ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 –​ 29​ มิถุนายน​ พ.ศ.​ 2566) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

อรุณ สวัสดี
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา
ดำรงตำแหน่ง
24 มีนาคม พ.ศ. 2562 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2566
ก่อนหน้าชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว
ถัดไปชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505
เสียชีวิต29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 (61 ปี)
พรรคการเมืองพลังประชารัฐ (2561—2566)
รวมไทยสร้างชาติ (2566)
คู่สมรสลดารัตน์ สวัสดี

ประวัติ

แก้

ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 เป็นบุตรของนายดวน และนางเจียม สวัสดี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการบัญชี จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง[1] สมรสกับนางลดารัตน์ สวัสดี มีบุตร 4 คน

ร้อยตำรวจเอก อรุณ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 สิริอายุรวม 61 ปี

การทำงาน

แก้

ร้อยตำรวจเอก อรุณ เคยเป็นตำรวจตระเวนชายแดน 6 ปี ก่อนที่จะลาออกจากราชการ หันไปทำธุรกิจตลาดค้าขายอยู่ที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะตัดสินใจกลับอยู่บ้านเกิดด้วยการดำรงอาชีพเกษตรกรรมในท้ายที่สุด[2]

งานการเมือง

แก้

ร้อยตำรวจเอก อรุณ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยสามารถเอาชนะนายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว จากพรรคประชาธิปัตย์ ไปได้ และได้รับเลือกตั้งเพียงสมัยเดียว

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้

ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 1 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี
  2. "'ผู้กองอรุณ'ว่าที่ส.ส.เขต 4 เร่งแก้4ปัญหาคาบสมุทรสทิงพระ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-20. สืบค้นเมื่อ 2019-09-20.
  3. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๕, เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๖, ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๑๒, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