโจรให้ไปเผาฟาร์มพร้อมกับพ่อมดดำฆ่าพ่อค้าวัวทั้งหมด จับชาวนาเป็นตัวประกันที่บริเวณนอกฟาร์ม และต้อนควายทั้งหมดไปฆ่า ทำให้ชาวนาสูญเสียควายที่จำเป็นสำหรับปลูกข้าว ในที่สุด ลูกน้องของพระยาแหว่งก็ต้องเผชิญหน้ากับนายฮ้อยสิงห์พ่อค้าวัวผู้มีพลังเหนือธรรมชาติและมีรอยสักบนหน้าอก รอยสักดึงดูดความสนใจของเซียงและในขณะที่โจรพยายามขโมยฝูงวัวของสิงห์ เซียงได้เผชิญหน้ากับสิงห์ในช่วงสั้น ๆ

พระยาแหว่งไปปรึกษานายฮ้อยดำ อดีตคู่หูของสิงห์ ซึ่งถูกสาปให้ทนแสงแดดไม่ได้เพียงชั่วขณะ ก่อนและหาทางเอาชนะสิงห์ด้วยการหาทางล้างคำสาปของสิงห์ นายฮ้อยดำบอกว่าวิธีเดียวที่จะทำลายวิชาอาคมของเขาได้คือการใช้เลือดประจำเดือนของสาวพรหมจรรย์อย่าง อีสาว ลูกสาวของนายฮ้อยดำ พวกเขาได้ขอความช่วยเหลือจากเซียง โดยที่พระยาแหว่งแกล้งทำเป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกับเซียง และทั้งหมดก็ร่วมมือกันวางแผนดักโจมตีสิงห์ อย่างไรก็ตาม นายฮ้อยดำเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเขาคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเซียง เซียงและสิงห์ที่เสื่อมเวทมนตร์สามารถหลบหนีไปได้

ในบ้านของพระยาแหว่ง นายฮ้อยดำยังเปิดเผยอีกว่าอีสาวไม่ใช่ลูกของเขา แต่เป็นทารกที่เขาจับตัวไป และตั้งใจจะข่มขืนเธอเพื่อให้สิงห์เสื่อมเวทมนตร์ไปตลอดกาล พระยาแหว่งวางยาพิษนายฮ้อยดำ แต่นายฮ้อยดำกลับเข้าสิงร่างของพระยาแหว่งเสียเอง เซียงบุกโจมตีบ้านของพระยาแหว่งและเอาชนะเหล่าโจรได้ แต่เขาไม่สามารถเอาชนะนายฮ้อยดำได้ และจนกระทั่งสิงห์ฟื้นคืนพลังของเขาและมอบเครื่องรางที่ดึงออกมาจากอกของเขาให้เซียง การต่อสู้จึงเริ่มสูสี สิงห์ที่อ่อนแอลงตายในการดวลกับดำ แต่เซียงเอาชนะนายฮ้อยดำที่ถูกดวงจิตของพระยาแหว่งคอยขัดขวาง ท้ายที่สุด เซียงและอีสาวก็ใช้บั้งไฟยิงใส่รถแทรกเตอร์ของพระยาแหว่ง จนระเบิดและสังหารตัวร้ายทั้งสองคนไปพร้อมกัน

นักแสดง

แก้

งานสร้าง

แก้

ชื่อเดิมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือตะบันไฟ[1] แต่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ฅนไฟบิน โดยสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ เสี่ยเจียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งต้องการให้ชื่อภาพยนตร์คล้ายกับชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์เรื่อง The Promise ของเฉิน ข่ายเกอ ซึ่งก็คือ คนม้าบิน ฅนไฟบินแปลว่า "คนขี่บั้งไฟที่บินได้"[2] ฅน ยังสะกดด้วยอักษร ฅ ซึ่งเลิกใช้ไปแล้วโดยคาดว่ายังคงใช้อยู่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี้ แต่ได้ถูกแทนที่ด้วย ค ในภายหลัง

ชื่อภาษาอังกฤษได้รับการเปลี่ยนด้วยเช่นกันเป็น Dynamite Warrior เนื่องจากภาพยนตร์ถูกขายให้กับแม็กโนเลียพิคเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายในอเมริกา[3][4]

ในประเทศไทยชื่อภาษาอังกฤษคือ Fire Warriors[5]

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำโดยใช้ทีมนักแสดงและทีมงานชาวอีสานทั้งหมด ถ่ายทำเป็นเวลาหลายเดือนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น “ด้วยควายกว่าร้อยตัวในหมู่บ้าน จึงทำให้ที่นี่เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้” เดี่ยว ชูพงษ์ กล่าวในการสัมภาษณ์[6]

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. Tabunfire, ThaiCinema.org.
  2. Soop Sip. October 18, 2006. "Director Chalerm Wongpim likes to keep busy", The Nation, Page A12 (print edition).
  3. Frater, Patrick. November 2, 2006. "Magnolia to handle Thai 'Dynamite', Variety (retrieved on November 7, 2006).
  4. "It's Official! Magnolia Pictures Picks Up Tabunfire AKA Dynamite Warrior!" เก็บถาวร 2007-11-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Twitchfilm.net, November 1, 2006.
  5. MovieSeer synopsis เก็บถาวร 2007-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (retrieved on December 23, 2006).
  6. Behind the Scenes, BK Magazine, p. 24, December 29, 2006-January 4, 2007.