เอมิยะ ชิโร่
เอมิยะ ชิโร่ (ญี่ปุ่น: 衛宮 士郎; โรมาจิ: Emiya Shirō) ตัวละครจากเกมซาวนด์โนเวลของ ไทป์-มูน และการ์ตูนเรื่อง เฟท/สเตย์ ไนท์
เอมิยะ ซิโร่ | |
---|---|
ตัวละครใน มหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ | |
ปรากฏครั้งแรก | เฟต/สเตย์ไนต์ (2547) |
สร้างโดย | คิโนโกะ นาสุ |
ให้เสียงโดย | ญี่ปุ่น Noriaki Sugiyama Junko Noda (young) ไทย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี อังกฤษ แซม รีเกล (มหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์) Patrick Poole (Prisma Illya) Bryce Papenbrook (UBW, Heaven's Feel) Mona Marshall (วัยรุ่น) |
ประวัติ | |
ญาติ | เอมิยะ คิริซึงุ (พ่อบุญธรรม) ฟุจิมูระ ไทกะ |
ชิโร่เป็นตัวเอกของเรื่องนี้ เป็นคนที่จริงจังในทุกๆ เรื่อง และยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่สนใจถึงผลที่ตัวเองจะได้รับเลย เขาศึกษาอยู่ในชั้นปี 2 ของโรงเรียนมัธยมในเมืองฟุยูกิ โดยเขาจะเป็นคนที่คอยซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็น VCRs ในเตาความร้อน หรือแม้แต่ในเรื่องงานบ้านงานครัว เขาก็มีความชำนาญไม่แพ้กัน เพราะเขาต้องดูแลบ้านของเขาเพียงคนเดียวหลังจากที่เขาได้เสียพ่อบุญธรรม เอมิยะ คิริซึงุ ของเขาไป ตัวเขาเองก็มีความสามารถในทางเวทมนตร์สายเสริมพลังให้กับวัตถุ แต่เขาก็ใช้ได้ไม่เต็มที่ เพราะพ่อบุญธรรมของเขาไม่ได้สอนให้เขาใช้มันอย่างจริงจัง ในช่วงแรกของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ เขายังคงยืนกรานที่จะปกป้องคนอื่น โดยที่ไม่สนใจถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เรียกง่ายๆว่า เขาจะเป็นเกราะให้กับทุกคนก็ไม่ผิด
สำหรับ เสียงพากย์ ของชิโร่นั้นคือเสียงของ สุงิยามะ โนริอากิ ในภาษาญี่ปุ่น ส่วนภาษาอังกฤษนั้นเป็นของ แซม รีเกลเสียง ภาษาไทยโดยภัทราวุฒิ สมุทรนาวี[1]
ประวัติ
แก้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงสุดท้ายของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 4 เมืองฟุยูกิทั้งเมืองได้ตกอยู่ในกองเพลิงขนาดมหึมา สร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างในเมือง รวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่นับไม่ถ้วน ซึ่งรวมไปถึงครอบครัวเดิมของชิโร่ด้วย เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่รอดมาจากกองเพลิงนั้นได้ แต่ก็สาหัส ระหว่างที่เขากำลังตกอยู่ระหว่างความเป็นและความตายนั้น เขาได้รับการช่วยเหลือจาก เอมิยะ คิริซึงุ พ่อบุญธรรมของเขาที่ผ่านมาพบหลังจากสงครามจบลงในกองซากปรักหักพังของเมือง
คิริซึงุไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวเองกับชิโร่ว่าตนเองนั้นเป็นจอมเวทย์ และพยายามที่จะไม่ให้ชิโร่ต้องมาเป็นผู้สืบทอดการเป็นจอมเวทย์ต่อจากเขา แต่อย่างไรก็ตาม ชิโร่ผู้ซึ่งไม่มีความรู้ความสามารถในเชิงเวทย์เลยแม้แต่น้อย กลับใช้เวทมนตร์เสริมกำลังวัตถุ ซึ่งเป็นเวทย์ที่ใช้การได้ยาก และไม่มีจอมเวทย์คนไหนใช้กันมากนัก ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้ว คิริซึงุยังได้สอนชิโร่เกี่ยวกับอุดมการณ์ของเขา คือการที่จะปกป้องทุกคนให้พ้นจากอันตราย แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะปกป้องทุกๆ คนไว้นั้น ก็จะไม่สามารถปกป้องคนๆ หนึ่งไว้ได้ เช่นกันกับการช่วยเหลือคนๆ หนึ่งไว้ ก็จะไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ อีกหลายคนไว้ได้เช่นกัน ซึ่งชิโร่ก็ได้ยึดอุดมการณ์ตามรอยพ่อบุญธรรมที่สั่งสอนเขามา เขาพยายามที่จะช่วยเหลือทุกๆ คนให้พ้นจากอันตราย โดยที่คิริซึงุจะไม่สอนเชิงเวทย์ขั้นพื้นฐานและเวทมนตร์ต่างๆ ให้กับชิโร่เลย แต่จะบอกให้ชิโร่ฝึกเวทมนตร์สายเสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุไว้เล็กน้อยเท่านั้น
3 ปีก่อนที่สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 จะเริ่มต้นขึ้น คิริซึงุได้เสียชีวิตลง ทิ้งให้ชิโร่ต้องอยู่ตามละพัง แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คิริซึงุจะเสียชีวิต เขาได้ฝากชิโร่ไว้ให้อ. ฟุจิมุระ ไทกะ เพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานานดูแลชิโร่ให้เหมือนกับที่เขาดูแลชิโร่มา ซึ่งต่อมา มาโต้ ซากุระ ก็ได้เข้ามาหาชิโร่ที่บ้านบ่อยๆ เพื่อที่จะช่วยชิโร่ทำงานบ้านนั่นเอง
ความสามารถ
แก้แม้ว่าตัวของชิโร่เองนั้นจะเป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้ แต่ถ้าว่ากันจริงๆแล้ว เขาไม่มีความสามารถและความรู้พื้นฐานในเชิงเวทย์เลยแม้แต่น้อย ในช่วงแรกของเรื่อง เขาสามารถใช้ได้แค่เวทย์เสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุเท่านั้น และยังสามารถใช้ในการสำรวจวัตถุต่างๆ ถึงส่วนประกอบของวัตถุนั้นๆ หรือแม้แต่ทำให้ทราบถึงชิ้นส่วนที่เสียหายของวัตถุนั้นๆ ซึ่งการใช้ความสามารถนี้ สามารถประยุกต์นำไปใช้กับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุต่างๆ ในอีกระดับหนึ่งได้ เช่นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแท่งไม้ ให้แข็งแกร่งเหมือนกับดาบเหล็ก หรือแม้แต่การเพิ่มความทนทานของโล่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้ยังมีความลึกลับอีกมากมาย ซึ่งหากผู้ใช้ได้ฝึกฝนการใช้บ่อยๆ และรู้จักการประยุกต์ใช้แล้ว มันจะกลายเป็นเวทย์ที่ร้ายกาจและพัฒนาไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดเลยทีเดียว
ความสามารถที่แท้จริงของชิโร่นั้น มีพื้นฐานมาจากการใช้เวทย์เสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุ หรือที่เรียกกันว่า เทรซ ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้เขาสามารถที่จะสร้างวัตถุ ชิ้นหนึ่งๆ ได้จากความทรงจำของเขา เพียงแค่ใช้มือเปล่าเท่านั้น ด้วยความสามารถนี้ ทำให้เขาสามารถที่จะเปลี่ยนสภาพวัตถุหนึ่ง ให้เป็นอีกวัตถุหนึ่งได้ เช่นการเปลี่ยนกิ่งไม้เป็นลูกธนู การเปลี่ยนแท่งไม้เป็นดาบโลหะ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม การเทรซแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ มานาในการเทรซ ซึ่งจะใช้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวัตถุที่จะเทรซขึ้นมา และวัตถุดิบที่จะใช้เทรซด้วย ซึ่งข้อจำกัดนี้เองที่ำทำให้เวทย์เทรซไม่นิยมในหมู่จอมเวทย์ในการต่อสู้เท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุทุกอย่างที่ชิโร่เทรซขึ้นมานั้น จะมีลักษณะและคุณสมบัติเหมือนกับของจริงทุกประการ บวกกับที่ชิโร่ได้แขนของอาเชอร์มาแทนที่แขนของเขาที่เสียไปจากการเข้าไปช่วยเหลือ อิลิยาสเวียล ในบท Heaven's Feel ทำให้เขาได้รับความทรงจำและความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดของอาเชอร์มา ทำให้เขาสามารถที่จะสร้าง "เรียลลิตี้ มาร์เบิล" ที่เหมือนกับโนเบิล แฟตาซึ่มอาเชอร์ได้ คือ "Unlimited Blade Works" ซึ่งจะเป็นการเทรซที่ใช้มานาปริมาณมหาศาล ในการที่จะสร้างมิติๆ หนึ่งขึ้นมา ซึ่งภายในมิตินั้นจะมีแต่อาวุธชั้นเลิศ ซึ่งเป็นอาวุธทุกชิ้นที่ผู้สร้างเคยพบเห็นมาเท่านั้น ซึ่งชิโร่ได้รับความทรงจำมาจากอาเชอร์ ทำให้เขาสามารถเทรซมิติที่มีอาวุธมากมายเท่าที่อาเชอร์เคยพบเห็นมา ซึ่งการเทรซมิตินี้ ไม่มีวัตถุดิบ ทำให้ต้องใช้มานาปริมาณมหาศาลในการเทรซมิตินี้ขึ้นมา และจากการที่ได้รับแขนของอาเชอร์มานั้น ทำให้ตัวชิโร่เองได้รับพลังเวทย์ในปริมาณมหาศาล ซึ่งมันเกือบจะทำให้เขาต้องเสียชีวิตไปแล้ว เช่นในตอนที่เขาสู้กับ เบอเซิร์กเกอร์ด้านมืด ที่มีโนเบิล แฟตาซึ่มคือ "Nine Lives" ซึ่งชิโร่ได้กำจัดเขาลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งความสามารถของเขานั่นคือ "Nine Lives Blade Works" คือการทำสำเนาอาวุธที่ชื่อว่า "Nine Lives" ของเบอร์เซิร์กเกอร์ขึ้นมาใช้เสียงเอง แต่การกระทำนั้นก็ส่งผลให้เขาได้รับความเสียหายแก่ร่างกายมากมายจากการใช้พลังเวทย์ จนเกือบเสียชีวิตไป และด้วยความสามารถในการเทรซของเขานี้เอง ทำให้เขาพิเศษกว่าจอมเวทย์ทั่วๆไป ซึ่งมันเป็นแรงผลักดันทำให้เขาต้องการที่จะปกป้องผู้อื่นไม่ให้ต้องมาประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับเขาเมื่อ 10 ปีก่อน คือเขาต้องนอนรอความตายอยู่ท่ามกลางเมืองที่ลุกเป็นไฟ และได้ถูกช่วยชีวิตโดยคิริซึงุ พ่อบุญธรรมของเขาซึ่งสอนให้เขารู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เขาต้องการที่จะเดินตามรอยพ่อบุญธรรมของเขาที่เป็นผู้ผดุงคุณธรรม จึงทำให้ทั้งชีวิตของเขาต้องช่วยเหลือผู้อื่น โดยการใช้ความสามารถของเขาที่พิเศษกว่าจอมเวทย์คนอื่นๆ ที่จะเทรซวัตถุมาได้จากสิ่งที่เคยพบเห็นเท่านั้นและต้องใช้วัตถุดิบพร้อมกับมานา แต่สำหรับชิโร่นั้นใช้เพียงแค่มานาเท่านั้นในการเทรซ และสามารถเทรซวัตถุต่างๆ ได้จากจินตนาการได้เลย ซึ่งมันทำให้เขาสามารถที่จะสร้าง "เรียลลิตี้ มาร์เบิล" ได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ซึ่งบทสวดในการสร้างเรียลลิตี้ มาร์เบิล ของเขานั้นจะต่างกับอาเชอร์เพียงเล็กน้อย ดังนี้
I am the bone of my sword.
Steel is my body, and fire is my blood.
I have created over a thousand blades.
Unaware of loss.
Nor aware of gain.
Withstood pain to create many weapons.
Waiting for one's arrival.
I have no regrets, this is the only path.
My whole life was "Unlimited Blade Works."
บทบาทในเรื่อง
แก้ชิโร่ไม่ได้มีความสนใจในจอกศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย และไม่พอใจในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในการที่เขาเข้ามาพัวพันกับสงครามครั้งนี้เป็นเพราะเขาต้องการที่จะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์นี้มา เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองฟุยูกิต้องมีสภาพตกอยู่ในกองเพลิงขนาดใหญ่เหมือนกับเมื่อ 10 ปีก่อนอีกครั้ง ซึ่งในเรื่องนี้ตัวชิโร่เองจะพัฒนาการใช้เวทมนตร์สายเสริมความแข็งแกร่งให้กับวัตถุขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถสร้างวัตถุขึ้นมาจากจินตนาการได้ในที่สุด
แม้ว่าในเรื่องจะทำเนื้อเรื่องมาให้เกี่ยวข้องกับตัวของเขามากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องก็จะแตกต่างกันไปใน 3 บท
- ในบทเฟท เขาได้เลือกที่จะต่อสู้เพื่อความสงบสุข และจบลงที่เขายังคงยึดมั่นในคุณธรรมของเขาต่อไป
- ในบท UBW เขาได้เลือกที่จะทำตามอุดมการณ์ของเขาต่อไป และพร้อมที่จะเผชิญกับความผิดพลาดของเขาในอนาคตเหมือนกับอาเชอร์ โดยมีรินคอยเป็นกำลังใจให้เขา
- ในบท Heaven's Feel ในตอนจบเขาได้เลือกที่จะล้มเลิกอุดมการณ์ของเขา เพื่อแลกกับความสุขของซากุระ
ซึ่งทั้ง 3 บทของเรื่องนี้ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันในความรู้สึกของเขา คือเป็นเหมือนเด็กน้อยผู้ฝันถึงอุดมการณ์ เป็นเหมือนเด็กหนุ่มผู้ต้องการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจริง ทั้งการทำตามอุดมการณ์ และทำชีวิตจริงให้ดีที่สุด และเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่ยอมรับในอุดมการณ์ของเขาที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
อ้างอิง
แก้- ↑ "fate/stay night (TV)". Anime News Network. 2549. สืบค้นเมื่อ 2006-12-01.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น (help)