กรมการบินพลเรือน (ประเทศไทย)

(เปลี่ยนทางจาก กรมการบินพลเรือน)

กรมการบินพลเรือน (อังกฤษ: Department of Civil Aviation) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทยในอดีตที่มีหน้าที่ดูแลและควบคุมกิจการการบินพลเรือนของประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 และยุบเลิกไปในปี พ.ศ. 2558 กรมการบินพลเรือนก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2476 ในฐานะกองหนึ่งภายใต้กรมการขนส่ง กระทรวงพาณิชย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2506 ได้ยกระดับเป็นกรมภายใต้กระทรวงคมนาคมที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ และเดิมมีชื่อเรียกว่า กรมการบินพาณิชย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อเป็น กรมการขนส่งทางอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่ขยายตัวขึ้น และในปี พ.ศ. 2552 ได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นกรมการบินพลเรือน กรมการบินพลเรือนมีหน้าที่หลักในการกำหนดกฎเกณฑ์ กำกับดูแล และตรวจสอบการบินพลเรือนของประเทศไทย รวมถึงการบริหารจัดการสนามบินพลเรือนของรัฐ (ไม่รวมสนามบินนานาชาติหลักที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน))[1]

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ลดระดับความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ กรมการบินพลเรือน (DCA) จึงถูกแบ่งออกเป็น 2 หน่วยงานใหม่ ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ซึ่งจะดำเนินการกำกับดูแลด้านการบินและกรมท่าอากาศยาน (DOA) จะเข้ามาดูแลและบริหารจัดการท่าอากาศยานที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของกรมการบินพลเรือน

การลดระดับความปลอดภัย

แก้

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศปฏิเสธแผนปรับปรุงความปลอดภัยของไทย ซึ่งถูกส่งมาเพื่อป้องกันการปรับลดระดับความปลอดภัยด้านการบินที่กำลังจะเกิดขึ้น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้ดำเนินการตรวจสอบในเดือนมกราคม พ.ศ. 2558 และพบว่ามาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินต้นทุนต่ำบางแห่งในประเทศไทยมีความบกพร่องอย่างร้ายแรง แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า การตรวจสอบพบว่ากรมการบินพลเรือนได้ละเลยข้อบังคับหลายประการสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ สิ่งพื้นฐานที่ขาดหายไป เช่น การมีคู่มือการบินประจำสายการบินไว้ที่สำนักงานภาคพื้นดิน หรือการเตรียมเครื่องบินสำรองไว้สองลำ เพื่อสับเปลี่ยนในกรณีที่เครื่องบินลำปัจจุบันมีปัญหาทางเทคนิค องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศมีมติจะลดระดับความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทยในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 ถ้ากรมการบินพลเรือนไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่พบได้ หากลดระดับความปลอดภัย สายการบินไทยและสายการบินอื่น ๆ ที่จดทะเบียนในประเทศไทยอาจถูกห้ามเปิดเส้นทางบินใหม่ แต่เส้นทางเดิมยังใช้งานได้ตามปกติ ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ตอบสนองต่อการปรับลดระดับที่อาจเกิดขึ้นโดยการห้ามการขอแผนการบินในอนาคตและห้ามเที่ยวบินเช่าเหมาลำทั้งหมดจากบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย แหล่งข่าวภายในสายการบินไทยได้วิพากษ์วิจารณ์ กรมการบินพลเรือน หน่วยงานที่กำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินของไทย โดยระบุว่า "การขาดความใส่ใจในรายละเอียดของพวกเขา กำลังส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย"[2]

เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 คณะผู้แทนการบินพลเรือนของไทยเดินทางไปยังกรุงโซล เพื่อเจรจาขอผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่เกาหลีใต้กำหนดไว้ พวกเขาล้มเหลวในการโน้มน้าวใจชาวเกาหลีใต้ สายการบินเช่าเหมาลำของไทย 3 ราย ถูกระงับเที่ยวบินไปยังประเทศเกาหลีใต้ในเดือนเมษายน ส่งผลให้มีผู้โดยสารจำนวนมากได้รับผลกระทบโดยประมาณ 10,000 คน[3] ญี่ปุ่นได้อนุญาตให้สายการบินเช่าเหมาลำของไทยสามารถบินไปญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องในช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด ระหว่างวันที่ 11 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม[4]

