พิชิตพงษ์ เฉยฉิว

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม	พิชิตพงษ์ เฉยฉิว
วันเกิด	28 สิงหาคม ค.ศ. 1982 (42 ปี)
สถานที่เกิด	ยโสธร, ประเทศไทย
ส่วนสูง	1.70 m (5 ft 7 in)
ตำแหน่ง	กองกลางตัวรับ
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน	จันทบุรี (ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอน)
สโมสรเยาวชน
1999–2001	ธนาคารกรุงไทย
สโมสรอาชีพ*
ปี	ทีม
2002–2008	ธนาคารกรุงไทย
2009–2013	เมืองทอง ยูไนเต็ด
2014–2016	เชียงราย ยูไนเต็ด
2017	บีอีซี-เทโรศาสน
2018–2019	เชียงใหม่ เอฟซี
2020–2021	แพร่ ยูไนเต็ด
2022	สมุทรปราการ ซิตี้
รวม
ทีมชาติ
2002–2013	ไทย
จัดการทีม
2021	แพร่ ยูไนเต็ด (รักษาการ)
2022	แพร่ ยูไนเต็ด
2022–2023	เมืองเลย ยูไนเต็ด
2023–2024	โรงสีแม่ใจธนะโชติวัฒน์ พะเยา
เกียรติประวัติ
ฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ซีเกมส์
	*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

พิชิตพงษ์ เฉยฉิว (เกิด 28 สิงหาคม พ.ศ. 2525) อดีตนักฟุตบอล ทีมชาติไทย ในตำแหน่งกองกลาง ปัจจุบันทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับจันทบุรี ในไทยลีก 2^[1]

ก่อนหน้านี้พิชิตพงษ์กลับมาเตะฟุตบอลให้กับสมุทรปราการ ซิตี้ ในไทยลีก 2 อีกครั้งหลังจากที่ได้แขวนสตั๊ด เขามีชื่อเล่นว่า โต้ง แต่เพื่อนๆชอบเรียกว่า แป๊ะ

ชีวิตส่วนตัว

พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เกิดวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2525 ที่ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร มีน้องชาย 1 คน เข้ารับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนชุมชนบ้านนากอกหนองบก และศึกษาต่อในชั้นมัธยมที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีจนจบ ม.6 เคยศึกษาระดับอุดมศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แต่ภายหลังได้ลาออกตอนอยู่ชั้นปีที่ 5 ปัจจุบันศึกษาที่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ปลายปี 2550 พิชิตพงษ์ เฉยฉิวเข้าพิธีแต่งงานกับนริศรา มหาวันที่ จังหวัดเชียงราย และทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีบุตรสาว 1 คน คือน้องสตางค์ ด.ญ.เตชิตา เฉยฉิว

การเล่นฟุตบอล

ธนาคารกรุงไทย

พิชิตพงษ์ เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรธนาคารกรุงไทยเมื่อจบชั้นม.4 และลงแข่งขันเยาวชนควีนส์คัพโดยได้รองแชมป์ 2 สมัย จากนั้นได้เลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่จนประสบความสำเร็จได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกันในเวลาต่อมา

หลังจากที่เคยคว้าแชมป์กับทีมนักเรียนไทยมาแล้ว พิชิตพงษ์ เฉยฉิวก็ก้าวไปติดทีมชาติชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่มาเลเซียพร้อมกับคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จก่อนจะป้องกันแชมป์ได้ในซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ที่เวียดนาม และซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ฟิลิปปินส์ซึ่งทำให้ได้แชมป์ซีเกมส์3สมัยติดต่อกันของตัวเขาเอง จนได้เล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอในที่สุด

พิชิตพงษ์ เฉยฉิวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันคิงส์คัพ ปี 2544 แต่ทำได้แค่คว้าอันดับ3 จากนั้นก็ติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นระยะๆแต่ก็เป็นเพียงตัวสำรองเสียส่วนมาก จนมาถึงยุคของปีเตอร์ รีดจึงได้ลงเล่นเป็นตัวจริงค่อนข้างสม่ำเสมอ

เมืองทอง ยูไนเต็ด

หลังจบไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2551 สโมสรธนาคารกรุงไทยที่เพิ่งคว้าอันดับ6ในลีก ประสบกับปัญหาการไม่สามารถจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ ตามข้อกำหนดของเอเอฟซี จึงได้ทำการยุบทีม พิชิตพงษ์ เฉยฉิวจึงย้ายมาเล่นให้กับเมืองทอง ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2552 และลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกนัดแรกให้ต้นสังกัดใหม่ในวันที่ 8 มีนาคม 2552 ในเกมส์ที่เปิดบ้านเอาชนะการท่าเรือไทยไป 3-0 ซึ่งเขาไปคนเปิดบอลให้ซูมาโฮโร่ ยาย่ากองหน้าของทีมโหม่งประตูที่สาม และเขายิงประตูแรกให้สโมสรได้ในวันที่ 15 มีนาคม 2552 ซึ่งเป็นการพบกับทีมราชนาวี-ระยองในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกที่สนามธันเดอร์โดม โดยเป็นการยิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนจะชนะไป 2-1 โดยทั้งฤดูกาลเขายิงประตูในลีกได้ทั้งสิ้น 3ประตู และพาทีมคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกได้ในที่สุด โดยการคว้าแชมป์ลีกครั้งนี้เป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสรต้นสังกัดและเป็นแชมป์ลีกครั้งที่ 3 ของตัวเขาเอง.

ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 พิชิตพงษ์สามารถทำประตูแรกในฤดูกาล 2555 ได้นัดที่เมืองทองชนะสโมสรการท่าเรือไทย 5-1. ประตูที่สองคือในนัดที่เมืองทองไปเยือนโอสถสภาเอ็ม 150 สระบุรี ซึ่งเมืองทองบุกไปชนะ 2-1 จากประตูของ มารีโอ ยูโรฟสกี และ ลูกยิงของพิชิตพงษ์.ประตูที่สามเกิดขึ้นในนัดที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะสโมสรฟุตบอลชลบุรีไปสกอร์ 2-0.ประตูที่สี่คือในนัดที่เมืองทองบุกไปชนะ สโมสรฟุตบอลอินทรีเพื่อนตำรวจได้ 2-1.แล้วประตูที่ 5 ก็ยิงติดต่อจากนัดที่ผ่านมาคือนัดที่เมืองทองแซงเอาชนะสโมสรฟุตบอลพัทยา ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 ซึ่งเป็นประตูสุดท้ายของเขาในฤดูกาล 2555 แล้วเขาก็ได้แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 กับเมืองทอง และเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 5 ในการเล่นฟุตบอลสโมสรของเขา

ต่อมาใน ฤดูกาล 2556 พิชิตพงษ์ทำประตูได้ใน โตโยต้า ลีกคัพ 2556 ในรอบ 64 ทีมสุดท้ายโดยเมืองทองบุกไปชนะสโมสร กรุงธนบุรี เอฟซี 1-0 จากประตูชัยของเขา