ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน
ด็อยทช์ลันท์ลีท (เยอรมัน: Deutschlandlied [ˈdɔʏtʃlantˌliːt] ( ฟังเสียง), แปลว่า "เพลงเยอรมนี") หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน (Das Lied der Deutschen , แปลว่า "เพลงแห่งเยอรมัน") สำหรับในต่างประเทศในบางครั้งจะรู้จักกันในชื่อ "เยอรมนีเหนือทุกสรรพสิ่ง" (Deutschland über alles) เป็นเพลงชาติของเยอรมนีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1922[b] สำหรับในประเทศเยอรมนีตะวันออก เพลงชาติของประเทศนี้คือ เอาฟ์แอร์ชตันเดินเอาส์รูอีเนิน (Auferstanden aus Ruinen, แปลว่า "ฟื้นฟูขึ้นจากซากปรักหักพัง")
สำเนาเนื้อร้อง "ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" ลายมือของฮ็อฟมัน ฟอน ฟัลเลิร์สเลเบิน | |
เพลงชาติของ เยอรมนี[a] | |
ชื่ออื่น | "ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" English: "เพลงแห่งเยอรมัน" |
---|---|
เนื้อร้อง | เอากุสท์ ไฮน์ริช ฮ็อฟมัน ฟ็อน ฟัลเลิร์สเลเบิน, ค.ศ. 1841 |
ทำนอง | โยเซ็ฟ ไฮเดิน, ค.ศ. 1797 |
รับไปใช้ | ค.ศ. 1922–1945 |
รับไปใช้ใหม่ | ค.ศ. 1952 |
ก่อนหน้า |
|
ตัวอย่างเสียง | |
"ด็อยทช์ลันท์ลีท" (เสียงดนตรี ท่อนแรก) |
ทำนองของเพลงนี้ประพันธ์โดยโยเซ็ฟ ไฮเดิน เมื่อปี ค.ศ. 1797 ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่นั้นมาทำนองนี้ก็ถูกใช้เป็นเพลงชาติของจักรวรรดิออสเตรีย ต่อมาในปี ค.ศ. 1841 เอากุสท์ ไฮน์ริช ฮ็อฟมัน ฟ็อน ฟัลเลิร์สเลเบิน นักภาษาศาสตร์และกวีชาวเยอรมัน ได้ประพันธ์บทร้องชื่อ "ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" ตามทำนองเพลงของไฮเดิน เนื้อเพลงดังกล่าวถือได้ว่ามีลักษณะเนื้อหาเชิงปฏิวัติในขณะนั้น
"ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" ได้รับเลือกให้ใช้เป็นเพลงชาติเยอรมนีเมื่อ ค.ศ. 1922 ในสมัยสาธารณรัฐไวมาร์ ในปี ค.ศ. 1952 ประเทศเยอรมนีตะวันตกก็ได้รับเอาเพลงนี้ใช้เป็นเพลงชาติในชื่อ "ด็อยทช์ลันท์ลีท" (Deutschlandlied) โดยขับร้องเฉพาะบทร้องบทที่หนึ่งเท่านั้นในโอกาสที่เป็นทางการ ต่อมาหลังการรวมชาติเยอรมนีในปี ค.ศ. 1991 เพลงนี้ก็ได้กลายเพลงชาติเยอรมนีอย่างสมบูรณ์ โดยใช้เฉพาะบทร้องบทที่ 3 เป็นเนื้อร้องเพลงชาติอย่างเป็นทางการ
ทำนอง
แก้ทำนองของเพลง "ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" เดิมเป็นบทเพลงที่โยเซฟ ไฮเดิน ประพันธ์ขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1797 เพื่อใส่ทำนองให้กับบทกวีชื่อ "Gott erhalte Franz den Kaiser" ("ขอพระเจ้าทรงพิทักษ์พระจักรพรรดิฟรานซ์") สำหรับใช้เป็นเพลงถวายพระพรเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก หลังการเลิกล้มจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1806 เพลงดังกล่าวจึงได้กลายมาเป็นเพลงประจำจักรวรรดิออสเตรียและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมาจนกระทั่งระบอบราชาธิปไตยในออสเตรียได้สิ้นสุดลงเมื่อ ค.ศ. 1918
ทำนองเพลงดังกล่าวนี้ไม่ใช่แพร่หลายแต่ในออสเตรียและเยอรมนีเท่านั้น ในกลุ่มผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษก็ได้มีการหยิบยืมเอาทำนองเพลงนี้มาแต่เป็นเพลงสดุดี (hymn) ชื่อ "กลอเรียสทิงส์ออฟทีอาร์สโปกเกน" ("Glorious Things of Thee are Spoken") ซึ่งประพันธ์โดย จอห์น นิวตัน (John Newton)[1] และเพลง "นอตอะโลนฟอร์ไมตีเอมไพร์" ("Not Alone for Mighty Empire") ซึ่งแต่งโดย วิลเลียม พี. เมอร์ริลล์ (William P. Merrill)[2] ในบริบทเช่นนี้ทำให้มีการเรียกชื่อทำนองเพลงนี้ว่า "ออสเตรีย" ("Austria") "เพลงสดุดีแบบออสเตรีย" ("Austrian Hymn") หรือ "เพลงสดุดีจักรพรรดิ" ("Emperor's Hymn") [1]
ประวัติเนื้อร้อง
แก้เอากุสท์ ไฮน์ริช ฮ็อฟมัน ฟ็อน ฟัลเลิร์สเลเบิน ได้เขียนบทร้องขึ้นบทหนึ่งเมื่อ ค.ศ. 1848 ระหว่างพักผ่อนอยู่ที่เกาะเฮ็ลโกลันท์ (Helgoland) ในทะเลเหนือ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสหราชอาณาจักร โดยในการตีพิมพ์บทร้องดังกล่าวพร้อมด้วยโน้ตเพลงนั้น แสดงให้เห็นว่าเขามุ่งหมายที่จะให้บทร้องดังกล่าวใช้ขับร้องตามทำนองเพลง "Gott erhalte Franz den Kaiser" ของไฮเดิน เนื้อหาของบทร้องในบาทแรกของเพลงที่ว่า "Deutschland, Deutschland über alles, über alles in der Welt" (เยอรมนี, เยอรมนีเหนือทุกสิ่ง เหนือสิ่งอื่นใดในโลกา) เป็นคำเรียกร้องต่อบรรดารัฐเยอรมันต่าง ๆ (ซึ่งขณะนั้นยังแตกเป็นรัฐขนาดเล็กจำนวนหลายรัฐ) ให้รวมกันสร้างเยอรมันที่เป็นหนึ่งเดียวซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าอิสรภาพของบรรดารัฐเล็ก ๆ เหล่านั้น และในบทที่ 3 ซึ่งบาทแรกขึ้นต้นว่า "Einigkeit und Recht und Freiheit" (สามัคคี ยุติธรรม เสรีภาพ) เป็นการแสดงความปรารถนาของฮ็อฟมันที่จะเห็นเยอรมนีซึ่งเป็นหนึ่งเดียวและมีเสรีปกครองด้วยหลักนิติรัฐ ไม่ใช่อำนาจปกครองเบ็ดเสร็จของเหล่ากษัตริย์
ในยุคหลังคองเกรสแห่งเวียนนาซึ่งเต็มไปด้วยอิทธิพลของเจ้าชายเมตเตอร์นิคและเหล่าตำรวจลับ บทร้องที่ฮอฟ์มันน์เขียนขึ้นแสดงออกถึงแนวคิดปฏิวัติอย่างชัดแจ้งและมีความหมายโดยนัยถึงเสรีภาพ เนื่องด้วยการเรียกร้องให้รวมเยอรมันนั้นมีการเชื่อมโยงเข้ากับการเรียกร้องเสรีภาพของสื่อและสิทธิเสรีภาพอื่น ๆ ซึ่งมีความหมายโดยนัยว่า ว่าการแสดงความภักดีต่อชาวเยอรมันต้องเข้ามาแทนที่การภักดีต่ออำนาจของบุคคลเพียงคนเดียวก็เป็นความคิดปฏิวัติที่แฝงอยู่ในตัวด้วย
หนึ่งปีให้หลังจากการเขียนบทร้อง "ดัสลีทแดร์ด็อยท์เชิน" ฮอฟ์มันน์ก็ต้องออกจากงานบรรณารักษ์และอาจารย์ในเมืองเบร็สเลา (Breslau) ราชอาณาจักรปรัสเซีย (ปัจจุบันคือเมืองวรอตสวัฟ (Wrocław) ประเทศโปแลนด์) จากการเขียนบทเพลงดังกล่าวและผลงานแนวปฏิวัติชิ้นอื่น ๆ และต้องหลบซ่อนตัวจนกระทั่งหลังเกิดการปฏิวัติในเยอรมนีใน ค.ศ. 1848 จึงได้รับการอภัยโทษ
เนื้อร้อง
แก้บทร้องต่อไปนี้เป็นผลงานของเอากุสท์ ไฮน์ริช ฮ็อฟมัน ฟ็อน ฟัลเลิร์สเลเบิน เฉพาะบทร้องบทที่ 3 เท่านั้นที่ใช้เป็นเพลงชาติเยอรมนีในปัจจุบัน
ภาษาเยอรมัน | ภาษาไทย |
---|---|
1. Deutschland, Deutschland über alles, |
1. เยอรมัน เยอรมัน เหนือทุกสรรพสิ่ง |
การปรับใช้ของรัฐ
แก้ทำนองของเพลงนี้ ถูกใช้เป็นทำนองเพลงชาติจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีจนกระทั่งล่มสลายในปี ค.ศ. 1918 ประธานาธิบดีเยอรมนีฟรีดริช เอเบิร์ท ประกาศใช้ เพลงเยอรมนี (Deutschlandlied) เป็นเพลงชาติเยอรมนีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1922
ในยุคนาซีเยอรมนี เพลงนี้ถูกเป็นเพลงชาติแต่เพียงเฉพาะบทแรกเท่านั้น และมีการขับร้องเพลง "เพลงฮอสท์ เวสเซิล" ต่อท้ายด้วยอีกเพลงหนึ่งในงานหรือโอกาสสำคัญยิ่งยวดอย่างเช่นมหกรรมโอลิมปิก
หมายเหตุ
แก้- ↑ เฉพาะท่อนที่สามที่ถูกออกแบบเป็นเพลงชาติอย่างเป็นทางการ
- ↑ สาธารณรัฐไวมาร์ (ค.ศ. 1922–1933), ประเทศเยอรมนีตะวันตก (ค.ศ. 1952–1990) และประเทศเยอรมนี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1990)
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 Glorious Things of Thee Are Spoken[ลิงก์เสีย]
- ↑ Not Alone for Mighty Empire[ลิงก์เสีย]
- ↑ วิกิซอร์ซในภาษาเยอรมนี มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ: Lied der Deutschen
ข้อมูล
- Geisler, Michael E., บ.ก. (2005). National Symbols, Fractured Identities: Contesting the National Narrative. University Press of New England. ISBN 978-1-58465-437-7.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Die Nationalhymne der Bundesrepublik Deutschland, German Federal Government (ในภาษาเยอรมัน)
- "Das Lied der Deutschen", ingeb.org
- "Das Lied der Deutschen" at Brandenburg Historica
- "Das Kaiserlied" (Haydn): โน้ตเพลงเสรีที่โครงการห้องสมุดดนตรีนานาชาติ
- Singing of the German national anthem ที่ยูทูบ, during the official German Unity Day ceremony on 3 October 1990
- Daniel A. Gross (18 February 2017). "'Deutschland über alles' and 'America First', in Song". The New Yorker.