แอสตันมาร์ติน ดีบีเอส วี12
แอสตันมาร์ติน ดีบีเอส วี12 (อังกฤษ: Aston Martin DBS V12) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราสมรรถนะสูง เครื่องยนต์หน้าลำ ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (FR) 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอังกฤษ แอสตันมาร์ติน ในระหว่างปี ค.ศ. 2007 - 2012 ดีบีเอส วี12 พัฒนามาจาก แอสตันมาร์ติน ดีบี9 โดยชื่อ "ดีบีเอส" เป็นชื่อรุ่นที่เคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว ในปี ค.ศ. 1967 - 72 แล้วก็ได้ยุติการผลิตลงไม่มีโฉมต่อ จนต่อมาชื่อนี้ถูกได้นำมาใช้อีกครั้ง เพื่อมาแทนที่ แอสตันมาร์ติน แวนควิซ เอส ในปี ค.ศ. 2004
แอสตันมาร์ติน ดีบีเอส วี12 | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | แอสตันมาร์ติน |
เริ่มผลิตเมื่อ | ค.ศ. 2007 – 2012 3,400 คัน |
แหล่งผลิต | เกย์ดอน, สหราชอาณาจักร |
ผู้ออกแบบ | มาเรก ไรช์แมน (Marek Reichman) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งประเภทหรูหราสมรรถนะสูง (Grand tourer) |
รูปแบบตัวถัง |
|
โครงสร้าง | เครื่องยนต์หน้าลำ ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (FR) |
แพลตฟอร์ม | แอสตันมาร์ติน วีเฮช แพลตฟอร์ม (VH Generation II) |
จำนวนประตู | 2 แบบบานเปิดหงส์ (Swan) |
รุ่นที่คล้ายกัน |
|
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 5.9 L AM11 V12 |
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ ZF 6HP26 (Touchtronic II) 6 จังหวะ[1] เกียร์ธรรมดา Graziano 6 จังหวะ |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | แอสตันมาร์ติน แวนควิซ (First generation) |
รุ่นต่อไป | แอสตันมาร์ติน แวนควิซ (Second generation) |
รถได้เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Pebble Beach Concours d'Elegance ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2007 มาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ล่าสุดของ ค่ายแอสตันมาร์ติน ใช้ชื่อสีว่า "สีเทากราไฟท์" ( Graphite grey ) ผสมเข้ากับโทนสีฟ้า จึงใช้ชื่อสีนี้เป็นนามเฉพาะว่า "คาซิโน ไอซ์" ( Casino Ice ) รถทุกคันจะเริ่มจัดส่งสินค้าในไตรมาสที่ 1 ปี ค.ศ. 2008
ตัวถังของรถได้ถูกผลิตที่โรงงานในเกย์ดอน, วอร์วิคเชียร์ ( Gaydon, Warwickshire ) ส่วนตัวเครื่องยนต์ผลิตที่โรงงานในกรุงโคโลญ เยอรมนี
ดีบีเอส ได้เคยถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ภาค คาซิโน โรเยล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ แดเนี่ยล เคร็ก แสดงเป็น เจมส์ บอนด์ และอีกภาค คือ 007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก ซึ่งทั้ง 2 ภาคใช้แอสตันมาร์ติน ดีบีเอส เป็นพาหนะหลักของตัวเอก[2]
ดีบีเอส โวเลนต์ (DBS Volante) (2009–2012)
แก้เป็นโฉมเสริมแต่งของ ดีบีเอส เปิดเผยสู่สาธารณชนครั้งแรกในเฟซบุ๊ก เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2009 และเปิดตัวรถครั้งแรกที่งาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ ในวันที่ 3 มีนาคม ปี ค.ศ. 2009[3]และในรุ่นเปิดประทุน ก็ได้เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 2009 ที่งาน Concours d'Elegance มลรัฐแคลิฟอร์เนีย[4] สำหรับตัวรุ่นเปิดประทุนนี้ สามารถพับเก็บหลังคาได้โดยระบบอัตโนมัติ ซึ่งใช้เวลาเพียง 14 วินาที
ข้อมูลจำเพาะ
แก้- เครื่องยนต์: 5.9 ลิตร 48 วาลว์ V12[5]
- เกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ & อัตโนมัติ 6 จังหวะ
- การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหลัง - RWD (Rear Wheel Drive)
- น้ำหนักเปล่า: 1,695 กิโลกรัม (3,737 lb)
- อัตราการกินน้ำมันในตัวเมือง: 12 ไมล์/แกลลอน(20 L/100 km; 14 mpg-imp)
- อัตราการกินน้ำมันบนไฮเวย์: 18 ไมล์/แกลลอน (13 L/100 km; 22 mpg-imp)
- กำลัง: 510 แรงม้า (380 kW; 517 PS) ที่ 6500 rpm
- แรงบิด: 420 lb·ft (569 N·m) at 5750 rpm
- ความยาวฐานล้อ: 107.9 นิ้ว (2,741 มม.)
- ความยาว: 185.9 นิ้ว (4,722 มม.)
- ความกว้าง: 75.0 นิ้ว (1,905 มม.)
- ความสูง: 50.4 นิ้ว (1,280 มม.)
2013 Aston Martin DBS Coupe Zagato Centennial
แก้Aston Martin และ Zagato บริษัทผู้ผลิตตัวถังจากอิตาลี ร่วมกันประกาศแผนการผลิตรถสปอร์ตรุ่นพิเศษสองเวอร์ชัน เพื่อเฉลิมฉลองการดำเนินงานครบรอบ 100 ปีเต็มของ Aston Martin คันแรกคือ DBS Coupe Zagato Centennial ที่ถูกนิยามว่าเป็น “รถสปอร์ตที่เปี่ยมด้วยดีเอ็นเอของ Aston Martin ผสานเอกลักษณ์แบบอิตาเลียนและแรงบันดาลใจจากเมืองมิลาน” มาพร้อมรูปลักษณ์ด้านหน้าที่โดดเด่น มีดีไซน์กระจังหน้าและกรอบไฟแนวเรโทร
รถสปอร์ตรุ่นพิเศษคันดังกล่าวจะถูกผลิตเพียงคันเดียวในโลก โดยมีผู้จับจองแล้ว "เป็นมหาเศรษฐีนักธุรกิจหนุ่มชาวญี่ปุ่น" จากการเปิดเผยของ Zagato
ขณะที่อีกหนึ่งคันมีชื่อว่า DB9 Spyder Zagato เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน ถูกจับจองแล้วเช่นกันโดยนักสะสมรถชาวอเมริกันชื่อดังอย่าง Peter Read ซึ่งปัจจุบันมีรถสุดสวยอย่าง DB7 Zagato ครอบครองอยู่แล้วด้วย รูปร่างภายนอกของ DB9 Spyder Zagato คล้ายกับรุ่นคูเป้แต่ใช้หลังคาผ้าใบเปิดประทุน
“DB9 Spyder Zagato Centennial เป็นการเขย่ารวมเอกลักษณ์ของ Aston Martin และ Zagato เข้าไว้ด้วยกัน เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ พลังและความหรูหราตลอดทั้ง 100 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นยนตรกรรมที่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง” Peter Read กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Aston Martin Automatic Gearboxes". JT Automatics Ltd. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2016.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-06. สืบค้นเมื่อ 2013-11-14.
- ↑ "Aston Martin to premiere DBS Volante - Canadian Driver". Blackriverpost.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-07. สืบค้นเมื่อ 2010-09-30.
- ↑ "Aston Martin DBS Volante - A beautiful idea - Detroit News/LA Times". The Detroit News. สืบค้นเมื่อ 2010-09-30.[ลิงก์เสีย]
- ↑ http://fastestlaps.com/cars/aston_martin_dbs.html