ไมเคิล โคล
ฌอน ไมเคิล เคาล์ธาร์ด (Sean Michael Coulthard) หรือ ไมเคิล โคล (Michael Cole) เกิดวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1968[4] เป็นผู้บรรยายมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ปัจจุบันเป็นผู้บรรยายให้กับWWE[5]
ไมเคิล โคล | |
---|---|
ชื่อเกิด | Michael Sean Coulthard |
เกิด | Syracuse, New York, United States[1] | 8 ธันวาคม ค.ศ. 1968
ที่พัก | McAllen, Texas, United States[2] |
การศึกษา | Syracuse University |
คู่สมรส | Yolanda Coulthard (สมรส 1987) |
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ | |
ชื่อบนสังเวียน | Michael Cole Sir Michael Cole |
ส่วนสูง | 5 ft 9 in (1.75 m) |
น้ำหนัก | 169 lb (77 kg)[3] |
มาจาก | Amenia, New York |
เปิดตัว | 1997 |
ประวัติ
แก้ในรอว์ เจอร์รี ลอว์เลอร์ ได้มีโอกาสท้าชิงแชมป์ WWE กับเดอะมิซ ในรูปแบบ TLC Match โดยโคลได้เข้ามาขัดขวางการปล้ำของลอว์เลอร์ ทำให้มิซป้องกันแชมป์ WWE เอาไว้ได้ จากนั้นโคลได้เปิดศึกกับลอว์เลอร์ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2010 เจอร์รีได้มีโอกาสท้าชิงแชมป์ WWE กับมิซ ในรูปแบบ TLC Match แต่สุดท้าย เจอร์รีก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ เพราะโคลได้เข้ามาขัดขวาง ทำให้มิซป้องกันแชมป์ได้ จากนั้นในวันถัดมา ในการสัมภาษณ์ระหว่าง เจอร์รี และ โคล หลังจากการที่แพ้ เดอะ มิซ ในแมตช์การปล้ำชิงแชมป์ WWE โดยที่ โคล ได้พูดยั่วยวน เจอร์รี่สารพัด จนเจอร์รีท้าโคล เพื่อที่จะเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ซึ่งในสัปดาห์ถัดมา คำตอบที่ได้คือ ไม่ แต่มีข้อแม้คือถ้าจะเจอกัน จะต้องเจอแบบมีผู้จัดการอยู่ด้านล่างเวทีและมีกรรมการพิเศษตัดสินบนเวทีโดยโคลเป็นคนเลือกเองและได้เปิดตัวผู้จัดการส่วนตัวคือ แจ็ก สแวกเกอร์ เจอร์รีจึงยอมที่จะเจอโคลในเรสเซิลเมเนีย และ 6 มีนาคม ในรอว์ โคล ได้ประกาศว่า ในเรสเซิลเมเนีย โคล จะเจอกับ ลอว์เลอร์ โดยที่ จอห์น "แบรดชอว์" เลย์ฟิลด์ หรือ JBL เป็นกรรมการพิเศษ เลย์ฟิลด์บอกว่า โคล คิดถูกแล้วที่เลือกเขาแต่ขณะที่กำลังจะเซ็นสัญญาการเป็นกรรมการนั้น สโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน ก็ได้ออกมาจัดการ เลย์ฟิลด์ โดยท่า สตันเนอร์ แล้วเซ็นสัญญาเป็นกรรมการพิเศษ ซึ่งโคลได้บอกว่าเป็นวันที่เขารอคอยและเป็นคืนของเขาแต่ สโตน โคลด์ ก็เอาเบียร์ ราดหัว โคลขนาดที่ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย เพราะจากที่โคลได้พูดจาถึง สโตน โคลด์ และประกาศว่า "เจอร์รี ลอว์เลอร์ จะเจอกับ ไมเคิล โคล โดยมี สโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน เป็นกรรมการพิเศษ" และวันที่ 14 มีนาคม โคลได้เรียก ไบรอัน คริสโตเฟอร์ หรือ แกรนด์ มาสเตอร์ เซ็กซี อดีตแทคทีมทูคูลร่วมกับ สก็อตตี ทู ฮอตตี บอกกับลอว์เลอร์ว่า ลอว์เลอร์ไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของเขาที่ผ่านมา จิม รอสส์ ก็มาออกมาพูดช่วยลอว์เลอร์เพื่อนรักเขาแล้วโคลก็ทำท่าพูดยั่วจนสักพักสแวกเกอร์ก็ลอบทำร้ายลอว์เลอร์จากด้านหลังแล้วเล่นงาน จิม รอสส์ โคล พูดบังคับให้ จิม รอสส์ ตบพื้นยอมแพ้ สักพัก ลอว์เลอร์จะมาช่วย แต่ก็โดนสแวกเกอร์เล่นงานอีก