บุปผา สายชล
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
บุปผา สายชล (13 เมษายน พ.ศ. 2490 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533) เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังในครั้งอดีตที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และนอกจากจะมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากมายหลายสิบเพลงแล้ว ก็ยังมีผลงานทางด้านการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง
บุปผา สายชล | |
---|---|
บุปผา สายชล สมัยเยาว์วัย | |
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 13 เมษายน พ.ศ. 2490 |
เสียชีวิต | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 (43 ปี) จังหวัดชลบุรี |
คู่สมรส | ศรีไพร ใจพระ สิงหา สุริยงค์ |
บุตร | 2 คน |
อาชีพ | นักร้อง นักแสดง |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2504 - 2533 (29 ปี) |
ผลงานเด่น | "บุปผา" จาก มนต์รักลูกทุ่ง (2513) |
ประวัติ
แก้บุปผา สายชล มีชื่อจริงว่า สงกรานต์ พยนต์เลิศ เพราะเกิดในช่วงประเพณีสงกรานต์ คือเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2490 มีชื่อเล่นว่า เล็ก เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 6 คนของนายสายพิณ พยนต์เลิศและนางบุญมี พยนต์เลิศ บิดามารดาเป็นเจ้าของคณะลิเกชื่อสายพิณวัฒนาและมีอาชีพทำนาอยู่ที่ ตำบลมาบโป่ง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี โดยบุปผา สายชล มีพี่น้อง 6 คน ได้แก่
- นายมงคล พยนต์เลิศ
- นางสงกรานต์ พยนต์เลิศ (บุปผา สายชล)
- นายสินพร พยนต์เลิศ
- นายสัมพันธ์ พยนต์เลิศ
- นางโสภา ปิ่นมณี
- นางณัฐวดี จุลละบุษปะ
เข้าสู่วงการ
แก้สงกรานต์ หรือเล็ก เธอเล่นลิเกในคณะสายพิณวัฒนาของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่จะรับบท กัณหา-ชาลี เล่นคู่กับพี่ชาย โดยเธอชื่นชอบการร้องเพลง เข้าสู่วงการด้วยการเป็นร้องร้องเชียร์รำวง ก่อนจะเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเต็มตัวเมื่ออายุ 14 ปี (ปี พ.ศ.2504) จากการชักชวนของ สุชาติ เทียนทอง โดยได้มาอยู่กับวงจุฬารัตน์ ของครูมงคล อมาตยกุล และได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกชื่อ “ แก้มนวล “ แก้กับเพลง “ หอมหวน “ ของโฆษิต นพคุณ ที่แต่งโดยชาย เมืองสิงห์ ทั้งสองเพลง และได้รับชื่อในการเป็นนักร้องว่า บุปผา สายชล หลังจากนั้นเธอได้มีโอกาสบันทึกเสียงอีก 2 เพลงคือเพลง "จดหมายจุ่มน้ำผึ้ง" และ "ยิ้มทั้งน้ำตา" ซึ่งทั้งสองเพลงเป็นผลงานของครูไพบูลย์ บุตรขัน รวมแล้วเธอได้บันทึกเสียงไว้กับวงดนตรีจุฬารัตน์เพียง 3 เพลง
มีชื่อเสียง
แก้อยู่กับวงจุฬารัตน์ 4 ปี แต่ได้บันทึกเสียงเพียง 3 เพลง ถือว่าน้อยมาก ทำให้ตอนที่ออกไปแสดงหน้าเวที ต้องหยิบยืมเพลงของ ดวงใจ เมืองสิงห์ไปขับร้อง แต่ปรากฏว่าเธอร้องได้ดีกว่าเจ้าของเพลง ทำให้ชาย เมืองสิงห์ ไม่ค่อยกล้าป้อนเพลงให้ ทำให้เธอและคนที่ส่งเสริมเธอถึงกับออกปากบ่นว่าโอกาสเกิดยากมาก ทำให้เธอนำปัญหานี้ไปปรึกษากับ ศรีไพร ใจพระ โฆษกประจำวงดนตรีจุฬารัตน์บ่อย ๆ จึงทำให้เกิดความสนิทสนมกัน จังหวะเดียวกับในปี พ.ศ. 2508 ศรีไพร ใจพระ ออกจากวงจุฬารัตน์ไปตั้งวงเป็นของตัวเอง ชื่อวง “กระดิ่งทอง” จึงชวนเธอออกไปร่วมวงด้วย เธอเห็นว่าน่าจะมีโอกาสดีกว่า จึงลาออกจากวงจุฬารัตน์ ก็ไปอยู่กับวงศรีไพร ใจพระ และต่อมาได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน มีนักร้องหลานท่านร่วมวง เช่น ดาว มรกต หรือ สรวง สันติ, น้ำผึ้ง บริบูรณ์, แดน สนธยา (แดนชัย สนธยา) โดยทั้ง 3 ท่านนี้มาจากวงดนตรีพิพัฒน์ บริบูรณ์, แสงจันทร์ ดาวลอย (ก่อนมาอยู่วงดนตรีสุรพลฯ), บรรพต สุขแสง, กาญจนา เวียงแก้ว ฯลฯ วงดนตรีกระดิ่งทองนี่เอง ที่บุปผาได้บันทึกเสียงเพลงต่าง ๆ เช่น น้ำตาไม่มีความหมาย ผลงานการประพันธ์ของ พ.เทพิน และเพลง แพ้พี่ ผลงานการประพันธ์ของไพฑูรย์ ไก่แก้ว โดยได้วงดนตรีดุริยทิพย์ บรรเลง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงแก้กับเพลง เหลือทน ของไพรวัลย์ ลูกเพชร ในขณะที่ไพรวัลย์อยู่วงดนตรีรวมดาวกระจายแล้ว หลังจากนั้นบุปผาเธอได้บันทึกเสียงมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพลง ตลึงแล ซึ่งร้องแก้กับเพลง คนึงนาง ของ ไพรวัลย์ ลูกเพชร, ไม่ลืมสุรพล, น้ำตาแม่หม้าย, แน่เสมอ ฯลฯ ซึ่งศรีไพร ใจพระ ได้หันไปขอเพลงจากครูไพบูลย์ บุตรขัน จากที่เคยมีชื่อเสียงมาบ้างจากเพลงหวานอย่าง "แก้มนวล" ครูไพบูลย์จึงเปลี่ยนทางให้บุปผา สายชล หันมาร้องเพลงแนวโฉบเฉี่ยวอย่างเพลง รักคนแก่ดีกว่า และได้เพลง วอนลมฝากรัก ของครูสุรินทร์ ภาคศิริ และเพลงอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดัง ยกระดับเป็นหัวหน้าวงคู่กับศรีไพร ใจพระ
เมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว จน รังสี ทัศนพยัคฆ์ ต้องนำเธอไปร่วมแสดงในภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง เริ่มจาก "ชาติลำชี" และตามมาด้วย “ มนต์รักลูกทุ่ง “ อันลือลั่นในยุคขายนักร้องลูกทุ่ง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เธอโด่งดังมากขึ้นไปอีก เพราะได้บทดี และได้ร้องเพลงหลายเพลง
หลังการเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชา พระเอกภาพยนตร์ ระดับตำนานของฟ้าเมืองไทย สุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่ง และ คำรณ สัมบุณณานนท์ ราชาเพลงชีวิต ครูไพบูลย์ บุตรขัน ก็แต่งเพลง “ ยมบาลเจ้าขา “ เพื่อปรับทุกข์เรื่องการที่คนดีตายเร็ว คนชั่วตายช้า และก็ไม่ผิดหวังอีก เมื่อเพลงดังระเบิดอีกเช่นกัน รวมแล้วเธอมีผลงานบันทึกเสียงตลอดชีวิตการเป็นนักร้องราว 1,000 เพลง
ปัญหาครอบครัว
