ราชวงศ์ญี่ปุ่น

(เปลี่ยนทางจาก ไทอิจิ ฟุจิวะระ)

ราชวงศ์ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 皇室โรมาจิkōshitsuทับศัพท์: โคชิตสึ; อังกฤษ: Imperial House of Japan) บ้างเรียก ราชวงศ์ยามาโตะ หรือ ราชวงศ์เบญจมาศ เป็นหนึ่งในราชวงศ์มีการสืบทอดสันตติวงศ์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิจินมุ (11 กุมภาพันธ์ 660 ปีก่อนคริสตกาลตามตำนาน) โดยเป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศนานที่สุดในโลกถึง 2,683 ปี (นับถึงปี ค.ศ. 2023) และเป็นราชวงศ์ที่มีการสืบสันติวงศ์มากที่สุดในโลก จนถึงปัจจุบันรวมได้ถึง 126 รัชกาลแล้ว แต่นักประวัติศาสตร์ส่วนมากอ้างว่าจักรพรรดิ 14 พระองค์แรกเป็นจักรพรรดิในตำนาน อนึ่งเนื่องจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนั้นเริ่มทีหลังจากการมีจักรพรรดิ 14 พระองค์แรก จึงเป็นเรื่องถกเถียงกันว่า หากยังไม่ได้มีการรวมชาติใด ๆ จะมีจักรพรรดิได้เช่นไร สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์คือ "เบญจมาศ" ( เรียกเต็มว่า คิกกะมนโช (菊花紋章) แปลว่า "พระราชลัญจกรดอกเบญจมาศ"

มหาราชวงศ์ญี่ปุ่น
พระราชลัญจกรดอกเบญจมาศ
สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ญี่ปุ่น
พระราชอิสริยยศจักรพรรดิ
ปกครองญี่ปุ่น
สาขา
  • สายอากิชิโนะ
  • สายฮิตาจิ
  • สายมิกาซะ
  • สายทากามาโดะ
จำนวนพระมหากษัตริย์126 พระองค์
ประมุขพระองค์แรกจักรพรรดิจิมมุ
ผู้นำสกุลองค์ปัจจุบันจักรพรรดินารูฮิโตะ
ช่วงระยะเวลา660 ปีก่อนคริสตกาล
สถาปนา660 ปีก่อนคริสตกาล

ราชวงศ์ญี่ปุ่นเป็นราชวงศ์แห่งเดียวในโลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ถึงแม้จะพ่ายแพ้ในสงคราม แต่พระราชวงศ์ก็มิได้ถูกล้มล้าง แม้จักรพรรดิโชวะจะเป็นผู้ให้การต่อต้านการทำสงครามแต่ก็เป็นผู้คุมอำนาจสำคัญของการทำศึกต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ยินยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้าควบคุมญี่ปุ่นแทนการถูกนำตัวไปขึ้นศาลโลกในฐานะอาชญากรสงครามและล้มล้างพระราชวงศ์ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเรียก "จักรพรรดิ" ว่า เท็นโน (天皇) แปลว่า "พระเจ้าสวรรค์" ซึ่งเป็นคำจำกัดความของ "พระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่น" ราชวงศ์ญี่ปุ่นเคยได้รับการเคารพในฐานะอวตารเทพ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1946 จักรพรรดิโชวะมีพระบรมราชโองการว่า ทรงเป็นคนธรรมดา และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งประเทศญี่ปุ่น

พระบรมวงศานุวงศ์

แก้

ตามกฎมนเทียรบาลของราชวงศ์ญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 1947 ในราชวงศ์จะมีการเรียงลำดับโปเจียมจากสูงสูงไปต่ำสุด เช่น สมเด็จพระจักรพรรดิ (天皇), สมเด็จพระจักรพรรดินี (皇后), สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง (皇太后), สมเด็จพระราชอัยยิกา (太皇太后), มกุฎราชกุมาร (皇太子)และมกุฎราชกุมารี (皇太子妃) เป็นต้น

หลังการล้มล้างพระบรมวงศานุวงศ์ 11 สาขา เพื่อความอยู่รอดของราชวงศ์ในปี ค.ศ. 1947 ทำให้มีการสืบราชสมบัติในสายของจักรพรรดิไทโช เฉพาะฝ่ายหน้า (พระบรมวงศานุวงศ์ชาย) และลูกหลานที่เป็นชายเท่านั้น แต่ส่วนของฝ่ายใน (พระบรมวงศานุวงศ์หญิง) จะไม่มีสิทธิในการสืบราชสมบัติทั้งที่ไม่สมรสหรือสมรสแล้วรวมไปถึงลูกหลานที่เกิดจากฝ่ายในก็ไม่มีสิทธิในการสืบราชสมบัติเช่นเดียวกัน

รายพระนามพระบรมวงศานุวงศ์

แก้

อดีตพระบรมวงศานุวงศ์

แก้

ตามกฎมนเทียรบาลของญี่ปุ่น ค.ศ. 1947 หากพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในระดับ ไนชินโน หรือ โจ พระองค์ใดมีพระประสงค์จะเสกสมรสกับสามัญชน จะต้องมีการสละฐานันดรศักดิ์และออกจากการเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ของราชวงศ์เสียก่อน ปัจจุบันมีอดีตเจ้าหญิงที่ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ ได้แก่

ลำดับ พระนาม ประสูติ พระชนก-ชนนี เสกสมรส
1. เจ้าหญิงอัตสึโกะ โยริโนะมิยะ 7 มีนาคม พ.ศ. 2474 (93 ปี) จักรพรรดิโชวะ
จักรพรรดินีโคจุง
ทากามาซะ อิเกดะ
10 ตุลาคม พ.ศ. 2495
2. เจ้าหญิงทากาโกะ ซูงะโนะมิยะ 2 มีนาคม พ.ศ. 2482 (85 ปี) จักรพรรดิโชวะ
จักรพรรดินีโคจุง
ฮิซานางะ ชิมาซุ
10 มีนาคม พ.ศ. 2503
3. เจ้าหญิงยาซูโกะแห่งมิกาซะ 26 เมษายน พ.ศ. 2487 (80 ปี) เจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ
เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาฯ
ทาดาเตรุ โคโนเอะ
16 ธันวาคม พ.ศ. 2509
4. เจ้าหญิงมาซาโกะแห่งมิกาซะ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2494 (73 ปี) เจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ
เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาฯ
โซชิตสึ เซ็งที่ 16
14 ตุลาคม พ.ศ. 2526
5. เจ้าหญิงซายาโกะ โนริโนะมิยะ 18 เมษายน พ.ศ. 2512 (55 ปี) จักรพรรดิอากิฮิโตะ
จักรพรรดินีมิจิโกะ
โยชิกิ คูโรดะ
15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548[2][3]
6. เจ้าหญิงโนริโกะแห่งทากามาโดะ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 (36 ปี) เจ้าชายโนริฮิโตะ ทากามาโดะโนะมิยะ
เจ้าหญิงฮิซาโกะ พระชายาฯ
คูนิมาโระ เซ็งเงะ
5 ตุลาคม พ.ศ. 2557
7. เจ้าหญิงอายาโกะแห่งทากามาโดะ 15 กันยายน พ.ศ. 2533 (34 ปี) เจ้าชายโนริฮิโตะ ทากามาโดะโนะมิยะ
เจ้าหญิงฮิซาโกะ พระชายาฯ
เค โมริยะ
12 สิงหาคม พ.ศ. 2561
8. เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 (33 ปี) เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ
เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ
เค โคมูโระ
26 ตุลาคม พ.ศ. 2564

พงศาวลี

แก้

พงศาวลีสมาชิกพระราชวงศ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน ตัวหนา คือเจ้านายที่ยังทรงพระชนม์ และ ตัวเอียง คือเจ้าหญิงที่กราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เพื่อทรงเสกสมรส[4]

