เรื้อน
โรคเรื้อน (อังกฤษ: Leprosy) หรือ โรคแฮนเซน (อังกฤษ: Hansen's disease, ย่อ: HD) เป็นโรคเรื้อรังอันเกิดจากแบคทีเรีย Mycobacterium leprae และ Mycobacterium lepromatosis[8][9] ตั้งตามชื่อแพทย์เจอร์ราด แฮนเซน (Gerhard Hansen) ชาวนอร์เวย์ โรคเรื้อนหลัก ๆ เป็นโรคผิวหนังเส้นประสาทส่วนปลายและเยื่อเมือกระบบทางเดินหายใจส่วนบน รอยโรคที่ผิวหนังเป็นสัญญาณภายนอกหลักอย่างหนึ่ง[10] หากไม่ได้รับการรักษา โรคเรื้อนอาจลุกลาม และสร้างความเสียหายถาวรต่อผิวหนัง เส้นประสาท แขนขาและตาได้ คติชาวบ้านมักเชื่อว่าโรคเรื้อนทำให้ส่วนของร่างกายหลุดออกมา แต่คตินี้ไม่เป็นความจริง แม้ส่วนนั้นอาจชาหรือเป็นโรคจากการติดเชื้อทุติยภูมิ ซึ่งเกิดขึ้นหลังภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อปฐมภูมิ[11][12] การติดเชื้อทุติยภูมิสามารถส่งผลให้สูญเสียเนื้อเยื่อตามลำดับ ทำให้นิ้วมือและนิ้วเท้าสั้นลงและผิดรูปร่าง เพราะกระดูกอ่อนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย[11][12][13]
Leprosy | |
---|---|
ชื่ออื่น | Hansen's disease (HD)[1] |
ชายวัย 24 ปีติดโรคเรื้อน | |
การออกเสียง | |
สาขาวิชา | Infectious disease |
อาการ | ความสามารถในการรับความรู้สึกเจ็บลดลง [3] |
สาเหตุ | Mycobacterium leprae or Mycobacterium lepromatosis[4][5] |
ปัจจัยเสี่ยง | การสัมผัส , ภาวะยากจน [3][6] |
การรักษา | Multidrug therapy[4] |
ยา | Rifampicin, dapsone, clofazimine[3] |
ความชุก | 209,000 (2018)[7] |
แม้วิธีการส่งผ่านโรคเรื้อนจะยังไม่ทราบแน่ชัด ผู้ทำการศึกษาส่วนใหญ่คิดว่า M. leprae ติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งโดยฝอยละออง[14] การศึกษาได้แสดงว่า โรคเรื้อนสามารถส่งผ่านไปยังมนุษย์ได้โดยอาร์มาดิลโล[15][16][17] ปัจจุบันนี้ โรคเรื้อนทราบกันว่า ไม่ส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้ออย่างรุนแรงหลังได้รับการรักษาแล้ว มนุษย์กว่า 95% มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ[18] และผู้ป่วยจะไม่แพร่เชื้อหลังรักษาแล้วเพียง 2 สัปดาห์
ระยะฟักตัวน้อยสุดมีรายงานว่าสั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ตามการเกิดโรคเรื้อนขึ้นอย่างน้อยครั้งมากในทารก ระยะฟักตัวมากสุดมีรายงานว่านานถึง 30 ปีหรือมากกว่า ดังที่สังเกตหมู่ทหารผ่านศึกที่เคยไปอยู่ในพื้นที่การระบาดช่วงสั้น ๆ แต่ปัจจุบันได้อยู่ในพื้นที่ไม่มีการระบาด เป็นที่ตกลงกันทั่วไปว่าระยะฟักตัวเฉลี่ยอยู่ระหว่างสามถึงห้าปี
โรคเรื้อนเป็นโรคที่มนุษย์เป็นมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว[19] และเป็นที่รู้จักกันดีในอารยธรรมจีน อียิปต์และอินเดียโบราณ[20] ค.ศ. 1995 องค์การอนามัยโลกประเมินว่า ประชากรโลกระหว่าง 2 และ 3 ล้านคน พิการถาวรเพราะโรคเรื้อนในขณะนั้น[21] ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประชากรโลก 15 ล้านคนได้รับการรักษาโรคเรื้อน[22] แม้การบังคับกักกันหรือการแยกผู้ป่วยออกนั้น เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกแล้ว ในสถานที่ซึ่งมีการบำบัดรักษา แต่หลายพื้นที่ของโลกก็ยังมีนิคมโรคเรื้อนอยู่ เคยเชื่อกันว่า โรคเรื้อนติดต่อทางสัมผัสและรักษาได้ด้วยปรอท ซึ่งทั้งหมดเป็นลักษณะของซิฟิลิส ซึ่งอธิบายครั้งแรกใน ค.ศ. 1530 ปัจจุบัน เชื่อกันว่าผู้ป่วยโรคเรื้อนสมัยโบราณหลายคนอาจเป็นโรคซิฟิลิส[23]
ความเป็นที่รังเกียจของสังคมช้านานกับโรคเรื้อนขั้นหนักยังเหลืออยู่ในหลายพื้นที่ และเป็นอุปสรรคสำคัญในการรายงานด้วยตัวเองและเข้ารับการรักษาเบื้องต้น การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมีขึ้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 ด้วยการริเริ่มยาแดปโซนและยาดัดแปลง การต้านทานของแบคทีเรียโรคเรื้อนต่อแดปโซนในไม่ช้าได้วิวัฒนาขึ้น และ จากการใช้แดปโซนเกิน ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างด้วย ไม่จนกระทั่งการริเริ่มการรักษาด้วยยาผสมระยะสั้น (multidrug therapy - MDT) ในต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 ที่โรคเรื้อนสามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างประสบผลในชุมชน[24]
MDT สำหรับโรคเรื้อนประเภทเชื้อมาก ประกอบด้วยการรับประทานยาไรแฟมพิซิน แดปโซน และคลอฟาซิมินนานกว่า 12 เดือน ขนาดใช้ที่ปรับให้เหมาะกับเด็กและผู้ใหญ่สามารถหาซื้อได้ตามศูนย์สาธารณสุขหลักทุกแห่งในรูปบลิสเตอร์แพ็ก[24]
อ้างอิง
แก้- ↑ Worobec, SM (2008). "Treatment of leprosy/Hansen's disease in the early 21st century". Dermatologic Therapy. 22 (6): 518–37. doi:10.1111/j.1529-8019.2009.01274.x. PMID 19889136. S2CID 42203681.