แก้ปี พ.ศ. 2517 ชีวิตครอบครัวของบุปผา สายชล และ ศรีไพร ใจพระ เริ่มมีปัญหาก็เลยเลิกรากัน ศรีไพร ใจพระ หันไปทำวงดนตรีหงษ์ทอง ดาวอุดร ส่วนบุปผา สายชล ก็มุ่งไปสู่วงการภาพยนตร์ และพบรักใหม่กับ สิงหา สุริยง พระเอกภาพยนตร์ที่มีโอกาสร่วมงานกัน ทำให้เธอหายไปจากวงการเพลง แต่การใช้ชีวิตคู่กับสิงหา สุริยง ก็ไปไม่ตลอดรอดฝั่ง เมื่อชีวิตคู่มีปัญหาก็ต้องเลิกรากันอีก โดยบุปผามีบุตรกับสิงหา สุริยงค์ 1 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบุตรกับ ศรีไพร ใจพระ 1 คน
ปี พ.ศ. 2524 บุปผา สายชล ที่ไม่มี ศรีไพร ใจพระ ผลักดัน ได้พยายามกลับเข้าสู่วงการลูกทุ่งอีกครั้งจากการชักชวนของสุชาติ เทียนทองแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากอายุมากขึ้น (อายุ 34 ปี) และในระยะหลังนั้นรูปร่างเธอค่อนข้างอ้วน ทำให้เธอเป็นกังวลอย่างมาก ถึงกับต้องหาทางลดน้ำหนักด้วยการทานยาบ้าง อดอาหารบ้าง ทำให้สุขภาพร่างกายมีปัญหา ในระยะหลังเธอเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ลาลับ
แก้บุปผา สายชล เสียชีวิต เมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 จากอาการเส้นโลหิตในสมองแตก เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูง ที่โรงพยาบาลเอกชล ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ขณะอายุได้เพียง 43 ปี โดยเธอเสียชีวิตในปีเดียวกับนางบุญมี พยนต์เลิศ คุณแม่ของเธอ ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2533 บุปผา สายชลได้รับพระราชทานศพเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2533
ปัจจุบัน สุรชัย สายชล ทายาทคนหนึ่งของบุปผา สายชล ก็ได้ผลิตผลงานลูกทุ่งตามรอยผู้เป็นมารดา และ ชล อภิชาติ เจ้าของผลงานเพลง หนุ่ม อ.บ.ต โดยทั้งคู่ได้ออกรายการสารพันลั่นทุ่ง (บางเขน) เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ใน Episode พิสูจน์เสียงทายาทคนดัง
ตัวอย่างผลงาน
แก้ผลงานเพลง
แก้- วอนลมฝากรัก
- ส้มตำ (ปี พ.ศ.2516 เรียบเรียงเสียงประสานโดย พีระ ตรีบุปผา)
- ยมบาลเจ้าขา
- สาวนาคอยคู่
- รักคนแก่ดีกว่า
- คนเหมือนกัน
- น้ำลงนกร้อง
- น้ำตาน้ำตก
- รูปหล่อถมไป
- ฉันรักลูกทุ่ง
- จะเดินโชว์
- ลมจ๋า
- ไม่น่าโกหก
- หัวอกแม่สื่อ
- หลวงพ่อช่วยที
- ไทดำรำพัน
- ซังคนใจร้าย
- ขวัญใจลูกทุ่ง
- คนช่างพูด
- คนจ๊ะคน
เป็นต้น
ผลงานภาพยนตร์
แก้- ชาติลำชี (2512)
- มนต์รักลูกทุ่ง (2513)
- อยากดัง (2513)
- ลำพู (2513)
- ส้มตำ (2514)
- มนต์รักจากใจ (2514)
- หยาดฝน (2515)
- ขวัญใจลูกทุ่ง (2515)
- แก้วกลางนา (2516)
- อำนาจเงิน (2516)
- มนต์รักแผ่นดินทอง (2521)
- ไอ้ฟ้าผ่า (2522)
- กำนันโพธิ์ (2522)
- ลำตัดรำเตะ (2525)
- รักสุดหัวใจ (2527)
- เขยเต็กกอ (2529)
ละครโทรทัศน์
แก้- สอยดาว สาวเดือน (2512) ช่อง 4 บางขุนพรหม
- เจ้าหญิงขันทอง (2530) ช่อง 3