เมื่อองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศใดประเทศหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาพิจารณาเป็นหลัก ได้แก่ การออกใบอนุญาตและการฝึกอบรมบุคลากร การประเมินและรับรองความปลอดภัยของอากาศยาน การสอบสวนอุบัติเหตุ และการกำกับดูแลสายการบิน กรมการบินพลเรือนมีหน้าที่ออกใบอนุญาตให้สายการบินภายในประเทศ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กรมการบินพลเรือนได้ออกใบอนุญาตให้สายการบินใหม่ถึง 22 สายการบินภายในเวลาเพียง 9 เดือน ณ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 กรมการบินพลเรือนได้ออกใบอนุญาตให้บริษัทการบินทั้งสายการบินประจำและสายการบินเช่าเหมาลำ จำนวน 70 บริษัท 61 บริษัทยังคงดำเนินกิจการอยู่ จากข้อมูลทั้งหมดในจำนวนนี้ 41 ราย เป็นบริษัทที่ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ[5]

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตำหนิปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า กรมการบินพลเรือนมีผู้ตรวจสอบความปลอดภัยการบินเพียง 13 คนเท่านั้น[6] กรมการบินพลเรือนมีพนักงาน 1,514 คน[1]

ในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยไม่สามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินที่กำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน โดยพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น ได้ออกมายืนยันถึงเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558 "มันใช้เวลานานกว่าที่เราคาดไว้" พลอากาศเอกประจินเปิดเผยกับสื่อมวลชน “ความพยายามของเราอาจจะเสร็จสิ้นได้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2558” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาอาจจะต้องใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อ “แก้ไข” ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยของไทยอย่างรวดเร็ว[7] ข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศกำหนดให้ต้องมีการเขียนและเผยแพร่คู่มือความปลอดภัยทางการบินภายในกลางปี และเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว สายการบิน 41 สายการบิน (28 สายการบินเป็นสายการบินต่างประเทศ และ 13 สายการบินเป็นสายการบินของไทย) ที่ให้บริการในประเทศไทย จะต้องได้รับการรับรองใหม่อีกครั้ง[8]

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 กรมการบินพลเรือนของไทยได้ยื่นขอเลื่อนการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน โดยเหตุผลที่ขอเลื่อนเนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้ชี้แนะมาก่อนหน้านี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน[9]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 "DCA's Functions and Responsibilities". Department of Civil Aviation Thailand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 March 2016. สืบค้นเมื่อ 31 Mar 2015.
  2. "Thailand Scrambles to Ward Off Aviation Safety Downgrade". Khaosod English. 2015-03-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 April 2015. สืบค้นเมื่อ 31 Mar 2015.
  3. "South Korea bans Thai charter flights, affecting 10,000 passengers". ThaiPBS. 2015-04-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2019. สืบค้นเมื่อ 6 Apr 2015.
  4. "Ban on charter flights to Japan eases after MoU signed". ThaiPBS. 2015-04-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2019. สืบค้นเมื่อ 6 Apr 2015.
  5. "Civil Aviation Department issue 22 licences in nine months". ThaiPBS. 2015-03-31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2019. สืบค้นเมื่อ 31 Mar 2015.
  6. "Chartered flights ban to Japan, South Korea and China worries PM". ThaiPBS. 2015-03-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 November 2018. สืบค้นเมื่อ 31 Mar 2015.
  7. "Thailand to Miss UN Aviation Agency's Safety Deadline". Khaosod English. 2015-04-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2015. สืบค้นเมื่อ 20 Apr 2015.
  8. Sritama, Suchat (2015-04-20). "41 airlines need to be recertified by July: Prajin". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-31. สืบค้นเมื่อ 20 Apr 2015.
  9. Mahitthirook, Amornrat (2015-05-29). "Govt to ask US to defer aviation safety checks". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 29 May 2015.