ปู่ซ่าบ้าพลัง

ภาพยนตร์พิกซาร์ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2009 กำกับโดย พีต ดอกเตอร์
(เปลี่ยนทางจาก Up (2009 film))

ปู่ซ่าบ้าพลัง (อังกฤษ: Up) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันอเมริกันแนวตลก ดรามา ผจญภัย ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2009 สร้างโดย พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดย วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ กำกับโดย พีต ดอกเตอร์ และมี บ็อบ ปีเตอร์สัน เป็นผู้กำกับร่วม ทั้งสองคนเขียนบทภาพยนตร์และเนื้อเรื่องร่วมกับ ทอม แมกคาร์ที ดนตรีประกอบประพันธ์โดย ไมเคิล จะคีโน จาก รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก และ ระ-ทะ-ทู-อี่ พ่อครัวตัวจี๊ด หัวใจคับโลก ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของพ่อม่ายสูงอายุ คาร์ล เฟรดริกเซน (เอ็ด แอสเนอร์) และเด็กชายผู้จริงจังชื่อว่า รัสเซล (จอร์แดน นากาอิ) คาร์ลออกเดินทางเพื่อเติมเต็มความฝันของเขาและทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับ เอลลี ภรรยาผู้ล่วงลับ ด้วยการผูกลูกโป่งหลายพันลูกติดไว้กับบ้านของเขาและเดินทางไป อเมริกาใต้

ปู่ซ่าบ้าพลัง
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับพีต ดอกเตอร์
บทภาพยนตร์
เนื้อเรื่อง
อำนวยการสร้างโจนาส์ ริเวรา
นักแสดงนำ
กำกับภาพ
ตัดต่อเควิน คอลติง
ดนตรีประกอบไมเคิล จะคีโน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์
โมชันพิกเชอส์
วันฉาย
  • 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 (2009-05-29) (สหรัฐ)

  • 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 (2009-06-11) (ไทย)
[1]
ความยาว96 นาที[2]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3]
ทำเงิน735.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2]

พีต ดอกเตอร์ เริ่มทำงานในส่วนของเนื้อเรื่องเมื่อปี ค.ศ. 2004 โดยใช้ชื่อชั่วคราวว่า ฮีเลียมส์ ซึ่งเขามีแนวคิดมาจากความเพ้อฝันที่ต้องการหลบหนีจากการใช้ชีวิต เมื่อเขารู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญเกินไป เขาและศิลปินของพิกซาร์จำนวนสิบเอ็ดคน ใช้เวลาสามวันใน เวเนซุเอลา เพื่อรวบรวมงานวิจัยและแรงบันดาลใจ การออกแบบตัวละครเป็นภาพล้อเลียนและมีสไตล์อย่างมากและนักสร้างแอนิเมชันก็ท้าทายกับการสร้างผ้าที่เหมือนจริง

ปู่ซ่าบ้าพลัง เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพิกซาร์ที่เสนอในรูปแบบ ดิสนีย์ดิจิทัล 3-ดี[4] ภาพยนตร์ฉายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 และเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์สามมิติเรื่องแรกที่เปิดตัวใน เทศกาลภาพยนตร์กาน 2009[5] ภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลก โดยนักวิจารณ์ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันที่ดีที่สุดตลอดกาล[6] การแสดงให้เสียงของแอสเนอร์และดนตรีประกอบโดยจะคีโนได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ เช่นเดียวกับ ภาพของคาร์ลและเอลลีที่เติบโตมาด้วยกันจนแก่ ภาพยนตร์ชนะเลิศ รางวัลออสการ์ สองสาขา ได้แก่ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมและสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากการเสนอชื่อทั้งหมดห้าสาขา รวมไปถึง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องที่สองที่ได้รับการเสนอชื่อในสาขานี้ (และเป็นเรื่องแรกของพิกซาร์) เรื่องแรกคือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (1991)[7]

โครงเรื่อง

แก้

ชาร์ลส์ เอฟ. มันซ์ นักสำรวจผู้มีชื่อเสียง ประกาศว่าเขาค้นพบนกยักษ์สายพันธุ์ใหม่ที่น้ำตกสรวงสวรรค์, อเมริกาใต้ อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดีศึกษาโครงกระดูกของนกและสรุปว่ามันซ์เป็นคนประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง มันซ์อับอายขายหน้าและสาบานว่าจะนำตัวอย่างนกที่มีชีวิตกลับมาให้ได้และเขาจะไม่กลับมาจนกว่าเขาจะทำสำเร็จ

คาร์ล เฟรดริกเซน วัยเด็ก พบกับเอลลี ทั้งสองเป็นนักสำรวจโดยมีมันซ์เป็นบุคคลตัวอย่าง ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว เอลลีเปิดเผยว่ากับคาร์ลว่า ความฝันของเธอคือการไปใช้ชีวิตใกล้กับน้ำตกสรวงสวรรค์ ในที่สุดทั้งสองคนก็แต่งงานกันและเก็บเงินเพื่อเป็นค่าเดินทางไปน้ำตกสรวงสวรรค์อยู่หลายครั้ง แต่มักจะใช้จ่ายเงินไปกับความต้องการเร่งด่วนมากขึ้น ในวัยแก่ ในที่สุดคาร์ลก็ซื้อตั๋วสำหรับการเดินทาง แต่เอลลีล้มป่วยและเสียชีวิตก่อนที่พวกเขาจะได้ไปน้ำตกสรวงสวรรค์

คาร์ลยังคงอาศัยอยู่ในบ้านที่เขาและเอลลีช่วยกันซ่อมแซม ไม่ยอมออกไปที่ไหน ในขณะที่พื้นที่ใกล้เคียงรอบตัวเขาถูกแทนที่ด้วยตึกระฟ้า เมื่อเขาทำร้ายคนงานก่อสร้างโดยไม่ได้ตั้งใจ นักพัฒนาที่พยายามซื้อที่ของเขาก็ฉวยโอกาส ศาลเห็นว่าเขาเป็นภัยต่อสาธารณะและสั่งให้เขาย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา อย่างไรก็ตาม คาร์ลตัดสินใจรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับเอลลี หลังจากทำงานมาทั้งชีวิตในฐานะพนักงานขายลูกโป่ง เขาเปลี่ยนบ้านของเขาให้กลายเป็นเรือเหาะชั่วคราว โดยติดลูกโป่งฮีเลียมหลายร้อยลูกเข้ากับบ้านแล้วบินจากไป

รัสเซล นักสำรวจรุ่นเยาว์ผู้พยายามหาทางได้รับตราบำเพ็ญประโยชน์ สำหรับ "ช่วยเหลือผู้สูงอายุ" ติดมากับบ้านของคาร์ลโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่คาร์ลจะขับไล่รัสเซลออกไป พายุเมฆคิวมูโลนิมบัสได้พัดพาพวกเขาไปยังอเมริกาใต้ บ้านของคาร์ลลงจอดที่ตาปุย (ภูเขาโต๊ะ) ตรงข้ามกับน้ำตกสรวงสวรรค์ คาร์ลและรัสเซลมัดตัวเองกับบ้านที่ยังลอยอยู่และเริ่มเดินทางข้ามภูเขา โดยหวังว่าจะไปถึงน้ำตกก่อนที่ลูกโป่งจะยุบ รัสเซลเผชิญหน้ากับนกตัวสูงและมีสีสัน เขาตั้งชื่อให้มันว่า "เควิน" นกตัวดังกล่าวพยายามรวบรวมอาหารให้ลูกของเธอ พวกเขาพบกับสุนัขพันธุ์โกลเดินริทรีฟเวอร์ ชื่อว่า ดัก เขาสวมปลอกคอพิเศษที่ช่วยให้เขาพูดได้และสาบานว่าจะนำนกไปให้เจ้านายของเขา วันต่อมา พวกเขาเผชิญหน้ากับฝูงสุนัขที่ก้าวร้าว (และสวมปลอกคอพิเศษ) นำโดย อัลฟา สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนพินเชอร์ โดยพาทั้งสองคนไปพบกับเจ้านายของพวกสุนัข ก็คือ มันซ์ วัยแก่

มันซ์เชิญชวนให้คาร์ลและรัสเซลขึ้นเรือเหาะของเขา เขาอธิบายให้พวกเขาฟังว่า เขายังคงตามหานกยักษ์ที่เขาสัญญาว่าจะนำกลับมาให้ได้ รัสเซลสังเกตว่านกดังกล่าวคล้ายกับเควินและมันซ์กลายศัตรู หลังคิดว่าพวกเขาพยายามจับนกเพื่อตัวพวกเขาเอง เขายังบอกเป็นนัยว่าเขาได้ฆ่าแขกคนอื่น ๆ ที่เขาสงสัยว่าจะทำแบบเดียวกัน คาร์ลและรัสเซลหลบหนีไปพร้อมกับเควินและดัก แต่เควินได้รับบาดเจ็บ ทำให้มันซ์จับตัวเควิน จากนั้นก็จุดไฟเผาบ้านของคาร์ล ทำให้ลูกโป่งหลายลูกแตก คาร์ลถูกบังคับให้เลือกระหว่างช่วยบ้านหรือเควิน เขาเลือกรักษาบ้านทำให้รัสเซลอารมณ์เสีย ในที่สุด คาร์ลและรัสเซล ก็นำบ้านมาจอดที่น้ำตกสรวงสวรรค์ ขณะที่คาร์ลกำลังดูสมุดปิดภาพในวัยเด็กของเอลลี เขาพบข้อความสุดท้ายของสมุดว่า ขอบคุณเขาสำหรับ "การผจญภัย" และกระตุ้นให้เขาสร้างการผจญภัยใหม่

คาร์ลออกไปข้างนอก พบว่ารัสเซลบินหนีไปเพื่อไปช่วยเควินตัวคนเดียว โดยใช้ลูกโป่งบางส่วนและเครื่องเป่าใบไม้ คาร์ลขนของใช้ของเขาออกจากบ้าน เพื่อทำให้บ้านเบาขึ้นและสามารถทำให้เขาและดักบินตามรัสเซลไป มันซ์จับกุมรัสเซล แต่คาร์ลและดักขึ้นเรือเหาะของมันซ์และปลดปล่อยทั้งรัสเซลและเควิน มันซ์ไล่ล่าพวกเขาไปทั่วเรือเหาะ จนทำให้เควิน, ดักและรัสเซล จนมุมที่บ้านของคาร์ล พวกเขาหลบหนีด้วยการกระโดดขึ้นหลังของเควิน หลังคาร์ลหลอกล่อเควินด้วยช็อคโกแลต มันซ์กระโดดตามพวกเขา แต่เขาติดกับสายบอลลูนบางเส้นทำให้ตกลงไปจนเสียชีวิต บ้านของคาร์ลสูญเสียลูกโป่งมากเกินไป ทำให้ลดระดับลงและหายเข้าไปในเมฆ

คาร์ลและรัสเซลพาเควินไปพบกับลูกของเธออีกครั้ง พวกเขาบินกลับบ้านด้วยเรือเหาะของมันซ์ รัสเซลได้รับตรา "ช่วยเหลือผู้สูงอายุ" และบ้านของคาร์ลลงจอดที่หน้าผาข้างน้ำตกสรวงสวรรค์ เป็นการรักษาสัญญาโดยที่คาร์ลไม่รู้

นักแสดง

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "Up : ปู่ซ่าบ้าพลัง". ไทยรัฐ. thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ September 10, 2020.
  2. 2.0 2.1 "Up (2009)". Box Office Mojo. Amazon.com. สืบค้นเมื่อ August 20, 2016.
  3. Barnes, Brooks (April 5, 2009). "Pixar's Art Leaves Profit Watchers Edgy". The New York Times. สืบค้นเมื่อ April 6, 2009.
  4. Wloszczyna, Susan (May 21, 2009). "Pixar moves on 'Up!' with its 10th movie". USA Today. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.
  5. Horn, John (March 19, 2009). "Pixar's 'Up!' to open Cannes Film Festival". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.
  6. Stockdale, Charles. "The 100 best animated movies of all time". USA TODAY.
  7. Hazlett, Courtney (February 2, 2010). "Things looking 'Up' for best picture race". Today.com. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้