จักรพรรดิไทโชจักรพรรดินีเทเม
จักรพรรดิโชวะจักรพรรดินีโคจุงเจ้าชายทากาฮิโตะเจ้าหญิงยูริโกะ
จักรพรรดิอากิฮิโตะจักรพรรดินีมิจิโกะเจ้าชายมาซาฮิโตะเจ้าหญิงฮานาโกะชิเงโกะ
เจ้าหญิงซาจิโกะ
คาซูโกะ
อัตสึโกะ
ทากาโกะ
เจ้าชายโทโมฮิโตะเจ้าหญิงโนบูโกะเจ้าชายโยชิฮิโตะเจ้าชายโนริฮิโตะเจ้าหญิงฮิซาโกะยาซูโกะ
มาซาโกะ
จักรพรรดิจักรพรรดินีเจ้าชายฟูมิฮิโตะเจ้าหญิงคิโกะซายาโกะเจ้าหญิงอากิโกะเจ้าหญิงโยโกะเจ้าหญิงสึงูโกะโนริโกะ
อายาโกะ
เจ้าหญิงไอโกะมาโกะเจ้าหญิงคาโกะเจ้าชายฮิซาฮิโตะ

ฐานันดรศักดิ์

แก้
  • เฮกะ (陛下) - จักรพรรดิ และ จักรพรรดินี
  • ชินโน (親王) - พระราชวงศ์ชั้นสูง (ฝ่ายหน้า) เทียบได้กับตำแหน่งจิ้นอ๋อง (親王) ของจีน
  • ไนชินโน (内親王) - พระราชวงศ์ชั้นสูง (ฝ่ายใน)
  • ชินโนฮิ (親王妃) - พระชายาของชินโน (ฝ่ายใน)
  • โอ (王) - พระราชวงศ์ชั้นล่าง (ฝ่ายหน้า) เทียบได้กับตำแหน่งอ๋อง (王) ของจีน
  • โจ (女王) - พระราชวงศ์ชั้นล่าง (ฝ่ายใน)
  • โอฮิ (王妃) - พระชายาของโอ (ฝ่ายใน)

ชินโนที่เป็นลูกของจักรพรรดิ บุตรจะยังคงได้ฐานันดรเป็น ชินโน หรือ ไนชินโน แต่สำหรับชินโนที่เป็นหลานของจักรพรรดิ บุตรได้ฐานันดรเป็น โอ หรือ โจ อาทิ เจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซาโนมิยะ ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในจักรพรรดิไทโช ดังนั้นพระบุตรจะยังคงได้เป็น ชินโน และ ไนชินโน แต่เมื่อมาถึงรุ่นลูกของเจ้ามิกาซะ คือ เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ กับ เจ้าชายโนริฮิโตะ เจ้าทากามาโดะ ทั้งสองพระองค์เป็นหลานปู่ในจักรพรรดิไทโช ดังนั้นพระธิดาของทั้งสองพระองค์จึงได้ฐานันดรเป็น โจ

พระบรมวงศ์บางองค์อาจได้รับบรรดาศักดิ์ "มิยะ" (宮 เจ้าสืบตระกูล) จากองค์จักรพรรดิ ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ในระบบขุนนางที่เรียกว่า คาโซกุ พระบรมวงศ์ที่มียศนี้จะมีราชทินนามต่อท้าย และบรรดาลูกหลานก็จะได้สืบยศนี้ต่อไปไม่สิ้นสุดที่ฐานันดรขั้น โอ

สกุลราชนิกุล

แก้

นี่คือเหล่าราชนิกุลที่ไม่ได้ถูกนับว่าเป็นราชวงศ์

ธงประจำพระองค์

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "ฮิซาฮิโตะ"ชื่อเจ้าชายน้อยญี่ปุ่น[ลิงก์เสีย]
  2. "เจ้าหญิง "ซายาโกะ" เข้าพิธีอภิเษกสมรส". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-29. สืบค้นเมื่อ 2012-08-21.
  3. "จาก ศักดินา สู่ สามัญชน : รักแท้ของพระธิดาราชวงศ์ญี่ปุ่นแต่งงานกับหนุ่มสามัญชน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-14. สืบค้นเมื่อ 2012-08-21.
  4. "Genealogy of the Imperial Family". kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 16 October 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้