เทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาแวลลีย์
เทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาแวลลีย์ (อังกฤษ: The Coachella Valley Music and Arts Festival หรือเรียกกันทั่วไปว่า โคเชลลา หรือ เทศกาลโคเชลลา) เป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะประจำปี ซึ่งจัดขึ้นที่เอมไพร์โปโลคลับ ในเมืองอินดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งอยู่บริเวณอินแลนด์เอมไพร์ของทะเลทรายโคเชลลาแวลลีย์ ในทะเลทรายโคโลราโด ก่อตั้งร่วมกันโดยพอล ทอลเลตต์ และริก แวน แซนเทน ในปี 1999 และดำเนินงานโดยโกลเดนวอยซ์ บริษัทลูกของเออีจีไลฟ์[2] เป็นงานดนตรีที่มีศิลปินมาร่วมจากหลากหลายแนวเพลง ทั้งร็อก อินดี ฮิปฮอป และดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ ยังมีงานศิลปะจัดวางและประติมากรรมต่าง ๆ งานภาคสนาม ประกอบด้วยการแสดงสดอย่างต่อเนื่องจากหลายเวที เวทีหลักชื่อ เวทีโคเชลลา, เอาต์ดอร์เทียเตอร์, โกบีเตนต์, โมฮาวีเตนต์ และซาฮาราเตนต์ ส่วนเวทีที่เล็กกว่าอย่าง โอเอซิสโดม เริ่มมีในปี 2006 และ 2011 ขณะที่เวทีใหม่เวทียูมา มีครั้งแรกปี 2013 และเวทีโซนาราปี 2017
เทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาแวลลีย์ | |
---|---|
โคเชลลาปี 2018 | |
ประเภท | ร็อก, อินดี, ฮิปฮอป, อีดีเอ็ม |
วันที่ | ต่อเนื่อง 3 วันในสุดสัปดาห์ของเดือนเมษายน (ปัจจุบัน) |
ที่ตั้ง | เอมไพร์โปโลคลับ (อินดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ) |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 33°40′41″N 116°14′02″W / 33.678°N 116.234°W |
ช่วงปี | 1999, 2001–2019, 2022–ปัจจุบัน |
ผู้ก่อตั้ง | พอล ทอลเลตต์ และริก แวน แซนเทน |
ผู้เข้าชม | 250,000 (2017, รวมสองสัปดาห์) |
ความจุ | 125,000[1] |
จัดโดย | โกลเดนวอยซ์ |
เว็บไซต์ | coachella |
งานเทศกาลดั้งเดิม ย้อนกลับไปในปี 1993 มีคอนเสิร์ตวงเพิร์ลแจมแสดงที่เอมไพร์โปโลคลับ เป็นงานที่ถูกคว่ำบาตรจากทิกเกตมาสเตอร์ สถานที่โชว์นี้ยังเป็นสถานที่จัดงานใหญ่หลายงาน นำไปสู่การเริ่มต้นของเทศกาลโคเชลลา ที่จัดขึ้น 2 วันในเดือนตุลาคม 1999 เพียง 3 เดือนหลังจากงานวูดสต็อก '99 หลังจากนั้นปี 2000 ก็ไม่มีการจัดงานที่นี่ จนกลับมาจัดงานประจำปีโดยเริ่มในเดือนเมษายน 2001 เป็นงานวันเดียว พอในปี 2002 ถึงกลับมาจัด 2 วัน เทศกาลโคเชลลาเริ่มขยายวันเป็น 3 วันในปี 2007 จนมาจัดในช่วงสุดสัปดาห์ในปี 2012 ปัจจุบันงานจัดขึ้นในวันสุดสัปดาห์ 3 วันในช่วงเดือนเมษายน แต่ละวันมีรายชื่อศิลปินแสดงแตกต่างกันไป ผู้จัดงานเริ่มอนุญาตให้มีการตั้งแคมป์ในงานเมื่อปี 2003 เทศกาลนี้ไม่ได้จัดขึ้นในปี 2020 และ 2021 เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19[3]
เทศกาลโคเชลลาเป็นงานแสดงทั้งศิลปินที่โด่งดังและศิลปินใหม่ อย่างศิลปินดาวรุ่งและการรวมตัวกันใหม่ของศิลปินเก่า โคเชลลาเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุด มีชื่อเสียงที่สุด และทำเงินมากที่สุดในสหรัฐและทั่วโลก[4][5] แต่ละครั้งตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2015 ได้สร้างสถิติใหม่ทั้งจำนวนผู้เข้าชมและรายรับ ในปี 2017 มีผู้เข้าชม 250,000 คน และทำรายได้ 114.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
