กองทัพอากาศ (แวร์มัคท์)
ลุฟท์วัฟเฟอ (เยอรมัน: Luftwaffe) คือกองทัพอากาศของนาซีเยอรมนี จัดตั้งในปี 1935 นับเป็นกองทัพอากาศแรกของเยอรมนีในรอบสิบห้าปีนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากสนธิสัญญาแวร์ซายห้ามเยอรมนีมีกองกำลังทางอากาศ
ลุฟท์วัฟเฟอ | |
---|---|
อินทรีลุฟท์วัฟเฟอ | |
ประจำการ | 1935–1945 |
ประเทศ | ไรช์เยอรมัน |
รูปแบบ | กองทัพอากาศ |
กำลังรบ | อากาศยาน: 119,871[1] กำลังพล: 3.4 ล้าน[2] |
ขึ้นกับ | แวร์มัคท์ |
กองบัญชาการ | กองบัญชาการใหญ่กองทัพอากาศ |
ปฏิบัติการสำคัญ | สงครามกลางเมืองสเปน สงครามโลกครั้งที่สอง |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผบ. สำคัญ | จอมพลไรช์ แฮร์มันน์ เกอริง จอมพล โรแบร์ท ฟอน ไกรม์ |
เครื่องหมายสังกัด | |
บัลเคินคร็อยซ์ (ตำแหน่งบนปีก)[3] | |
ฮันเคินคร็อยซ์ (ตำแหน่งครีบหาง)[4] |
ในช่วงสมัยระหว่างสงคราม นักบินเยอรมันได้รับการฝึกฝนกันอย่างลับๆโดยละเมิดสนธิสัญญาที่ฐานทัพอากาศลีแพ็ส (Lipetsk) การก้าวขึ้นสู่อำนาจของพรรคนาซีและละเลยสนธิสัญญาแวร์ซาย ลุฟท์วัฟเฟอได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1935, หน่วยทหารนกแร้ง หน่วยกองกำลังย่อยของลุฟท์วัฟเฟอซึ่งได้ถูกส่งออกไปเพื่อช่วยเหลือกองกำลังฝ่ายชาตินิยมในสงครามกลางเมืองสเปน ได้มีข้อกำหนดบังคับกับการทดสอบที่มีประโยชน์สำหรับกฏเกณฑ์ใหม่และเครื่องบินรบ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์การสู้รบครั้งนี้ ลุฟท์วัฟเฟอได้กลายเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีความซับซ้อน เทคโนโลยีชั้นสูง และมีประสบการณ์การสู้รบมากที่สุดในโลกเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้อุบัติขึ้นในปี ค.ศ. 1939 ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1939 ลุฟท์วัฟเฟอได้มีอยู่ทั้งหมด 28 เกสวาเดอร์ (Geschwader) (ปีก) ลุฟท์วัฟเฟอยังได้มีหน่วยทหารโดดร่มฟัลเชียร์มเยเกอร์
ลุฟท์วัฟเฟอได้แสดงพิสูจน์ให้เห็นถึงชัยชนะเหนือโปแลนด์และยุโรปตะวันตกในปี ค.ศ. 1939 และ ค.ศ. 1940 ในช่วงยุทธการที่บริเตน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร (RAF) และในช่วงภายหลังเดอะบลิตซ์ ได้ทำลายล้างเมืองอังกฤษหลายแห่ง กองทัพอากาศเยอรมันได้ล้มเหลวในการรบเร้าอังกฤษเพื่อที่จะให้ยอมจำนนแต่โดยดี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1942 การทัพทางอากาศเพื่อทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรได้ค่อยๆทำลายเครื่องบินรบขับไล่ของลุฟท์วัฟเฟอ ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1942 ลุฟท์วัฟเฟอได้ใช้กองกำลังทางภาคพื้นดินที่มีเหลือ หน่วยสนับสนุนและบุคลากรอื่นๆเพื่อจัดตั้งกองพลสนามลุฟท์วัฟเฟอ (Luftwaffe Field Division)
นอกเหนือจากได้ทำหน้าที่ในด้านตะวันตก ลุฟท์วัฟเฟอได้ออกปฏิบัติการตั้งแต่สหภาพโซเวียต แอฟริกาเหนือ และยุโรปทางตอนใต้ แม้ว่าจะมีความล่าช้าในการใช้เทอร์โบเจ็ทขั้นสูงและเครื่องบินรบขับเคลื่อนไอพ่นเพื่อทำลายฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร ลุฟท์วัฟเฟอต้องพบความพ่ายแพ่โดยจำนวนที่เหนือกว่าของฝ่ายสัมพันธมิตร และกลยุทธ์ที่ดีขึ้น และขาดแคลนการฝึกนักบินและเชื้อเพลิงเครื่องบิน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1945 ในช่วงการปิดฉากของยุทธการตอกลิ่ม ลุฟท์วัฟเฟอได้พยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะเอาชนะทางอากาศที่เหนือกว่าและต้องพบกับความล้มเหลว ด้วยทรัพยากรที่เหลือได้หมดลงอย่างรวดเร็วของเชื้อเพลิงปิโตเลียม น้ำมัน และน้ำมันหล่อลื่นภายหลังการทัพครั้งนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่มีเหลือทั้งหมดของแวร์มัคท์ ลุฟท์วัฟเฟอได้สิ้นสุดของการเป็นกองกำลังสู้รบที่มีประสิทธิภาพ หลังความปราชัยของเยอรมนี ลุฟท์วัฟเฟอได้ถูกยุบในปี ค.ศ. 1946 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นักบินเยอรมันได้กล่าวอ้างว่าได้รับชัยชนะทางอากาศมาประมาณ 70,000 ครั้ง ในขณะที่เครื่องบินรบของลุฟท์วัฟเฟอทั้งหมด 75,000 ลำได้ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในส่วนนี้, จำนวนเกือบ 40,000 นายได้สูญหายไปทั้งหมด ลุฟท์วัฟเฟอได้มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงสองคนในประวัติศาตร์ตลอดกาล: แฮร์มันน์ เกอริง และ คนสุดท้าย จอมพลไรช์ โรแบร์ท ริทเทอร์ ฟอน ไกรม์ กองบัญชาการใหญ่กองทัพอากาศเยอรมัน (Oberkommando der Luftwaffe-OKL) ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์ของนาซี และทหารทางภาคพื้นดินของลุฟท์วัฟเฟอได้ทำการสังหารหมู่ในอิตาลี กรีซ และโปแลนด์
ยศทหารอากาศแวร์มัคท์
แก้ชั้นนายพล (Generäle)
แก้- จอมพล (Generalfeldmarschall)
- พลเอกอาวุโส (Generaloberst)
- พลเอกทหาร... (General der...)
- พลโท (Generalleutnant)
- พลตรี (Generalmajor)
ชั้นสัญญาบัตร (Offiziere)
แก้- พันเอก (Oberst)
- พันโท (Oberstleutnant)
- พันตรี (Major)
- ร้อยเอก (Hauptmann)
- ร้อยโท (Oberleutnant)
- ร้อยตรี (Leutnant)
ชั้นประทวนคาดกระบี่ (Unteroffiziere mit Portepee)
แก้ชั้นประทวนไม่คาดกระบี่ (Unteroffiziere ohne Portepee)
แก้ชั้นกองประจำการ (Mannschaften)
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Tom Philo. "WWII production figures". Taphilo.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-09. สืบค้นเมื่อ April 26, 2014.
- ↑ Jason Pipes (2008). "Statistics and Numbers". Feldgrau.com. สืบค้นเมื่อ April 26, 2014.
- ↑ Hartmann, Bert. "Luftarchiv.de - Kennzeichen - Allgemein, Abb.4 - Balkenkreuz auf Flügeloberseite". Luftarchiv.de. สืบค้นเมื่อ April 15, 2018.
- ↑ Hartmann, Bert. "Luftarchiv.de - Kennzeichen - Varianten des Hakenkreuzes, Abb.2". Luftarchiv.de. สืบค้นเมื่อ April 14, 2018.
บรรณานุกรม
แก้- Bekkerm Cajus. Angriffshohe 4000 (in German). Munich, Germany: Heyne, 1964.
- Bergström, Christer, Barbarossa: The Air Battle: July–December 1941. London: Chevron/Ian Allan, 2007. ISBN 978-1-85780-270-2.
- Bergstrom, Christer. Stalingrad: The Air Battle: November 1942 – February 1943. London: Chevron/Ian Allan, 2008. ISBN 978-1-85780-276-4.
- Bergström, Christer, Kursk: The Air Battle: July 1943. London: Chevron/Ian Allan, 2008. ISBN 978-1-903223-88-8.
- Bergström, Christer and Andrey Mikhailov. Black Cross/Red Star-Vol. 1, Operation Barbarossa 1941. London: