บึ้งน้ำเงิน (อังกฤษ: cobalt blue tarantula; ชื่อวิทยาศาสตร์: Cyriopagopus lividus) เป็นสปีชีส์หนึ่งของแมงมุมทารันทูล่า ในวงศ์ Theraphosidae ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า และประเทศไทย[2] เดิมถูกอธิบายภายใต้ชื่อทวินามว่า Haplopelma lividum

บึ้งน้ำเงิน
บึ้งน้ำเงินในอำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ประเทศไทย
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
ขาดข้อมูล (กรุณาคัดลอกจากหน้านี้ในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ มาที่หน้านี้):
ขาดแม่แบบอนุกรมวิธาน ทำตามขั้นตอนด้านบนเพื่อสร้าง
Tetrapulmonata
อันดับ: แมงมุม
Araneae
อันดับฐาน: Mygalomorphae
Mygalomorphae
วงศ์: Theraphosidae
Theraphosidae
สกุล: Cyriopagopus
Cyriopagopus
(Smith, 1996)[1]
สปีชีส์: Cyriopagopus lividus
ชื่อทวินาม
Cyriopagopus lividus
(Smith, 1996)[1]
ชื่อพ้อง[1]
  • Haplopelma lividum Smith, 1996

คำอธิบาย

แก้

บึ้งน้ำเงินเป็นแมงมุมทารันทูล่าขนาดกลางที่มีช่วงขายาวประมาณ 13 เซนติเมตร (5.1 นิ้ว) มีลักษณะเด่นคือขามีสีเหลือบฟ้าและมีช่วงลำตัวส่วนหน้าและลำตัวส่วนหลังที่มีสีเทาอ่อน มาอาจมีแถบตัววีสีเทาเข้มกว่า[3] บึ้งน้ำเงินเพศผู้และเพศเมียจะมีลักษณะที่คล้ายกันจนกระทั่งถึงช่วงลอกคราบครั้งสุดท้ายของเพศผู้ เมื่อถึงจุดนี้ เพศผู้จะแสดงความแตกต่างระหว่างเพศ เช่น มีสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลืองส้มอมแดง และมีขาที่เรียวยาว นอกจากนี้ เพศผู้จะมีอวัยวะเพศ บนก้านขากรรไกรและขาปล้องที่สี่แอโพไฟซิส (tibial apophyses) และในท้ายที่สุดบึ้งน้ำเงินเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้และมีอายุขัยที่ยาวกว่า[4] บึ้งน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมดำรงชีวิตอยู่ใต้ดิน และจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโพรงลึก พิษของแมงมุมทารันทูล่าไม่เพียงพอที่จะฆ่ามนุษย์ได้ แต่สามารถกัดมนุษย์ได้อย่างแรงและเจ็บปวดอย่างมาก ในพิษจะมีกรดกลูตามิกที่ร้อยละ 0.97 และตรวจพบฮีสตามีนและอะดีโนซีนที่ร้อยละ 0.14 และ 0.10 ตามลำดับ โดยตรวจพบสารโพลีเอมีนสเปอร์มีนในปริมาณเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.002 (Moore et al., 2009)

ที่อยู่อาศัย

แก้

บึ้งน้ำเงินอาศัยอยู่ในป่าฝนเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[5] ซึ่งบึ้งน้ำเงินสร้างโพรงลึกอาศัย และโดยทั่วไปบึ้งน้ำเงินจะออกจากโพรงเพื่อหาอาหารเท่านั้น

การนำมาเลี้ยง

แก้

บึ้งน้ำเงินเป็นสัตว์ในอุตสาหกรรมการสัตว์เลี้ยง แม้ว่ามันจะเป็นแมงมุมทารันทูล่าที่รวดเร็วและป้องกันตัวได้ดีและมีพิษก็ตาม[6] การถูกกัดจากบึ้งสีน้ำเงินสามารถทำให้เกิดตะคริวและการอักเสบของกล้ามเนื้อได้[7]

เชิงอรรถและรายการอ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ WSC_s37470
  2. "บึ้งน้ำเงินเพชฌฆาต สวยประหารพันธุ์ดุ" [The killer cobalt blue tarantula, fierce femme fatale]. Thai Rath. 2009-05-15. สืบค้นเมื่อ 2020-06-27.
  3. Panecasio, Steph. "Scientists have figured out why some tarantulas are bright blue". CNET (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-05-16.
  4. "Cobalt Blue Tarantula".
  5. Smith, A. M. (1996). "A new species of Haplopelma (Araneae: Theraphosidae), with notes on two close relatives". Mygalomorph. 1: 21–32.
  6. Takaoka Makoto (2001). "Tarantulas Bite: Two Case Reports of Finger Bite from Haplopelma lividum". The Japanese Journal of Toxicology. 14 (3): 247–250. PMID 11692582.
  7. "Cobalt Blue Tarantula (Haplopelma lividum)". Keeping Exotic Pets. สืบค้นเมื่อ 2016-04-03.

Moore, S., Smyth, W. F., Gault, V., O’Kane, E., & McClean, S. (2009c). Mass spectrometric characterisation and quantitation of selected low molecular mass compounds from the venom of Haplopelma lividum (Theraphosidae). Rapid Communications in Mass Spectrometry, 23(12), 1747–1755. https://doi.org/10.1002/rcm.4063