สรุปเทศกาลแต่ละปี
แก้ครั้งที่จัด | ปี | วันที่ | ศิลปินหลัก | รายได้ ทั้งหมด |
ผู้เข้าชมหรือยอดขาย | เฉลี่ยต่อวัน ผู้เข้าชม/ยอดขาย |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 1999 | 9–10 ตุลาคม | — | 37,000 (ยอดขาย)[6] | 18,500 | |
2 | 2001 | 28 เมษายน | เจนส์แอดดิกชัน | — | 32,000 (ผู้เข้าชม)[7] | 32,000 |
3 | 2002 | 27–28 เมษายน | — | 55,000 (ผู้เข้าชม)[8] | 27,500 | |
4 | 2003 | 26–27 เมษายน | — | 60,000 (ผู้เข้าชม)[9] | 30,000 | |
5 | 2004 | 1–2 พฤษภาคม | — | 110,000 (ผู้เข้าชม)[8] | 55,000 | |
6 | 2005 | 30 เมษายน – 1 พฤษภาคม | — | 100,000 (ผู้เข้าชม)[10] | 50,000 | |
7 | 2006 | 29–30 เมษายน | $9 ล้าน[11] | 120,000 (ผู้เข้าชม)[8] | 60,000 | |
8 | 2007 | 27–29 เมษายน | $16.3 ล้าน[12] | 187,000 (ผู้เข้าชม)[12] | 62,333 | |
9 | 2008 | 25–27 เมษายน | $13.8 ล้าน[12] | 152,000 (ผู้เข้าชม)[12] | 51,000 | |
10 | 2009 | 17–19 เมษายน | $15.3 ล้าน[13] | 153,000 (ผู้เข้าชม)[13] | 51,000 | |
11 | 2010 | 16–18 เมษายน | $21.7 ล้าน[14] | 225,000 (ผู้เข้าชมทั้งหมด)[15] | 75,000 | |
12 | 2011 | 15–17 เมษายน | $24.9 ล้าน[16] | 225,000 (ผู้เข้าชมทั้งหมด)[17] | 75,000 | |
13 | 2012 |
|
$47.3 ล้าน[18] | 158,000 (ยอดขาย)[18] | 79,000 | |
14 | 2013 |
|
$67.2 ล้าน[19] | 180,000 (ผู้เข้าชม)[19] | 90,000 | |
15 | 2014 |
|
$78.3 ล้าน[20] | 579,000 (ผู้เข้าชมทั้งหมด)[20] | 96,500 | |
16 | 2015 |
|
$84.2 ล้าน[21] | 198,000 (ยอดขาย)[21] | 99,000 | |
17 | 2016 |
|
$94.2 ล้าน[22] | 198,000 (ยอดขาย)[22] | 99,000 | |
18 | 2017 |
|
$114.6 ล้าน[23] | 250,000 (ผู้เข้าชม)[23] | 125,000 | |
19 | 2018 |
|
— | — | — | |
20 | 2019 |
|
— | — | — | |
— | 2020 | กำหนดการเดิม:
กำหนดการใหม่:
|
กำหนดการเดิม: [24] | ยกเลิกเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19[24] | ||
— | 2021 | กำหนดการเดิม:
|
— | ยกเลิกเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19[25] | ||
21 | 2022 |
|
— | — | — | |
22 | 2023 |
|
|
— | — | — |
อ้างอิง
แก้- ↑ "Harry Styles' Coachella Crowd Topped 100,000 During Opening-Night Performance". www.variety.com.
- ↑ Cromelin, Richard (January 3, 2004). "Rick Van Santen, 41; L.A. Promoter Helped to Advance Punk Rock Bands". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ November 8, 2016.
- ↑ Melas, Chloe; Gonzalez, Sandra (March 10, 2020). "Coachella to be postponed over coronavirus concerns, sources say". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 13, 2020. สืบค้นเมื่อ March 10, 2020.
- ↑ Martens, Todd (April 8, 2014). "Goldenvoice releases Coachella set times, adds to the lineup". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ April 9, 2014.
- ↑ "7 Top Music Festivals Around The World – Tripoetic Blog". Tripoetic Blog (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2017-01-31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-23. สืบค้นเมื่อ 2017-02-23.
- ↑ Mirkin, Steven; Goldman, Marlene (October 11, 1999). "Coachella Provided an Antidote to Woodstock 99's Hangover". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2021. สืบค้นเมื่อ January 16, 2015.
- ↑ Lewis, Randy; Roberts, Randall (April 11, 2019). "How the first Coachella upended the festival business". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2019. สืบค้นเมื่อ May 17, 2019.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 Fessier, Bruce (April 8, 2016). "Pearl Jam concert helped launch Coachella music festival". The Desert Sun. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 4, 2019. สืบค้นเมื่อ April 9, 2016.
- ↑ Ault, Susanne (March 20, 2004). "Coachella Brand Stirs Fest Interest". Billboard. Vol. 116 no. 12. p. 37.
- ↑ Robertson, Jessica (January 31, 2006). "Depeche Mode, Tool Lead '06 Coachella Lineup". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2021. สืบค้นเมื่อ May 4, 2017.
- ↑ Borrelli, Christopher (May 9, 2007). "Big summer festivals offer lots of music for the money". The Blade.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 Waddell, Ray (April 21, 2009). "Coachella Fest Posts Second Biggest Year Ever". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 20, 2015. สืบค้นเมื่อ January 8, 2015.
- ↑ 13.0 13.1 Allen, Bob (December 19, 2009). "As Turnstiles Spin". Billboard. Vol. 121 no. 50. p. 138.
- ↑ Waddell, Ray (December 18, 2010). "All Night Long". Billboard. Vol. 122 no. 50. p. 140.
- ↑ Waddell, Ray (April 21, 2010). "Coachella Festival Sets Attendance Record". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 10, 2015. สืบค้นเมื่อ April 2, 2015.
- ↑ Waddell, Ray (December 17, 2011). "Back for Good?". Billboard. Vol. 123 no. 46. p. 96.
- ↑ Waddell, Ray (May 6, 2011). "Goldenvoice Releases Record-Breaking Numbers for Coachella, Big 4, Stagecoach Festivals". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2014. สืบค้นเมื่อ January 8, 2015.
- ↑ 18.0 18.1 Waddell, Ray (June 20, 2012). "Coachella Grosses More Than $47 Million". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2014. สืบค้นเมื่อ January 8, 2015.
- ↑ 19.0 19.1 Waddell, Ray (April 11, 2014). "Coachella's Promoter on Producing the Festival, a Third Weekend, Permanent Toilets". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2014. สืบค้นเมื่อ January 8, 2014.
- ↑ 20.0 20.1 Waddell, Ray (July 7, 2014). "Coachella Breaks Boxscore Record (Again)". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 19, 2015. สืบค้นเมื่อ October 28, 2015.
- ↑ 21.0 21.1 Waddell, Ray (July 15, 2015). "Coachella Earns Over $84 Million, Breaks Attendance Records". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 25, 2015. สืบค้นเมื่อ October 28, 2015.
- ↑ 22.0 22.1 Gensler, Andy (February 23, 2017). "Beyonce Cancels Coachella, Ticket Prices Drop 12 Percent". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 24, 2017. สืบค้นเมื่อ February 23, 2017.
- ↑ 23.0 23.1 Brooks, Dave (October 18, 2017). "Coachella Grossed Record-Breaking $114 Million This Year: Exclusive". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2017. สืบค้นเมื่อ October 19, 2017.
- ↑ 24.0 24.1 Kohn, Daniel (June 9, 2020). "Coachella 2020 Is Canceled". Spin. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2020. สืบค้นเมื่อ June 9, 2020.
- ↑ Moon, Sarah; Waldrop, Theresa (January 29, 2021). "Coachella, Stagecoach festivals canceled again because of the coronavirus pandemic". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 30, 2021. สืบค้นเมื่อ January 31, 2021.