โดยท่า แองเกิลล็อก และโคลก็ใช้ท่านี้เล่นงานจิม รอสส์ ด้วย และวันที่ 21 มีนาคม ใน รอว์ เปิดรายการด้วยเพลงของ จิม รอสส์ แต่เป็นโคล ที่แต่งตัวล้อเลียน เดินออกมาที่สนามอีก จนเกือบจะมีเรื่องกันถ้า การ์ดไม่กันไว้ก่อน และในการปล้ำระหว่าง อีฟ ทอร์เรส กับ มารีส ซึ่งโคลก็พูดขัดการปล้ำของอีฟอีกนับว่าเป็นหลายครั้งแล้วที่โคลก็ก่อกวนอีฟจนจบแมตช์ เมื่ออีฟชนะอีฟได้พยายามจะเข้าไปหาโคลแต่การ์ดกันไว้ขณะที่โคลยืนอยู่ในบูธที่เค้านั่งพากย์แต่อีฟก็เดินเข้ามาตบหน้าโคล จนโคลต้องสั่งให้การ์ดนำตัวอีฟออกทันที และได้ออกมาพูดกลางเวทีถึงเรื่องครอบครัวของลอว์เลอร์ ตั้งแต่อดีตโดยมีรูปครอบครัวของลอว์เลอร์ ตั้งแต่รุ่นพ่อของเจอร์รีว่าครอบครัวลอว์เลอร์ว่าเป็นพวกขี้แพ้ลอว์เลอร์ทนไม่ได้วิ่งมาแต่สแวกเกอร์เข้ามากันลอว์เลอร์ไม่สนเล่นงานสแวกเกอร์ร่วงไปสักพักนึงขึ้นไปบนเวที แต่โคลรู้ทันรีบลงไปด้านล่าง จากนั้นลอว์เลอร์ก็โดนสแวกเกอร์เล่นในที่สุด นอกจากนั้นโคลก็ออกมาเล่นงานและบอกให้ลอว์เลอร์ตบพื้นยอมแพ้ จิม รอสส์ ก็ออกมาพูดหลังจากได้ชมรอว์ ตอนที่ผ่านมานี้ว่า "รู้สึกไม่ดีเลยที่โคลพูดถึงพ่อและแม่ของลอว์เลอร์แบบนั้น เพราะทั้งพ่อและแม่ของลอว์เลอร์ต่างก็เสียชีวิตไปแล้ว โดยแม่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนพ่อนั้นเสียชีวิตไปตอนวันเกิดอายุครบ 19 ปีของลอว์เลอร์ พอดี ซึ่งมันน่าเศร้าใจมากๆ สำหรับ ลอว์เลอร์" ดังนั้น ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 โคลเจอกับเจอร์รีโดยมีสแวกเกอร์เป็นผู้จัดการข้างเวทีให้กับโคล และมีสโตน โคลด์เป็นกรรมการพิเศษ สุดท้ายโคลแพ้ หลังจบแมตช์ ผู้จัดการทั่วไปของรอว์ ได้อีเมลมาบอกให้โคลชนะเพราะฝั่งลอว์เลอร์นั้นโกง
ทางด้านของลอว์เลอร์ เรื่องยังไม่จบสิ้น เมื่อมีการเจอกันกับสแวกเกอร์ ตอนของวันที่ 11 เมษายนในรอว์ โดยลอว์เลอร์เป็นฝ่ายชนะซึ่งโคล บอกสแวกเกอร์ว่าถ้าลอว์เลอร์ชนะโคลจะต้องเจอกับลอว์เลอร์ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ แต่ตอนหลังลอว์เลอร์ ประกาศแมตช์นี้ว่าจะเจอแบบแทคทีม โดยจะมีเพื่อนของเขา จิม รอสส์ มาร่วมปล้ำด้วยโดยบอกให้โคลจับคู่กับเพื่อนเก่าสแวกเกอร์ และในสัปดาห์ในรอว์ตอนของวันที่ 25 เมษายน ผู้จัดการทั่วไปของรอว์บอกว่าจะให้เป็นแมตช์แบบ คันทรี วิปปิ้ง แมตช์ จะเจอกันในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ ต่อมา สแวกเกอร์ก็ได้ถูกดราฟท์มาอยู่รอว์แล้ว ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011) โคลได้จับคู่กับสแวกเกอร์ เจอกับ เจอร์รี และ จิม รอสส์ สุดท้ายโคลกับสแวกเกอร์เอาชนะได้สำเร็จ[6]
หลังจากที่โคลชนะ 2 ครั้งใน เพย์-เพอร์-วิว โดยเจอกับ เจอร์รี ลอว์เลอร์ ซึ่งก็หลังจากที่ชนะไปนั้นโคลก็พูดจาเกี่ยวกับลอว์เลอร์ให้ฟังอีก บอกว่าถ้า ลอว์เลอร์แตะตัวโคล ลอว์เลอร์จะถูกไล่ออก แต่ลอว์เลอร์ก็สวนคำพูดกลับ พร้อมภาพที่ โคล โดน เดอะร็อก เล่นงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และบอกว่าถ้าเขาได้เจอกับ โคลอีกรอบแล้วแพ้เขาจะเป็นผู้เชิญเข้าหอเกียรติยศ และมอบแหวนฮอลล์ออฟเฟม ของลอว์เลอร์ให้กับโคล แต่โคลปฏิเสธแล้วเดินลงจากเวทีเข้าไปในโคลไมน์แล้วยืนไปดูพูดจาถูกคนดูรวมถึงลอว์เลอร์ด้วยบอกว่าลอว์เลอร์ แพ้ตั้งแต่ เรสเซิลเมเนีย และ เอ็กซ์ตรีมรูลส์ และพูดจายันไปถึงครอบครัวและทันใดนั้นลอว์เลอร์ก็เข้าไปเล่นงานแต่สแวกเกอร์ เข้ามาลอบทำร้ายจากด้านหลัง ต่อมาระหว่างการปล้ำของสแวกเกอร์นั้น ลอว์เลอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเดินก็ยืนดูอยู่โดยไม่ทำอะไรทำให้สแวกเกอร์เสียสมาธิจนแพ้ไปในที่สุด จากนั้นลอว์เลอร์ก็ลากตัวสแวกเกอร์ แล้วจับไปอัดกระเด็นไปฝั่งกำแพงกั้นคนดูแล้วเข้าไปหาโคลที่อยู่ในโคลไมน์ แต่ลอว์เลอร์เข้าไปไม่ได้เลยเอาเก้าอี้ โยนเข้าไปในนั้นแล้วดึงเนคไทของโคลมากระแทกกับโคลไมน์จนกรรมการมาห้ามและสแวกเกอร์บอกว่า "นายแตะต้องตัว ไมเคิล โคล นายถูกไล่ออก" ลอว์เลอร์โต้กลับไปว่า "ฉันไม่ได้แตะตัวโคลซักหน่อยแต่ฉันเพียงแค่จับเนคไทเท่านั้นเอง" สแวกเกอร์เลยตอบรับแทนโคลว่าขอรับคำท้าในสัปดาห์ถัดไปได้มีการเซ็นสัญญาเพื่อแมตช์การปล้ำในศึกใหญ่นั้นโคลได้เปิดภาพที่ลอว์เลอร์เคยจูบเท้าของเบรต ฮาร์ต ลอว์เลอร์ก็เลยเล่นงานโดยดึงเนคไทของโคลเล่นงานอีกแถมแมตช์นั้นเป็นแมตช์ "Kiss My Foot" อีกด้วย ในศึก โอเวอร์เดอะลิมิต (2011) โคลต้องเจอกับ เจอร์รี ลอว์เลอร์ ในแมตช์การปล้ำ Kiss My Foot (ผู้แพ้ต้องจูบเท้า) สุดท้ายโคลเป็นฝ่ายแพ้และจูบเท้าของ เจอร์รี ลอว์เลอร์[7]
ในรอยัลรัมเบิล (2012)โคลได้เข้าร่วมรอยัลรัมเบิลโดยขึ้นมาเป็นลำดับที่ 20 แต่ก็ไม่ได้ชนะ[8] ในรอว์ (4 มิถุนายน 2012) โคลขึ้นมาบนเวทีเพื่อสัมภาษณ์จอห์น ซีนา แต่โคลโทษซีนาว่าเป็นคนทำให้บิ๊กโชว์เปลี่ยนไป เพราะซีนาไม่ได้พยายามจะช่วยเหลือบิ๊กโชว์ในตอนที่เขาถูกไล่ออก แต่ซีนากลับออกมาเล่นตลกปัญญาอ่อนใส่จอห์น ลอรีไนติส ซีนาบอกไม่ช่วยทันทีก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ช่วย เดี๋ยวพอชนะโลรีนายติสแล้วมันถูกไล่ออก ได้ผู้จัดการคนใหม่เขาก็ต้องจ้างบิ๊กโชว์กลับมาอยู่ดี โคลบอกนายจะรู้ได้ไงว่า ผู้จัดการคนใหม่จะจ้างบิ๊กโชว์กลับมา นายมันคิดเอาเอง ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่สนใจความรู้สึกของแฟนๆ และบิ๊กโชว์ ทำให้บิ๊กโชว์ต้องทำในสิ่งที่ชัวร์ที่สุดไว้ก่อนคือการเข้าร่วมกลุ่มกับโลรีนายติส และเขาจะกระทืบนายใน โนเวย์เอาท์ และรู้เอาไว้ด้วยว่านายไม่สามารถทำร้ายผู้บรรยายได้ นี่เป็นกฎข้อใหม่ โลรีนายติสออกมาและบอกว่าคืนนี้จะให้สิทธิ์ซีนาเลือกคู่ต่อสู้เอง แต่บิ๊กโชว์ไม่อยู่ที่นี่นะ เพราะเป็นวันหยุด ส่วนชั้นก็ได้รีไทร์ไปแล้ว ซีนาบอกงั้นเลือกโคลก็แล้วกัน คืนเดียวกันซีนาต้องเจอกับโคล แต่โลรีนายติสออกมาสั่งให้เป็นแมตช์ไม่มีการจับแพ้ฟาวล์แต่มีข้อแม้ว่าซีนาต้องเจอกับเทนไซก่อน แต่ซีนาก็ชนะเทนไซได้ และเจอกับโคลแบบไม่มีการจับแพ้ฟาวล์ โดยโคลแพ้
สื่ออื่นๆ
แก้เว็บซีรีส์
แก้Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2012–2015 | The JBL and Renee Show | Himself | series regular (2012-2014), recurring (2014-2015) |
2013–present | Michael Cole's Weekly Sit-Down Interviews | Himself | host |
ผลงาน
แก้- The Baltimore Sun
- Non-Wrestling Performer of the Year (2010)[9]
- World Wrestling Entertainment / WWE
- Slammy Award (4 times)
- "Oh My" Moment of the Year (2009)
- "And I Quote..." Line of the Year (2010)
- Most Regrettable Attire of the Year (2011) Dressing as Triple H
- Favorite Web Show of the Year (2013) – with John "Bradshaw" Layfield and Renee Young for The JBL and Cole Show
- Slammy Award (4 times)
- Wrestling Observer Newsletter
- Worst Gimmick (2011)[10] Heel turn
- Worst Television Announcer (2001, 2009–2012, 2020)[10][11][12]
- WrestleCrap
- Gooker Award (2011) Antics throughout the years[13]
อ้างอิง
แก้- ↑ Michael Coulthard – Biography
- ↑ "Weekend ramblings from the "Baron of Bar-B-Q"". J.R.'s Bar-B-Q. June 27, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-17. สืบค้นเมื่อ July 27, 2008.
- ↑ "Michael Cole Talks About What Led to Him Losing 65 Pounds, Before & After Photo | PWMania". PWMania (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-29. สืบค้นเมื่อ 2018-06-06.
- ↑ "Michael Cole's Birthday, Dark Main Event For Monday's RAW, Dolph Ziggler Comments On TLC & John Cena". WrestlingInc.com. December 8, 2012. สืบค้นเมื่อ April 8, 2013.
- ↑ Valley, Jim (April 18, 2014). "Friday's ask PWTorch all-star panel". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ September 2, 2014.
- ↑ "WWE Bio". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-08-31.
- ↑ Caldwell, James (2011-05-22). "Caldwell's WWE Over the Limit PPV Results 5/22: Ongoing "virtual time" coverage of live PPV - Cena vs. Miz I Quit, Orton vs. Christian, Cole vs. Lawler". PWTorch. สืบค้นเมื่อ 2011-06-19.
- ↑ Caldwell, James. "Caldwell's WWE Royal Rumble report 1/29: Ongoing "virtual time" coverage of live PPV - Rumble match, Punk-Ziggler, Cena-Kane, steel cage". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 30 January 2012.
- ↑ Eck, Kevin (February 14, 2011). "2010 Awards". The Baltimore Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-05. สืบค้นเมื่อ September 25, 2020.
- ↑ 10.0 10.1 Meltzer, Dave (January 30, 2012). "Jan 30 Wrestling Observer Newsletter: Gigantic year-end awards issue, best and worst in all categories plus UFC on FX 1, death of Savannah Jack, ratings, tons and tons of news". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, CA. ISSN 1083-9593.
- ↑ Meltzer, Dave (January 23, 2013). "The 2012 Wrestling Observer Newsletter Annual Awards Issue". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, California. ISSN 1083-9593. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-25. สืบค้นเมื่อ 2014-05-10.
- ↑ Meltzer, Dave. "March 1, 2021, Wrestling Observer Newsletter 2020 awards issue, Elimination Chamber". Figure4Weekly. Wrestling Observer Newsletter. สืบค้นเมื่อ 26 February 2021.
- ↑ "2011 Gooker Award". wrestlecrap.freepolls.com. สืบค้นเมื่อ 2018-06-06.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- ไมเคิล โคล ที่ WWE.com
- ไมเคิล โคล ที่เฟซบุ๊ก
- ไมเคิล โคล ที่เอกซ์ (ทวิตเตอร์)
- ไมเคิล โคล ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส