เบรนดัน ร็อดเจอส์
เบรนดัน ร็อดเจอส์ (อังกฤษ: Brendan Rodgers) เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1973 เป็นอดีตนักฟุตบอลและโค้ชทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ โดยล่าสุดเป็นอดีตผู้จัดการทีมของเลสเตอร์ซิตีในพรีเมียร์ลีก และเขายังเคยเป็นอดีตผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูล
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เบรนดัน ร็อดเจอส์ | ||
วันเกิด | 26 มกราคม ค.ศ. 1973 | ||
สถานที่เกิด | คาร์นล็อก, ไอร์แลนด์เหนือ | ||
ตำแหน่ง | กองหลัง | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1984–1987 | แบลลิมีนายูไนเต็ด | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
1987–1990 | แบลลิมีนายูไนเต็ด | 12 | (1) |
1990 | เรดดิง | 0 | (0) |
จัดการทีม | |||
2004–2008 | เชลซี (เยาวชน) | ||
2008–2009 | วอตฟอร์ด | ||
2009 | เรดดิง | ||
2010–2012 | สวอนซีซิตี | ||
2012–2015 | ลิเวอร์พูล | ||
2016–2019 | เซลติก | ||
2019–2023 | เลสเตอร์ซิตี | ||
2023– | เซลติก | ||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น |
ร็อดเจอส์เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลของเขากับการเป็นกองหลังของแบลลิมีนายูไนเต็ด ซึ่งเขาสังกัดอยู่จนย้ายไปลงนามกับสมาชิกชมรมคนชอบหงส์ ตอนอายุได้ 18 ปี หลังจากนั้นก็ประสบกับการบาดเจ็บหัวเข่าจนถึงขั้นต้องเลิกเล่นฟุตบอลเมื่ออายุ 20 เขายังคงอยู่กับ เรดดิ้ง โดยทำงานเป็นโค้ชให้กับทีม หลังจากที่ได้ไปศึกษาเทคนิคการโค้ชที่สเปนอยู่ระยะหนึ่ง เขาถูกเชิญให้เป็นผู้จัดการของทีมเยาวชนของเชลซีในปี ค.ศ. 2004 โดย โชเซ มูรีนโย และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมสำรองในปี ค.ศ. 2006
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2008 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมของวัตฟอร์ด และย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมเก่าซึ่งก็คือเรดดิ้งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 เขาออกจากสโมสรโดยความยินยอมร่วมกันหลังจากที่มีผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 และไปรับตำแหน่งผู้จัดการสวอนซีซิตี ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 ปีนี้เขานำสโมสรเลื่อนชั้นไปพรีเมียร์ลีกก่อนที่จะนำทีมจบที่อันดับ 11 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลต่อมา ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ร็อดเจอส์ได้ยอมรับข้อเสนอเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล [1]
ในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ทางลิเวอร์พูลได้ประกาศปลดร็อดเจอส์ออกจากผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการ[2]
ประวัติ
แก้ร็อดเจอส์ เกิดในเมืองคาร์นล็อก[3] กับพ่อและแม่ของเขาที่ชื่อ มาลาชีลาย และ คริสตีน่า,[4] ร็อดเจอส์เป็นลูกชายคนโตของคุณพ่อคุณแม่ของเขา ร็อดเจอส์จบจากมหาวิทยาลัยเซนต์แพทริกในเมืองแบลลิมีนา ร็อดเจอส์ชอบเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กโดยหลังจากเลิกเรียน เขาได้ไปฝึกซ้อมเล่นฟุตบอลใน สนามฟุตบอลเด็กเล่นแห่งหนึ่งในเมืองคาร์นล็อก
นักฟุตบอลอาชีพ
แก้แบลลิมีนายูไนเต็ด
แก้โดยในช่วงการเป็นนักฟุตบอลของร็อดเจอส์นั้นไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาเท่าไรนัก ซึ่งสโมสรที่เขาเล่นคือเขาได้เล่นให้กับแบลลิมีนายูไนเต็ด ในปี ค.ศ. 1987 โดยเล่นในตำแหน่งกองหลัง
ผู้จัดการทีมฟุตบอลอาชีพ
แก้ผู้จัดการทีมเยาวชน
แก้ชีวิตหลังจากเลิกเป็นนักฟุตบอล ร็อดเจอส์ก็ค้นพบตัวเองและมุ่งเน้นไปทางด้านผู้จัดการทีม โดยตัดสินใจบินไปศึกษาระบบเยาวชนของโคตรทีมแดนกระทิงดุอย่าง สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา และการได้ไปเรียนรู้งานที่แคว้นกาตาลุญญานั้น ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับลูวี ฟัน คาล ซึ่งเป็นกุนซือของบาร์เซโลนาในเวลานั้น และสิ่งที่ร็อดเจอส์สนใจเรียนรู้มากคือระบบโครงสร้างของทีมเยาวชนกับทีมชุดใหญ่ เนื่องจากบาร์เซโลนาขึ้นชื่อลือชาในการปั้นนักเตะระดับดาวรุ่งขึ้นสู่วงการลูกหนังระดับโลกได้ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2004 สมัยที่ โชเซ มูรีนโย กุนซือชาวโปรตุเกส ตัดสินใจย้ายจากทีมโปร์ตู มาคุมทีมเชลซี ทางด้าน เบรนดัน ร็อดเจอส์ ก็ได้รับโอกาสและทาบทามจากมูรีนโยให้เข้ามารับหน้าที่ดูแลระบบทีมเยาวชนของทีมเชลซีในรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี จนกระทั่งถึงปี 2006 ก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นโค้ชทีมสำรอง
สวอนซีซิตี
แก้หลังจากนั้นในปี 2010 ร็อดเจอส์ ก็ตอบตกลงไปเป็นผู้จัดการทีม สวอนซีซิตี และก็ทำผลงานได้ดี พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ได้ในปีแรกที่คุมทีม อีกทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวก็โชว์กึ๋นในการเป็นยอดกุนซือ โดยพาต้นสังกัด 'หงส์ขาว' สวอนซีซิตี จบอันดับ 11 ในตารางลีกสูงสุดของแดนผู้ดี ได้อย่างสง่าผ่าเผย แม้จะเพิ่งขึ้นชั้นมาเล่นได้เพียงปีเดียว รวมทั้งยังทำสถิติที่น่าสนใจคือเป็นทีมที่ ผ่านบอลสำเร็จเป็นอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีก โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นสูงถึง 83.1% เลยทีเดียว
ลิเวอร์พูล
แก้ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2012 ร็อดเจอส์เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ในฐานะผู้จัดการทีมเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยมาแทนที่การถูกปลดของ เคนนี ดัลกลิช อดีตตำนานของลิเวอร์พูลที่ทำได้แค่คว้าแชมป์ลีกคัพและจบอันดับ 8 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 โดยเกมแรกของร็อดเจอส์คือฟุตบอลอุ่นเครื่องกับ สโมสรฟุตบอลโทรอนโต ในอเมริกา ต่อมา ร็อดเจอส์ คุมทีมลิเวอร์พูลนัดแรกใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 ในนัดที่พ่าย เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 0-3 โดย 5 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เสมอ 2 แพ้ 3 ไม่ชนะใครเลย แต่ในนัดที่ 6 ร็อดเจอส์ ชนะนัดแรกในการคุมทีมลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก โดยชนะ นอริชซิตี 5-2 พร้อมกับแฮตทริก ของ หลุยส์ ซัวเรซ อีกด้วย[5] ต่อมา ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ร็อดเจอส์ ได้คุมทีมกลับมาเจอทีมเก่า สวอนซีซิตี ที่แอนฟีลด์ ในลีกคัพ รอบที่ 4 แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็พ่ายแพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ร็อดเจอส์ ได้พา ลิเวอร์พูล เข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย ในยูฟ่ายูโรปาลีก หลังจากพาทีมเอาชนะ อูดิเนเซ 1-0
ในฤดูกาล 2013–2014 ร็อดเจอร์ส ได้คว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมของพรีเมียร์ลีก หลังจากพาทีมชนะ 3 นัดแรกของฤดูกาล (ชนะ สโตกซิตี 1-0, ชนะ แอสตันวิลลา 1-0 และชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0) หลังจากนั้น ร็อดเจอร์ส พาทีมลิเวอร์พูลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ลิเวอร์พูลมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี
ช่วงเริ่มต้นในฤดูกาล 2015–2016 ร็อดเจอร์สทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรจากการเล่นในลีก 8 นัด โดยชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัดและแพ้ 2 นัด รวมถึงในยูโรปาลีกโดยเล่น 2 นัด ทำได้เพียงเสมอทั้ง 2 นัด โดยหลังจากการแข่งในลีกในศึกเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมตช์กับเอฟเวอร์ตันซึ่งมีขึ้นในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2015 มีผลการแข่งขันที่เสมอ 1-1 เมื่อการแข่งขันจบลงเพียง 1 ชั่วโมง จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของทีมลิเวอร์พูลกับ ทอม เวอร์เนอร์ ประธานสโมสร แถลงการณ์ในเชิงขอบคุณร็อดเจอร์สที่ทำผลงานอย่างเต็มที่ให้กับสโมสร และได้ประกาศยกเลิกสัญญากับร็อดเจอร์สอย่างเป็นทางการ[2] ทั้งที่เมื่อพิจารณาจากสถิติแล้ว ร็อดเจอร์สนำพาสโมสรคว้าชัยชนะในลีกเฉลี่ยร้อยละ 51.6 นับว่าสูงเป็นอันดับสองของผู้จัดการลิเวอร์พูลในยุคพรีเมียร์ลีก เป็นรองเพียงแค่ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ทำได้ร้อยละ 55.3 เท่านั้น แต่ทว่าเรื่องที่เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คือ การบริหารจัดการทีมโดยยอมปล่อยตัวผู้เล่นคนสำคัญหลายคนออกจากทีม และซื้อตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาหลายคน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งในบางครั้งในการจัดตัวผู้เล่นยังจัดให้เล่นในตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผู้เล่นผู้นั้นถนัดด้วย[6]
เกียรติประวัติ
แก้ผู้จัดการทีม
แก้- สวอนซีซิตี
- ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป รอบเพลย์ออฟ 1 สมัย (ชนะเลิศ): 2010-11
- เซลติก
- สกอตติชพรีเมียร์ชิป: 2016–17, 2017–18
- สกอตติชคัพ: 2016–17, 2017–18
- สกอตติชลีกคัพ: 2016–17, 2017–18, 2018–19
- เลสเตอร์ซิตี
รางวัลส่วนตัว
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ โอเค! "ร็อดเจอร์ส" เซ็นหงส์ 3 ปีเปิดตัวใน 24 ชม. เก็บถาวร 2012-06-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ 2.0 2.1 "หมดเวลา "หงส์" ตะเพิด "ร็อดเจอร์ส" สังเวยเจ๊าท็อฟฟี". ผู้จัดการออนไลน์. 5 October 2015. สืบค้นเมื่อ 5 October 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Ben Smith (30 May 2012). "Brendan Rodgers agrees deal to become Liverpool manager". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 30 May 2012.
- ↑ "Swansea City's Brendan Rodgers climbs Kilimanjaro". BBC News. 16 June 2011. สืบค้นเมื่อ 23 June 2011.
- ↑ "Norwich 2 - 5 Liverpool". BBC Sport. 29 September 2012. สืบค้นเมื่อ 29 September 2012.
- ↑ "Art Corner : ชายผู้เดินจากอย่างเดียวดาย". goal.com. 6 October 2015. สืบค้นเมื่อ 5 October 2015.
- ↑ "LMA MEMBERS CHOOSE BRENDAN RODGERS FOR LMA MANAGER OF THE YEAR AWARD, SPONSORED BY BARCLAYS". LMA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-03. สืบค้นเมื่อ 12 May 2014.
- ↑ "รายชื่อผู้ได้รับรางวัล Players' Awards Dinner 2014". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-09. สืบค้นเมื่อ 2014-05-17.
- ↑ "ซัวเรซกวาด 3 รางวัล ในงานประกาศรางวัลสโมสรลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-07-05.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- LFC History Profile
- ESPN Profile เก็บถาวร 2013-02-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน