คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (อังกฤษ: Faculty of Science, Silpakorn University) เป็นคณะวิชาลำดับที่ 7 ของ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นคณะวิชาแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากรที่เปิดสอนด้านวิทยาศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2514
Faculty of Science, Silpakorn University | |
สถาปนา | 27 ธันวาคม พ.ศ. 2514 |
---|---|
คณบดี | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นรงค์ ฉิมพาลี |
ที่อยู่ | คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เลขที่ 6 ถนนราชมรรคาใน ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม 73000 |
วารสาร | วารสารคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร |
สี | สีจำปา[1] |
มาสคอต | พระคเณศ ภายใน อะตอม |
เว็บไซต์ | www.sc.su.ac.th |
ประวัติ
แก้"คณะวิทยาศาสตร์" ได้ก่อตั้งขึ้นในวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เป็นคณะที่ 7 ของ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศที่เกี่ยวข้องกับงานการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่เนื่องจากในปีการศึกษา 2515 ซึ่งเป็นปีการศึกษาแรก อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ ณ วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ยังสร้างไม่เสร็จ จึงจำเป็นต้องฝากนักศึกษารุ่นแรกเรียนที่แผนกพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี จนในปีการศึกษา 2516 จึงได้ย้ายมาดำเนินการต่อที่อาคารหลังแรกของคณะวิทยาศาสตร์ และได้จัดสร้างอาคารประกอบอื่น ๆ เช่น โรงเลี้ยงสัตว์ทดลองและเรือนต้นไม้ของภาควิชาชีววิทยา
คณะวิทยาศาสตร์เปิดสอนหลักสูตร วิทยาศาสตรบัณฑิต แก่นักศึกษารุ่นแรก จำนวน 48 คน แบ่งเป็น 3 สาขาใน 2 ภาควิชาคือ สาขาวิชาคณิตศาสตร์และสาขาวิชาสถิติในภาควิชาคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาชีววิทยาในภาควิชาชีววิทยา จากนั้นในปีการศึกษา 2519 คณะวิทยาศาสตร์ได้เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมีและสาขาวิชาฟิสิกส์เพิ่มอีก 2 สาขาวิชาเอก ทางคณะวิทยาศาสตร์มีนโยบายการพัฒนาการศึกษาในด้านคุณภาพการศึกษาและการจัดตั้งสาขาวิชาใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งมีผลกระทบกับจำนวนนักศึกษาที่ต้องเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2520 เป็นต้นมาคณะวิทยาศาสตร์จึงรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เพิ่มขึ้นทุกปี
ปีการศึกษา 2522 คณะวิทยาศาสตร์เปิดรับนักศึกษาในเขตภูมิภาคตะวันตกให้เข้าศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์โดยการสอบคัดเลือกแบบโควตาพิเศษเป็นครั้งแรก ในขณะนั้น คณะวิทยาศาสตร์ผลิตบัณฑิต 6 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ สาขาวิชาสถิติ สาขาวิชาเคมี สาขาวิชาชีววิทยา สาขาวิชาฟิสิกส์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ซึ่งมีสาขาย่อยดังนี้ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวฟิสิกส์ สาขาวิชาเคมีชีววิทยา และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวสถิติ
ในปีงบประมาณ 2525 คณะวิทยาศาสตร์ได้รับงบประมาณเพื่อก่อสร้างโรงเลี้ยงแมลงเพื่องานวิจัยของภาควิชาชีววิทยาอีก 1 หลัง โดยสร้างต่อเชื่อมกับเรือนกระจกสำหรับปลูกพืชทดลอง
หลังจากเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์ทั่วไปเป็นเวลาพอสมควร คณะวิทยาศาสตร์ประสบปัญหาการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก จึงมีดำริที่จะหยุดผลิตบัณฑิตสาขาวิชานี้ แต่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ดังนั้นนับแต่ปีการศึกษา 2528 เป็นต้นมาคณะวิทยาศาสตร์จึงรับนักศึกษาเข้าศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ทั่วไปเพียงสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพียงสาขาเดียว
ต่อมาปีการศึกษา 2532 คณะวิทยาศาสตร์ได้รับการอนุมัติจัดตั้งภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจาก ทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นคณะวิชาแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในระดับปริญญาตรี
การเรียนการสอนในอีกสาขาหนึ่งที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในคณะวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปกับการเติบโตของศูนย์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย คือสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับความเห็นชอบผ่านการอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยใน พ.ศ. 2531
จากการขยายตัวทางการศึกษาซึ่งมีการเปิดสอนสาขาวิชาใหม่ทำให้จำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น จำนวนอาจารย์และบุคลากรทุกด้านก็เพิ่มมากขึ้นด้วย อาคารที่ทำการหลังแรกจึงดูคับแคบไปอย่างถนัด คณะวิทยาศาสตร์มีความจำเป็นต้องสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นอีก 1 หลัง เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำการของภาควิชาเคมี ภาควิชาฟิสิกส์ ห้องปฏิบัติการและห้องวิจัยของสาขาวิชาเคมีและสาขาวิชาฟิสิกส์ ตลอดจนห้องบรรยายต่าง ๆ
นอกจากห้องเรียนดังกล่าวแล้ว ทางคณะวิทยาศาสตร์ยังเล็งเห็นความจำเป็นในการใช้ห้องบรรยายรวมสำหรับใช้บรรยายวิชาพื้นฐานของคณะวิทยาศาสตร์ จึงดำริสร้างอาคารเรียนรวมขึ้นอีกหนึ่งหลัง พร้อมกับอาคารวิทยาศาสตร์หลังที่ 3 โดยอาคารเรียนรวมวิทยาศาสตร์ (ร.วท.) นี้ประกอบด้วย ห้องบรรยายขนาดจุห้องละ 232 ที่นั่ง จำนวน 2 ห้อง ส่วนอาคารเรียนวิทยาศาสตร์หลังที่ 3 ประกอบด้วยห้องบรรยาย ห้องสัมมนา สำนักงานภาควิชาเคมี สำนักงานภาควิชาฟิสิกส์ ห้องปฏิบัติงาน ห้องวิจัยทางเคมีและฟิสิกส์
เนื่องจากคณะวิทยาศาสตร์ต้องรับภาระสอนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ให้กับคณะวิชาต่าง ๆ รวมถึง คณะเภสัชศาสตร์ และ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่อาคารวิทยาศาสตร์ให้เพียงพอกับจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้น คณะวิทยาศาสตร์จึงของบประมาณสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อเป็นห้องปฏิบัติวิชาพื้นฐานทั้งหมด ซึ่งในระยะนี้มหาวิทยาลัยมีนโยบายจัดตั้งศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย แต่เนื่องจากโครงการจัดตั้งศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ จึงไม่ได้รับงบประมาณก่อสร้าง โครงการมหาวิทยาลัยจึงให้ที่ทำการศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ในความดูแลของคณะวิทยาศาสตร์ และให้ใช้อาคารวิทยาศาสตร์หลังที่ 4 ส่วนหนึ่งเป็นที่ทำการของศูนย์ด้วย อาคารหลังนี้จึงเรียกชื่อว่า อาคารปฏิบัติการรวมและศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ (อาคารวิทยาศาสตร์ 4)
ต่อมาในปีการศึกษา 2535 – 2538 คณะวิทยาศาสตร์พิจารณารับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จาก 20 คน เป็น 260 คน ถึงแม้ว่าคณะวิทยาศาสตร์จะพิจารณารับนักศึกษาเพิ่มขึ้นเกือบทุกปีแล้วก็ตาม เมื่อมีการวิเคราะห์จำนวนความต้องการนักวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศแล้ว พบว่าประเทศไทยยังขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์อีกถึงปีละ 10,000 คน ทบวงมหาวิทยาลัยจึงขอความร่วมมือจากคณะวิทยาศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัยของรัฐทั่วประเทศ ให้พิจารณาผลิตบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์เพิ่มให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ฉะนั้นคณะวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 อีก 180 คน และเนื่องจากสาขาวิชาคณิตศาสตร์เป็นอีกสาขาวิชาหนึ่งที่ขาดแคลนอย่างยิ่ง ซึ่งทางทบวงมหาวิทยาลัยขอให้รับเพิ่มอีกปีละ 10 คน ดังนั้นในปีการศึกษา 2539 คณะวิทยาศาสตร์จึงรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เพิ่มอีก 190 คนรวมจากเดิม 260 คนเป็น 450 คน ต่อมาสาขาวิชาคณิตศาสตร์พิจารณาเพิ่มอีก 10 คน ฉะนั้นในปีการศึกษา 2540 คณะวิทยาศาสตร์รับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 รวมทั้งสิ้น 460 คน
ดังนั้นอาคารปฏิบัติงานฟิสิกส์และอาคารเก็บสารเคมีซึ่งเดิมเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว แบ่งเป็นส่วนที่ฝึกปฏิบัติการทางฟิสิกส์ และเก็บสารเคมีของภาควิชาเคมีอย่างละครึ่ง ภายหลังเมื่อคณะวิทยาศาสตร์รับนักศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 260 คน เป็น 460 คน จึงจำเป็นต้องสร้างอาคารปฏิบัติการฟิสิกส์และอาคารเก็บสารเคมีใหม่ และเพื่อความปลอดภัยจึงแยกออกเป็น 2 อาคาร นอกจากนั้นคณะวิทยาศาสตร์ยังตัดสินใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (พสวท.) และโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (พสวท.ครู)
การขยายตัวทางการศึกษาอย่างกะทันหันทำให้คณะวิทยาศาสตร์มีปัญหาเรื่องสถานที่เรียนมาก คณะวิทยาศาสตร์จึงได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารอีก 1 หลัง พื้นที่ประมาณ 16,000 ตารางเมตร โดยปลูกสร้างในพื้นที่เดิมของอาคารหลังที่ 1 ซึ่งเสื่อมสภาพมากแล้วจากอาคารเดิมสูง 3 ชั้น เป็นอาคารใหญ่สูง 8 ชั้น อาคารหลังนี้ยังคงเรียกว่า อาคารวิทยาศาสตร์หลังที่ 1 เหมือนเดิม
หน่วยงาน
แก้- สำนักงานคณบดี
- ภาควิชาคณิตศาสตร์
- ภาควิชาเคมี
- ภาควิชาชีววิทยา
- ภาควิชาฟิสิกส์
- ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
- ภาควิชาสถิติ
- ภาควิชาคอมพิวเตอร์
- ภาควิชาจุลชีววิทยา
- ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์
หลักสูตร
แก้
หลักสูตร วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.)
หลักสูตร ศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.)
|
หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.)
|
หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.)
|
ทำเนียบคณบดี
แก้รายนามคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ | ||
---|---|---|
ลำดับ | คณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
รองศาสตราจารย์ ดร. ไววิทย์ พุทธารี | 30 สิงหาคม พ.ศ. 2515 – 11 กันยายน พ.ศ. 2517 12 กันยายน พ.ศ. 2517 – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2519[2] | |
ศาสตราจารย์ ดร. อดุล วิเชียรเจริญ | รักษาราชการแทนคณบดี 2 มิถุนายน พ.ศ. 2519 – 17 มีนาคม พ.ศ. 2520[3] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ทวี หอมชง | 18 มีนาคม พ.ศ. 2520 – 31 มกราคม พ.ศ. 2521[4] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรชัย นิมจิรวัฒน์ | รักษาราชการแทนคณบดี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 – 30 กันยายน พ.ศ. 2521 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525 – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2529[5] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ประดน จาติกวนิช | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2521 – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2525[6] | |
อาจารย์ ดร. สมเกียรติ ธาดานิติ | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2533[7] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พินิติ รตะนานุกูล | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 – 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 (ลาออก)[8] | |
อาจารย์ ดร. ดลฤดี ฉิมพาลี | รักษาราชการแทนคณบดี 1 มีนาคม พ.ศ. 2537 – 5 เมษายน พ.ศ. 2537[9] | |
อาจารย์ ดร. จรุงแสง ลักษณบุญส่ง | 6 เมษายน พ.ศ. 2537 – 5 เมษายน พ.ศ. 2541[10] 6 เมษายน พ.ศ. 2541 – 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 (ลาออก)[11] รักษาราชการแทนคณบดี 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 – 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544[12] 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 – 30 กันยายน พ.ศ. 2553[13] 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 – 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555[14] รักษาราชการ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556[15] | |
รองศาสตราจารย์ วัฒนา เกาศัลย์ | รักษาราชการแทนคณบดี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 7 มีนาคม พ.ศ. 2544[16] | |
อาจารย์ ดร. ชาคร วิภูษณวนิช | 8 มีนาคม พ.ศ. 2544 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 (ลาออก)[17] รักษาราชการแทนคณบดี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 – 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2546[18] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปราณี นิลกรณ์ | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 – 30 กันยายน พ.ศ. 2549 (ลาออก)[19] | |
รองศาสตราจารย์ ดร. สืบสกุล อยู่ยืนยง | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556 – 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560[20] | |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นรงค์ ฉิมพาลี | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน[21] |
- หมายเหตุ ตำแหน่งทางวิชาการในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
อ้างอิง
แก้- ↑ สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยศิลปากร ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 292/2517 ลงวันที่ 20 กันยายน 2517
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 202/2519 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2519
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 137/2520 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2520
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 711/2525 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2525
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 420/2521 ลงวันที่ 15 กันยายน 2521
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 687/2529 ลงวันที่ 14 กันยายน 2529
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 767/2533 ลงวันที่ 5 กันยายน 2533
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 179/2537 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2537
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 336/2537 ลงวันที่ 5 เมษายน 2537
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 193/2541 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2541
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 1201/2543 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2543
- ↑ คำสั่ง มศก.ที่ 1487/2549 ลงวันที่ 14 กันยายน 2549
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 1290/2553 ลงวันที่ 13 กันยายน 2553
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 1851/2555 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2555
- ↑ คำสั่ง มศก.ที่ 181/2544 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544
- ↑ คำสั่ง มศก.ที่ 206/2544 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2544
- ↑ คำสั่ง มศก.ที่ 450/2546 ลงวันที่ 28 เมษายน 2546
- ↑ คำสั่ง มศก.ที่ 522/2546 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2546
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 917/2556 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2556
- ↑ คำสั่ง มศก. ที่ 974/2560 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2560