มายฮาร์ตวิลโกออน
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
"มายฮาร์ตวิลโกออน" (อังกฤษ: My Heart Will Go On) เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2540 และ โบบอยบอย เดอะมูฟวี่ ออกฉายในปี พ.ศ. 2559 เพลงนี้เป็นผลงานการเรียบเรียงดนตรีของเจมส์ ฮอร์เนอร์ ในส่วนของคำร้องเป็นผลงานการประพันธ์ของวิล เจนนิงส์ ขับร้องโดยเซลีน ดิออน นักร้องสาวชาวแคนาดา ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเพลงนี้ได้บรรจุลงในอัลบั้มของเซลีน ดิออน เล็ทส์ทอคล์อะเบาท์เลิฟ และเพลงนี้ก็ขึ้นสู่อันดับ 1 ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย "มายฮาร์ตวิลโกออน" วางจำหน่ายในออสเตรเลีย และเยอรมัน ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2540 และส่วนอื่น ๆ ของโลกในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541
"มายฮาร์ตวิลโกออน" | ||||
---|---|---|---|---|
ภาพปกซิงเกิล "มายฮาร์ตวิลโกออน" | ||||
ซิงเกิลโดยเซลีน ดิออน | ||||
จากอัลบั้มเล็ตส์ทอล์กอะเบาต์เลิฟ และ OST.ไททานิค | ||||
วางจำหน่าย | 8 ธันวาคม พ.ศ. 2540 | |||
แนวเพลง | ป๊อป | |||
ค่ายเพลง | โคลัมเบีย, อีพิก | |||
ผู้ประพันธ์เพลง | เจมส์ ฮอร์เนอร์, วิลล์ เจนนิงส์ | |||
โปรดิวเซอร์ | วอลเตอร์ อฟานาเซฟฟ์, เจมส์ ฮอร์เนอร์, ไซมอน แฟรงเลน | |||
ลำดับซิงเกิลของเซลีน ดิออน | ||||
| ||||
ภาพปกเพิ่มเติม | ||||
แอตเอดะมูฟวีอีพี (สหราชอาณาจักร) | ||||
ภาพปกเพิ่มเติม | ||||
ฉบับรีมิกซ์ | ||||
ภาพปกเพิ่มเติม | ||||
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2540 เพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" ขึ้นทำเนียบชาร์ตยูไนเต็ดเวิลด์เป็นเพลงลำดับที่ 14 ที่ประสบความสำเร็จในประวัติ และยังเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จอันดับ 2 ที่ขับร้องโดยนักร้องหญิงภายหลังเพลงของวิทนีย์ ฮูสตัน ในเพลง "ไอวิลออลเวย์สเลิฟยู" (อังกฤษ: I Will Always Love You)
ประวัติ
แก้แต่เดิมนั้นเจมส์เรียบเรียงทำนองเพลงนี้ขึ้นในแบบเป็นบรรเลงเท่านั้น เพื่อที่จะใช้ประกอบฉากต่าง ๆ ในภาพยนตร์เรื่อง ไททานิก ต่อมาเขาต้องการทำเพลงนี้เต็มรูปแบบพร้อมคำร้อง เพื่อที่จะใช้ประกอบส่วนแสดงรายชื่อผู้จัดทำภาพยนตร์ (End Credit) ของเรื่องนี้ แต่เจมส์ คาเมรอน (อังกฤษ: James Cameron) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไม่ต้องการให้ทำนองเพลงนี้มีผู้ขับร้อง แต่กระนั้นเจมส์ก็ยังทำต่อไป และให้วิล เจนนิงส์ประพันธ์คำร้องขึ้น และเซลีน ดิออน คือศิลปินคนแรกที่เจมส์ต้องการให้ร้องเพลง เมื่อเซลีนได้ฟังทำนองเพลงแล้ว เซลีนไม่ต้องการร้องเพลงนี้ เรอเน อองเชลลิล ผู้จัดการส่วนตัวหรือสามีของเธอ ทำให้เธอเชื่อและบันทึกฉบับตัวอย่างสำหรับเพลงนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อน เจมส์ ฮอร์เนอร์รอจนกระทั่งเจมส์ คาเมรอน อารมณ์ดีก่อนที่จะเสนอเพลงนี้ให้เขาฟัง เพลงนี้บันทึกเสียงเพียงครั้งเดียวโดยปราศจากทำนองบรรเลงประกอบขณะบันทึกเสียง เจมส์, เซลีน และทางโซนี่ มิวสิก ตัดสินใจร่วมกันเลือกการบันทึกเสียงครั้งแรกของเซลีน เพราะเสียงของเซลีนนั้นไร้ที่ติ อย่างไรก็ตาม ในการบันทึกเสียงทั้ง 2 ครั้งนั้น มีจุดแตกต่างในท่อน "My heart will go on and on" และ "And I know that my heart will go on"[ต้องการอ้างอิง]
มิวสิกวิดีโอเพลงนี้อำนวยการสร้างโดย Bille Woodruff และเผยแพร่ช่วงท้ายปี พ.ศ. 2540 ซึ่งต่อมาได้รวมอยู่ใน ออลเดอะเวย์... อะดิเคดออฟซองแอนด์วิดีโอ
นอกจากอัลบั้ม เล็ตส์ทอล์กอะเบาต์เลิฟ ของเซลีน ดิออน และอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องไททานิกแล้ว เพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" ได้รับการบรรจุในอีกหลายๆอัลบั้ม รวมไปถึงอีก 4 อัลบั้มต่อมาของเซลีน ดิออน อูร์เกอร์ดูสตาด, ออลเดอะเวย์... อะดิเคดออฟซอง, อะนิวเดย์... ไลฟ์อินลาสเวกัส และ มายเลิฟ: เอสเซนเชียลคอลเลกชัน
ในฝรั่งเศสซิงเกิลเพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" ออกจำหน่ายรูปแบบดับเบิลเอไซด์คู่กับเพลง "เดอะรีซัน"
ในปี 2016 เพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" ได้เข้ามาโลดแล่นเป็นเพลงแนวบรรเลงและเพลงตอนจบในภาพยนตร์เรื่อง "BoBoiBoy The Movie" (ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ) โดยเพลงบรรเลงจะเล่นเป็นแนวกล่องดนตรีซึ่งจะเล่นในฉากเศร้าตอนที่โบบอยบอยร่ำร้องไห้กอดโอโชบอต (หุ่นยนต์สีเหลือง) และเพลงตอนจบจะเล่นเป็นแนวจริงเหมือนเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ไททานิก
ความสำเร็จในชาร์ต
แก้"มายฮาร์ตวิลโกออน" เป็นหนึ่งในเพลงยอดนิยมของเซลีน ดิออน และหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุด เพลงนี้ติดชาร์ตอันดับ 1 ทั่วโลก รวมถึงชาร์ตยูไตเต็ดเวิลด์ แม้ว่าในสหรัฐอเมริกา เพลงนี้ขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงยอดนิยม 100 เพลงของบิลบอร์ดถึง 2 สัปดาห์ และอยู่บนชาร์ตฮอตแอร์เพลย์ของบิลบอร์ดในอันดับที่ 1 นานกว่า 10 สัปดาห์ นอกจากนี้ เพลงนี้ยังขึ้นชาร์ตดับดับหนึ่งถึง 2 สัปดาห์ในชาร์ตซิงเกิลขายดี 100 แผ่น ซึ่งมียอดขายกว่า687,000 ชุด ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซิงเกิลนี้ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำในสหรัฐอเมริกา
ในเยอรมันเพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" มียอดขายกว่า 2,000,000 ชุดและรับรางัวลแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 4 แผ่น และขายได้กว่าล้านชุดในสหราชอาณาจักร (1,312,551 แผ่น) และในฝรั่งเศส (1,197,000 แผ่น) และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 2 แผ่น และไดมอนด์ ตามลำดับ นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลอื่นๆ อาทิ แผ่นเสียงทองคำขาว 3 แผ่นในเบลเยี่ยม (150,000 แผ่น) , แผ่นเสียงทองคำขาว 2 แผ่นในออสเตรเลีย (140,000 แผ่น) , เนเธอร์แลนด์ (150,000 แผ่น) , นอร์เวย์ (40,000 แผ่น) , สวิตเซอร์แลนด์ (100,000 แผ่น) , แผ่นเสียงทองคำขาวในกรีซ (40,000 แผ่น) และแผ่นเสียงทองคำในออสเตรีย (25,000 แผ่น) เพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" ออกจำหน่ายในญี่ปุ่น 2 ครั้งกล่าวคือ แบบธรรมดาเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 ยอดขาย 205,300 ชุด ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 2 แผ่น (200,000 แผ่น) ออกจำหน่ายอีกครั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541 ยอดขาย 111,920 ชุด และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ (100,000 แผ่น)
ในแคนาดา ซิงเกิลนี้วางจำหน่ายแบบนำเข้าเท่านั้น และอันดับสูงสุด 14 ยิ่งไปกว่า เพลงนี้กลายเป็น 1 ในซิงเกิลนำเข้าที่อยู่ในอันดับชาร์ตสูงสุด ในนิวซีแลนด์ เพลง "มายฮาร์ตวิลโกออน" เผยแพร่ในวิทยุ ไม่มีซิงเกิลเพื่อการค้า และอันดับสูงสุดในชาร์ตคืออันดับที่ 34 และอยู่ในอันดับหนึ่งของชาร์ตออร์ริคอนของญี่ปุ่นอีกด้วย
รางวัลและเกียรติยศ
แก้"มายฮาร์ตวิลโกออน" ได้รับรางวัล Academy Award รางวัล Best Original Song ในปี 1997 และได้รับการเสนอชื่อ Grammy Awards ปี 1999 ชนะเลิศ Record of the Year, Song of the Year, Best Female Pop Vocal Performance และ Best Song Written Specifically รางวัล Motion Picture หรือ Television "My Heart Will Go On" ชนะรางวัล Golden Globe Award ปี 1998 รางวัลอื่น ๆ ได้แก่ Billboard Music Award สำหรับ Soundtrack Single of the Year, Blockbuster Entertainment Award รางวัล Favourite Song from a Movie, Billboard Latin Award รางวัล First English-language Song to Top Billboard's Hot Latin Tracks Chart, Japan Record Award รางวัล Special Achievement และ Japanese Gold Disc Award รางวัล Song of the Year.
เพลงนี้ยังเป็น 1 ใน 50 เพลงรักยอดนิยมอันดับ 3 ในปี 2006
อิทธิพลของบทเพลง
แก้หลังจากเพลงนี้เป็นที่นิยมไปทั่วโลก สตูดิโอภาพยนตร์ และค่ายเพลงต่าง ๆ พยายามจำลองผลของเพลง แม้ว่าจะมีบทเพลงจากภาพยนตร์มากมายที่ได้รับความนิยมก่อน "มายฮาร์ตวิลโกออน" ต่อมาทำนองเพลงแนวคล้ายคลึงกันได้ออกจำหน่าย เช่น เพลงของ Aerosmith "I Don't Want to Miss a Thing" จากภาพยนตร์เรื่อง Armageddon และเพลงของ Faith Hill "There You'll Be" จาก Pearl Harbor แม้ว่าบทเพลงดังกล่าวได้รับความนิยม แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าซิงเกิลเพลง "My Heart Will Go On "
Horner พูดกับตนเองถึงวิธีที่สร้างบทเพลง สำหรับภาพยนตร์รัก เช่น A Beautiful Mind, Bicentennial Man และ The Perfect Storm
เพลงนี้ยังได้ขับร้องใหม่โดย วิททอริโอ กริโกโล่ ในปี 2007 อัลบั้ม In The Hands Of Love
ผลิตภัณฑ์ของเพลงมายฮาร์ตวิลโกออน
แก้เพลงนี้ได้แปลงเพลงมาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่ออกแบบเพลง "My Heart Will Go On " ดังนี้
1. กล่องดนตรี : บริษัทแบรนด์ที่ออกแบบเพลงโดย ซันเกียว ญี่ปุ่น (Sankyo) และ รูดส์ มิวสิค สวิชเซอร์แลนด์ (Reuge Music) ได้พัฒนาออกแบบเพลง มายฮาร์ตวิลโกออน ลงในกล่องดนตรี ตั้งแต่ปี 2007 โดยจะตั้งคีตลักษณ์แต่ละท่อนเพลงไม่เหมือนกันและแต่ละแบรนด์จะผลิตได้ทุกรูปแบบของโน๊ตตั้งแต่ 18 โน๊ต, 30 โน๊ต, 50 โน๊ต และ 72 โน๊ต
2. นาฬิกาแขวนรุ่น Melodies in Motion Clocks : บริษัทแบรนด์ที่ออกแบบเพลงโดย ไซโก้ (Seiko), ริทั่ม (Rhythm) ได้พัฒนาออกแบบเพลง มายฮาร์ตวิลโกออน ลงในนาฬิกาแขวนรุ่น Melodies in Motion Clocks ตั้งแต่ปี 2005 โดยจะตั้งคีตลักษณ์แต่ละท่อนเพลงไม่เหมือนกันและแต่ละแบรนด์จะผลิตได้ทุกรูปแบบของแต่ละเรือนและรุ่นขึ้นอยู่กับการผลิต[1]
รูปแบบจำหน่ายและรายชื่อเพลง
แก้- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "Rose" (instrumental) – 2:52
- "My Heart Will Go On" (soundtrack version) – 5:11
- "Have a Heart" – 4:12
- "Nothing Broken But My Heart" – 5:55
- "Where Does My Heart Beat Now" – 4:32
- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "Because You Loved Me" – 4:33
- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "Because You Loved Me" – 4:33
- "When I Fall in Love" – 4:19
- "Beauty and the Beast" – 4:04
- "My Heart Will Go On" (album version) – 4:40
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran mix) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (album version) – 4:40
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran mix) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones mix) – 4:15
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution) – 4:18
- "The Reason" – 5:01
- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "Southampton" – 4:02
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran mix) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones mix) – 4:15
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution) – 4:18
- "Misled" (The Serious mix) – 4:59
- "Love Can Move Mountains" (Underground vocal mix) – 7:10
- "My Heart Will Go On" – 4:40
- "Beauty and the Beast" – 4:04
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran mix) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones mix) – 4:15
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution) – 4:18
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones unsinkable club mix) – 10:04
- "My Heart Will Go On" (Matt & Vito's unsinkable epic mix) – 9:53
4-track CD-single - (BR)
- "My Heart Will Go On" (Cuca's radio edit) – 4:22
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran's anthem edit) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones unsinkable edit) – 4:15
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran's anthem vocal) – 9:41
ฉบับอย่างเป็นทางการ
แก้- "My Heart Will Go On" (Richie Jones mix) – 4:15
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones love go on mix) – 4:58
- "My Heart Will Go On" (Richie Jones go on beats) – 5:10
- "My Heart Will Go On" (Riche Jones unsinkable club mix) – 10:04
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran mix) – 4:21
- "My Heart Will Go On" (Tony Moran's anthem vocal) – 9:41
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution bonus beats) – 3:31
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution) – 4:18
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution percapella) – 4:16
- "My Heart Will Go On" (Soul Solution drama at the sea) – 8:54
- "My Heart Will Go On" (Matt & Vito's penny whistle dub) – 3:23
- "My Heart Will Go On" (Matt & Vito's unsinkable epic mix) – 9:53
- "My Heart Will Go On" (Cuca's radio edit) – 4:22
- "My Heart Will Go On" (movie dialogue) – 4:41
- "My Heart Will Go On" (soundtrack version) – 5:11
- "My Heart Will Go On" (album version) – 4:40
- "My Heart Will Go On" (alternate orchestra version) - 5:19
- "My Heart Will Go On" (TV track) – 3:12
- "My Heart Will Go On" (no lead vox) – 4:41
ชาร์ต
แก้
|
|
- ↑ "Seiko Melodies in Motion Clock Song List". www.courtneyscandles.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-09. สืบค้นเมื่อ 2021-07-03.