เจิ่น เหละ ซวน (เวียดนาม: Trần Lệ Xuân; 22 สิงหาคม ค.ศ. 1924[2] – 24 เมษายน ค.ศ. 2011) เป็นที่รู้จักในนาม มาดามญู เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง "โดยพฤตินัย" ของเวียดนามใต้ช่วง ค.ศ. 1955–1963 เป็นภรรยาของโง ดิ่ญ ญู น้องชายและหัวหน้าที่ปรึกษาของโง ดิ่ญ เสี่ยม ประธานาธิบดีประเทศเวียดนามใต้

เจิ่น เหละ ซวน
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเวียดนามใต้
ดำรงตำแหน่ง
26 ตุลาคม ค.ศ. 1955 – 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963
ประธานาธิบดีโง ดิ่ญ เสี่ยม
ถัดไปมาดามเหงียน กาว กี่
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด22 สิงหาคม ค.ศ. 1924(1924-08-22)
ฮานอย อินโดจีนของฝรั่งเศส
เสียชีวิต24 เมษายน ค.ศ. 2011(2011-04-24) (86 ปี)[1]
โรม ประเทศอิตาลี
ศาสนาโรมันคาทอลิก (เดิม ศาสนาพุทธ)
พรรคการเมืองเกิ่นลาว
คู่สมรสโง ดิ่ญ ญู (สมรส 1943–1963) เขาเสียชีวิต
บุตร
ญาติ
ศิษย์เก่าวิทยาลัยอาลแบร์ ซาร์โร
ลายมือชื่อ

เจิ่น เหละ ซวน เกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในฮานอย ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ปู่ของเธอทำงานใกล้ชิดกับผู้ปกครองอาณานิคม ส่วนบิดาชื่อเจิ่น วัน เจือง สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากฝรั่งเศส[3] และดำรงตำแหน่งเลขานุการต่างประเทศคนแรกของดินแดนอินโดจีนในอาณัติของญี่ปุ่น[4] ส่วนมารดาชื่อเทิน ถิ นาม เจิน เป็นเชื้อพระวงศ์[5] เธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยอาลแบร์ ซาร์โร ซึ่งเป็นโรงเรียนภาษาฝรั่งเศสในฮานอย เธอสนใจในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ชอบการขับร้องเพลงบรรยายธรรมชาติป่าเขาของฝรั่งเศส ต่อมาเธอตั้งเป้าประสงค์ในการเรียนนี้เพื่อขจัดความเป็นเวียดนามและทำให้ตนเป็นหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่เพรียบพร้อม[6] ซึ่งนโยบายของโรงเรียนฝรั่งเศสในเวียดนามคือการอ้างตัวเป็นผู้เจริญแล้ว (คือเป็นอารยะ) มาพัฒนาคนเวียดนามให้เป็น "คนฝรั่งเศสผิวเหลือง" เพราะการเป็นคนเวียดนามนั้นเป็น "อนารยชน" หลังเธอหยุดเรียนและออกจากโรงเรียน เหละ ซวนพูดภาษาฝรั่งเศสในบ้านและเขียนภาษาเวียดนามไม่ได้เลย จนเธอโตขึ้นจึงเริ่มร่างสุนทรพจน์ฝรั่งเศสและแปลออกเป็นภาษาเวียดนาม[3]

ครั้นจำเริญวัยขึ้น มารดาก็แนะนำชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติดีหลายคนแก่เธอ แต่เหละ ซวนชอบโง ดิ่ญ ญู ชายผู้มีอายุมากกว่าเธอ 14 ปี และเรียกเธอว่า "หลานสาว" ตามธรรมเนียมเวียดนาม[7] ทั้งสองหมั้นหมายกันใน ค.ศ. 1940[8] และสมรสกันใน ค.ศ. 1943 เมื่ออายุได้ 18 ปี[9] เดิมเคยนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ก่อนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลังการสมรสกับสามี[8] เธอมีบทบาททางการเมืองอยู่เนือง ๆ หลังโง ดิ่ญ เสี่ยม ขึ้นเป็นประธานาธิบดีซึ่งครองโสด และรายล้อมไปด้วยองครักษ์ "มีแต่คนหล่อ ๆ รอบตัวเขา"[10] เหละ ซวน หรือมาดามญูในฐานะน้องสะใภ้ผู้มีทักษะทางสังคมต่ำ จึงดำรงตำแหน่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอย่างไม่เป็นทางการ[3][10] เธอมักผสานความเชื่อคาทอลิกที่เธอนับถือกับลัทธิพื้นบ้านเพื่อสร้างเรื่องราวแก่ตนเอง เช่น เธออ้างตัวว่าเป็นพี่น้องตระกูลจึง ซึ่งเป็นวีรสตรีเวียดนามผู้ต่อต้านการรุกรานของจีน กลับชาติมาเกิด[3] และโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตศาสนาพุทธ มาดามญูเป็นที่รู้จักจากการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงและไม่เหมาะสมกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยกลุ่มชาวพุทธหลายครั้ง เช่น "หากพระรูปไหนทำบาร์บีคิวให้เห็นอีก ฉันจะปรบมือให้ พร้อมถวายไฟแช็กและน้ำมันให้" ที่กล่าวถึงกรณีพระทิก กว๋าง ดึ๊ก[11] และ "ช่างน่าอายเสียเหลือเกินที่เห็นคน [ผู้นำชาวพุทธ] ไร้มารยาท อ้างตัวว่าจะเป็นผู้นำ"[12] แต่หลังโง ดิ่ญ ญู สามี และโง ดิ่ญ เสี่ยม พี่เขย ถูกลอบสังหารใน ค.ศ. 1963 เธอจึงลี้ภัยไปประเทศฝรั่งเศส และเสียชีวิตที่ประเทศอิตาลี[1]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 (ในภาษาเวียดนาม) "Bà Trần Lệ Xuân qua đời". BBC News. 24 April 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-04-25.
  2. Joseph R. Gregory (26 April 2011). "Madame Nhu, Vietnam War Lightning Rod, Dies". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 26 April 2011.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Karnow, pp. 280–284
  4. Lacouture, p. 79.
  5. J. Lacouture, Vietnam: Between Two Truces, p. 79
  6. Demery, p. 33.
  7. Prochnau, pp. 122–23.
  8. 8.0 8.1 Demery, p. 37
  9. Jones, p. 293
  10. 10.0 10.1 Demery, p. 98.
  11. Langguth, p. 216
  12. Jones, p. 266

ข้อมูล

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้