- ↑ "Definition of leprosy". The Free Dictionary. สืบค้นเมื่อ 2015-01-25.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อAka2012
- ↑ 4.0 4.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อWHO2014
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNew2008
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSchreuder2016
- ↑ "Leprosy". www.who.int (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 10 February 2020.
- ↑ Sasaki S, Takeshita F, Okuda K, Ishii N (2001). "Mycobacterium leprae and leprosy: a compendium". Microbiol Immunol. 45 (11): 729–36. PMID 11791665. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-13. สืบค้นเมื่อ 2011-11-06.
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "New Leprosy Bacterium: Scientists Use Genetic Fingerprint To Nail 'Killing Organism'". ScienceDaily. 2008-11-28. สืบค้นเมื่อ 2010-01-31.
- ↑ Kenneth J. Ryan, C. George Ray, editors. (2004). Ryan KJ, Ray CG (บ.ก.). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 451–3. ISBN 0838585299. OCLC 52358530 61405904.
{{cite book}}
:|author=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help); ตรวจสอบค่า|oclc=
(help)CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ 11.0 11.1 "Lifting the stigma of leprosy: a new vaccine offers hope against an ancient disease". Time. 119 (19): 87. May 1982. PMID 10255067. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-25. สืบค้นเมื่อ 2011-11-06.
- ↑ 12.0 12.1 Kulkarni GS (2008). Textbook of Orthopedics and Trauma (2 ed.). Jaypee Brothers Publishers. p. 779. ISBN 8184482426, 9788184482423.
{{cite book}}
: ตรวจสอบค่า|isbn=
: ตัวอักษรไม่ถูกต้อง (help) - ↑ "Q and A about leprosy". American Leprosy Missions. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-08. สืบค้นเมื่อ 2011-01-22.
- ↑ City of Houston Government Center, Health and Human Services. (n.d.). Hansen's disease (leprosy) Retrieved from http://www.houstontx.gov/health/ComDisease/hansens.html
- ↑ "Probable Zoonotic Leprosy in the Southern United States". The New England Journal of Medicine. สืบค้นเมื่อ April 28, 2011.
- ↑ "Armadillos linked to leprosy in humans". CNN. 2011-04-28.
- ↑ Truman, Richard W.; Singh, Pushpendra; Sharma, Rahul; Busso, Philippe; Rougemont, Jacques; Paniz-Mondolfi, Alberto; Kapopoulou, Adamandia; Brisse, Sylvain; Scollard, David M. (April 2011). "Probable Zoonotic Leprosy in the Southern United States". The New England Journal of Medicine. Massachusetts Medical Society. 364 (17): 1626–1633. doi:10.1056/NEJMoa1010536. PMC 3138484. PMID 21524213. สืบค้นเมื่อ 3 May 2011.
- ↑ "About leprosy: frequently asked questions". American Leprosy Missions, Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-17. สืบค้นเมื่อ October 28, 2011.
- ↑ Holden (2009). "Skeleton Pushes Back Leprosy's Origins". ScienceNOW. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-22. สืบค้นเมื่อ 2010-01-31.
- ↑ "Leprosy". WHO. 2009-08-01. สืบค้นเมื่อ 2010-01-31.
- ↑ WHO (1995). "Leprosy disabilities: magnitude of the problem". Weekly Epidemiological Record. 70 (38): 269–75. PMID 7577430.
- ↑ Walsh F (2007-03-31). "The hidden suffering of India's lepers". BBC News.
- ↑ Syphilis through history Encyclopædia Britannica
- ↑ 24.0 24.1 "Communicable Diseases Department, Leprosy FAQ". World Health Organization. 2006-05-25. สืบค้นเมื่อ 2010-01-31.
หนังสืออ่านเพิ่ม
แก้- 1877: Lewis, T. R.; D. Cunningham, D. (1877). Leprosy In India. Calcutta: Office Of The Superintendent Of Government Printing. สืบค้นเมื่อ 2009-08-07.
- 1895: Ashmead, Albert S. (1895). Pre-Columbian Leprosy. Chicago: American Medical Association Press. สืบค้นเมื่อ 2009-08-07.
- 1895: Prize Essays On Leprosy. London: The New Sydenham Society. 1895. สืบค้นเมื่อ 2009-08-07.
- 1896: Impey, S. P. (1896). A Handbook On Leprosy. Philadelphia: P. Blakiston, Son & Co. สืบค้นเมื่อ 2009-08-07.
- 1916: Page, Walter Hines; Page, Arthur Wilson (1916). "Fighting Leprosy In The Philippines". The World's Work: A History of Our Time. XXXI: 310–320. สืบค้นเมื่อ 2009-08-04.
- 1991:William Jopling. Leprosy stigma. Lepr Rev 1991, 62, 1-12.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Documentary film about leprosy เก็บถาวร 2009-08-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Netflix
- เรื้อน ที่เว็บไซต์ Curlie
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |